หลักศิลาจารึกพ่อขุนราม ของจริงหรือปัญญาประดิษฐ์ยุคหลัง

ค่อยๆ อ่านนะครับ...
ผมได้อ่านหนังสือเรื่อง "ประวัติศาสตร์ศิลปะที่ต้องจารึก" ของ ศ.ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ (พิมพ์ปี 2550) นับว่าท่านเป็นคนที่กล้าหาญมาก ที่กล้าประกาศสิ่งที่ท่านค้นพบคือ หลักศิลาจารึกพ่อขุนรามฯ หลักที่ 1 ไม่ได้สร้างในสมัยพ่อขุนรามฯ และได้ชี้แจงไว้เป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้
1. ขนาดของศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง สูงเพียง 55 cm. ต่างกันมากกับศิลาจารึกสุโขทัยหลักอื่นๆ ซึ่งจะมีความสูงประมาณ 200 cm. แต่กลับมีขนาดพอๆ กับศิลาจารึกสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เช่นที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)

2. ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงหลักที่ 1 มีเนื้อหาที่แปลกกว่าศิลาจารึกหลักอื่นๆ คือไม่มีการระบุชื่อสถานที่เลย ในขณะที่ "จารึกสุโขทัย" หลักอื่นจะให้รายละเอียดชัดเจน เป็นต้นว่า วัดนี้ชื่ออะไรใครสร้าง สร้างอุทิศให้ใคร

3. มีการใช้ภาษาที่ "ไม่สอดคล้อง" กับศิลาจารึกหลักอื่นๆ เช่น
คำว่า พระรามคำแหงไม่ปรากฏในจารึกหลักอื่นๆ เลย จารึกหลักที่ 2 ซึ่งจะกล่าวถึงพระนามกษัตริย์สุโขทัยก็ไม่ปรากฏพระนามรามคำแหง
ชื่อช้าง ช้างขุนสามชนในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงชื่อมาสเมือง และช้างของพ่อขุนรามคำแหงชื่อ รูจาครี ในขณะที่ชื่อช้างในจารึกหลักที่ 2 คือ อีแดงพะเลิง จะเห็นว่าภาษาที่ใช้นั้นอยู่คนละโลกทัศน์... แต่กลับมาพ้องกับชื่อ มิ่งเมือง ช้างของ ร.2 และชื่อช้างในพระราชนิพนธ์เรื่อง "ช้างเผือก" ของ ร.4 คือ คีรีเมฆ เทพคีรี และจันทรคีรี
คำว่า พนมดอกไม้ ไม่ปรากฏในจารึกหลักอื่นๆ เลย พบเฉพาะที่ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงและในพระราชนิพนธ์ของ ร.4 เท่านั้น
4. ลักษณะการเขียนที่เอาพยัญชนะ สระและวรรณยุกต์ไว้ในบรรทัดเดียวกันไม่พบในภาษาไทยที่ไหนอีกเลย นอกจากตัวอักษรอริยกะ ที่ ร.4 ทรงมีพระประสงค์จะให้ใช้

5. ในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงกล่าวถึง ตรีบูร (กำแพงเมือง 3 ชั้น) ซึ่งมีความยาว 3,400 วา (ประมาณ 6,800 เมตร) เมื่อกรมศิลปากรเข้าไปทำการขุดค้น ก็พบแนวกำแพงเมือง 3 ชั้น และมีรายงานว่า ชั้นในสุดเท่านั้นที่สร้างในสมัยสุโขทัย ส่วนชั้นกลางและชั้นนอกสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างสมัยสมเด็จพระนเรศวร นอกจากนี้ผลการวัดความยาวของแนวกำแพงปรากฏดังนี้ ชั้นใน 6,100 เมตร ชั้นกลาง 6,510 เมตร และชั้นนอกสุด 6,800 เมตร จึงเป็นที่น่าสนใจว่าหากศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงสลักขึ้นในสมัยพ่อขุนรามคำแหงจริง ทำไมจึงมีการพูดถึงกำแพง 3 ชั้นและเหตุใดจึงวัดความยาวของแนวกำแพงได้ประมาณ 6,800 เมตร ซึ่งเท่ากับความยาวของกำแพงชั้นนอกสุด ที่ยังไม่ได้สร้างในสมัยสุโขทัย

สรุปตรงนี้ก่อนว่า

1. ศิลาจารึกหลักที่ 1 ของพ่อขุนรามฯ ไม่ใช่ของจริง แต่เป็นสิ่งประดิษฐ์สมัย ร.4
2. พ่อขุนรามฯ ไม่ได้ประดิษฐ์อักษรไทย
เท่าที่รู้มา ผู้เขียนโดนชาวบ้านสุโขทัยโกรธแค้น ไม่ให้เข้าจังหวัดสุโขทัยไปเรียบร้อยแล้ว
ประเด็นทั้งหมดน่าจะสรุปได้เรื่องเดียวคือ "ความมั่นคง"
ในยุคล่าอาณานิคมของมหาอำนาจตะวันตกซึ่งเริ่มในสมัย ร.3 และหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ฝรั่งเศสเริ่มเข้ามายึดครองทางตะวันออกของสยาม อังกฤษเข้ามาครอบครองพม่าประชิดตะวันตกของเรา ความจำเป็นในการบอกชาติตะวันตกเหล่านั้นให้รู้ว่าชาติเรามีอารยธรรมมายาวนานไม่ใช่คนป่าคนเขาคือการสร้าง "อารยธรรมประดิษฐ์" ขึ้นมาพร้อมหลักฐานมากมายสนับสนุนอย่างเป็นระบบ
(อ่าน "ร.4 ยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนผ่านของวัฒนธรรม" http://kanok-leelahakriengkrai.blogspot.com/2016/05/4.html)

เพียงแต่ "อารยธรรมประดิษฐ์" ที่ขาดหลักฐานความเป็นจริงจะถูกท้าทายตามกาลเวลาเพื่อค้นหาความจริงