ไลฟ์สไตล์บางทีเราก็อาจไม่รู้สึกจะต้องจริงจังอะไรมากมาย แต่ไลฟ์สไตล์บางอย่างหากพิจารณาให้ลึกหน่อยจะได้ประโยชน์มาก โดยเฉพาะเรื่องการดูหนัง ดูซีรีส์ ฟังเพลง หรือเสพสื่อบันเทิงต่างๆ
พระคัมภีร์มีเป้าหมายในการพัฒนาทางจิตวิญญาณและให้มุมมองที่ดีในการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพจิตที่ดี จริงๆ พระเยซูก็ใช้เรื่องเล่าสนุกๆ หลายครั้ง ถือว่าพระองค์เป็นนักเล่าเรื่องหรือ Story Teller ที่เก่งคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เรื่องเล่าของพระเยซูน่าสนใจเป็นเหมือนเปลือกที่ห่อหุ้มแก่นบางอย่างที่พระองค์ต้องการสื่อสาร ถ้ามองเรื่องหนัง ซีรีส์ เพลง ฯลฯ ก็คล้ายกัน มีเปลือกสนุกตื่นเต้นที่ห่อหุ้มค่านิยมบางอย่างไว้ และนั่นต้องเป็นสิ่งที่ควรพิจารณา
ผู้สร้างหนังหรือซีรีส์เขามองเรื่องนี้อย่างไร
ในมุมของคนสร้างสื่อเหล่านี้ ผู้สร้างจะสร้างตามความต้องการของตลาด คืออะไรที่คนดูอยากดูก็สร้างขึ้นเพื่อตอบสนองธุรกิจและคุณค่าบางอย่างที่ผู้สร้างต้องการสื่อ โดยเฉพาะสมัยนี้ AI จะให้ข้อมูลจากฝั่งผู้บริโภคได้เลยว่าทั้งโลกกำลังดูอะไร เรื่องประเภทไหน ฉากไหนที่ชอบเป็นพิเศษ ดาราคนไหนเป็นกระแส ฯลฯ ข้อมูลก็จะส่งกลับไปเพื่อให้ผู้สร้างพิจารณา
โดยทั่วไปเนื้อหาของหนังหรือซีรีส์ จะเริ่มจากวรรณกรรม เราต้องเข้าใจก่อนว่าวรรณกรรมเป็นการประดิษฐ์สร้างสรรค์ของมนุษย์ ย่อมมีถูกผิดไม่ครบถ้วนเป็นของธรรมดา ถ้าจะจับผิดตามหลักพระคัมภีร์ยังไงก็เจอ เพราะไม่ใช่พระวจนะพระเจ้า ความจริงแม้แต่หนังที่เกี่ยวกับพระเยซูหรือความเชื่อแบบคริสต์ เรายังเจอประเด็นแปลกๆ ได้เลย เช่น บางเรื่องสร้างโดยกลุ่มความเชื่อที่เบี่ยงเบนพระคัมภีร์ ก็จะนำเสนอศาสนศาสตร์ตามที่เขาเชื่อ เช่น ค่ายของกลุ่มมอรมอน หรือศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนในยุคสุดท้าย (LDS) กลุ่มนี้ผลิตซีรีส์พระเยซูมากมาย แต่ในทัศนะที่ไม่ตรงพระคัมภีร์ เป็นต้น หรือภาพยนตร์ตีความ Noah รับบทโดย Russell Crowe ก็ให้ความคิดของน้ำท่วมโลกในการตีความที่เบี่ยงเบนพระคัมภีร์ไปไกลเลย
เรามีวิธีอะไรในการสกรีนหนังหรือซีรีส์
1. ผิดพระคัมภีร์ตรงๆ เลยไหม ถ้าผิดก็ไม่ต้องดู เพราะจะสร้างภาพจำที่ผิดในพระคัมภีร์ เราต้องมีสติและพิจารณาแยกแยะให้ดีก่อนและระหว่างดู
2. ดูหนังตัวอย่าง (Trailer) ว่าเหมาะไหม
3. ดูเร็ตติ้งมาตรฐาน และเลือกให้เหมาะกับวัย
G (General): เป็นเรทภาพยนตร์ที่สามารถรับชมได้ทุกเพศทุกวัย หนังตลกที่ไม่มีคำหยาบ ไม่มีเครื่องดื่มมึนเมา หรือสารเสพติดในเรื่อง เยาวชนก็สามารถชมได้ สรุปคือจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ชมได้หมด
PG (Parental Guidance Suggested): ผู้ปกครองควรพิจารณา เพราะอาจมีบางฉากไม่เหมาะกับวัยรุ่น เนื้อเรื่องอาจจะมีคำหยาบบ้าง มีภาพโป๊เล็กน้อยแต่ไม่ได้ล่อแหลมมาก ซึ่งสมัยนี้หนังส่วนมากจะเริ่มที่เรทนี้แล้ว เราจะหาหนังที่คลีน ไม่มีคำหยาบ ไม่มีจูบ แทบไม่มีแล้ว
PG-13 (Parents Strongly Advised): ผู้ปกครองควรพิจารณา เพราะอาจมีบางฉากไม่เหมาะกับเด็กและวัยก่อนวัยรุ่น คือสำหรับเด็กต่ำกว่า 13 ปี จะต้องมีพ่อแม่ผู้ปกครองคอยแนะนำ เพราะเรทนี้ หนังจะเริ่มมีความรุนแรง ยาเสพติด (จำพวกบุหรี่) ภาพโป๊เปลือย หรือภาพทางเพศที่ไม่เหมาะสมในระดับปานกลาง รวมไปถึงภาษาในหนังก็จะรุนแรงขึ้นนิดหน่อย
R (Restricted): หนังควบคุม หากฉายในโรงภาพยนตร์จะมีการตรวจบัตรประชาชนก่อน หนังเรทประเภทนี้ จะเต็มไปด้วยเนื้อหาที่มีความรุนแรง ภาพน่ากลัวสยอง ภาพโป๊ กิจกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมกับเยาวชน รวมถึงการใช้สารเสพติด
4. สร้างผลกระทบทางจิตใจในทางที่ไม่ดีไหม เกิดความกลัว ดิ่ง หลอน หรือกังวลไหม
5. มีเวลาไหม
แล้วเราควรหยุดเมื่อไร
เราอาจดูซีรีส์ ดูหนัง เสพสื่อบันเทิงตามจังหวะเวลาที่เหมาะสม แต่บางกรณีก็ควรจับสัญญาณบางอย่างที่เราควรหยุดเสพสื่อเหล่านี้ เช่น เราควรหยุดเมื่อ...
1. เมื่อเราดูแล้วรู้สึกหวั่นไหวหรือสับสนในความเชื่อ
หนังหรือซีรีส์ที่ส่งเสริมยกย่องความเชื่อหรือปรัญชาอื่นแบบสุดกู่ หนังหรือซีรีส์ที่โจมตีศาสนาคริสต์อย่างรุนแรงจนเราหวั่นไหว เช่น สารคดีที่เน้นโจมตีความเชื่อแบบไม่สมดุล หนังที่สร้างภาพจำที่ผิดในเรื่องพระเจ้า เป็นต้น เรื่องแบบนี้ไม่ยากที่จะอธิบาย แต่เราเลือกได้ที่จะหยุดหากเราไม่สบายใจ
2. เมื่อเราดูแล้วกระทบจิตใจมากเกินไป
หมายถึงเกิดความกลัว ดิ่ง หลอน หรือกังวล เช่น หนังประเภทสงคราม Schindler's List (1993), ซีรีส์เลือดสาดอย่าง Alice in Borderland (2020) จากค่ายหนังญี่ปุ่น Squid Game (2021, 2025) จากค่ายหนังเกาหลีใต้, หนังที่ไม่ใช่หนังผีแต่จะหลอนจนเกินไป The Boy in Blue Pajamas (2008) หรือหนังสร้างความรู้สึกดิ่งอย่าง Joker (2019) เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมไม่ชอบ ดูแล้วรู้สึกหดหู่ พอเห็นจะเปิดผ่านไปเลย ไม่แนะนำ ฉะนั้นหากเราดูแล้วเกิดความกลัว ดิ่ง หลอน หรือกังวล กระทบจิตใจเกินไป ให้พิจารณาหยุดดูทันที
3. เมื่อเราแยกไม่ออกระหว่างความจริงกับแฟนตาซี
บางคนแยกไม่ได้จริงๆ ระหว่างความจริงและแฟนตาซี คือเชื่อจริงๆ ว่าความจริงเป็นอย่างในหนัง เช่น หนังที่ดัดแปลงจากเรื่องจริง The Blair Witch Project (1999), Paranormal Activity (2007-2021), The Exorcist (1993), Midsommar (2019) หรือซีรีส์ไทยพรีเรียดที่เป็นที่นิยม เช่น บุพเพสันนิวาส (2561), คุณพี่เจ้าขาดิฉันเป็นห่านไม่ใช่หงส์ (2568) เป็นต้น ถ้าแยกไม่ออกระหว่างความจริงและแฟนตาซี แล้วไม่พร้อมที่จะคิดเป็นอย่างอื่น ก็อย่าไปดู
บทบาทของคริสตจักรและผู้อภิบาลควรทำอะไรบ้าง
ยุคนี้การห้ามไม่เป็นประโยชน์เท่าการแนะนำ อาจจะห้ามได้ในบางเรื่องที่ชัดๆ แต่สมัยนี้ส่วนใหญ่ไม่ชัดขนาดนั้น จะเจือค่านิยมที่ผิดลงไปในความสนุกมากกว่า คริสตจักรควรเข้าใจและแนะนำให้ดี ไม่ปล่อยไลฟ์สไตล์แบบนี้ให้ซุกใต้พรม เราสามารถทำบางอย่างได้ เช่น
1. สอนพระคัมภีร์ให้ลงลึกถึงการประยุกต์ในชีวิตจริง
โดยเฉพาะเรื่องค่านิยมต่างๆ เช่น การเห็นคุณค่าชีวิต เพราะหนังส่วนหนึ่งยิงกันสนั่นเหมือนชีวิตไม่มีคุณค่า, ความสัมพันธ์หนุ่มสาวที่ควรพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ถึงเนื้อถึงตัวเร็วเกินไปแบบหนังหรือซีรีส์ อาจจะเพราะมีเวลาจำกัดหรือต้องการทำสร้างฉากตามความต้องการของตลาด, ความบาปต่างๆ, สอนเรื่องศาสนาเปรียบเทียบเพื่อให้คริสเตียนสามารถแยกแยะความเชื่อได้ดี, ศาสนศาสตร์เรื่องผีวิญญาณชั่ว เพราะคนไทยอาจชอบหนังผี หรือเรื่องเล่าผีๆ เป็นต้น
2. ผู้นำอาจจะให้ข้อคิดเกี่ยวกับซีรีส์เป็นช่วงๆ
ทั้งพูดส่วนตัว ลงเฟสบุ๊ค, TikTok, IG, หรือไลน์ ได้ทั้งนั้น เช่น ช่วงนี้เรื่อง The Two Popes (2019) กำลังเป็นกระแส เป็นเรื่องที่ให้ข้อคิดที่ดีนะ, Thunderbolts (2025) เหล่าฮีโร่วายร้ายของ Marvel, The Fantastic Four: First Steps (2025), หรือ Superman (2025) ตอนใหม่ของ DC ก็น่าดู เป็นหนังแฟนตาซีในกระแส ถ้าแยกแยะระหว่างเรื่องจริงกับแฟนตาซีได้อยู่แล้วก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร เป็นต้น ความจริงผู้นำควรรู้เรื่องลักษณะนี้ไว้บ้าง เพราะเรากำลังคุยกับพี่น้องที่อยู่ในสื่อพวกนี้ ถ้าเราไม่รู้เรื่องเลยเราจะแนะนำเขาไม่ได้
3. อย่าเสพติดจนเกินไป
คิดง่ายๆ ถ้าหยุดไม่ได้ หยุดแล้วมีอาการทันที รู้สึกกระสับกระส่าย อารมณ์ไม่ดี (เหมือนคนติดมือถือ) อาจจะต้องประเมินตัวเองว่าเราอยู่กับซีรีส์วันละกี่ชั่วโมง หากรบกวนการใช้ชีวิตปกติ ทำให้ไม่มีสมาธิในการเรียน การทำงาน หรือการพัฒนาชีวิตฝ่ายวิญญาณ เวลาที่ใช้กับซีรีส์มากเกินไป เราควรหยุดดูเพราะเราอาจจะเข้าข่ายเสพติดแล้ว ความจริงไม่แค่ซีรีส์ แต่เป็นเรื่องเกมส์ด้วย แม้ไม่ได้ผิดอย่างตรงไปตรงมาแต่อะไรที่มากไปก็ไม่ดี
ขอพระเจ้าเสริมกำลังพี่น้องครับ
ความคิดเห็น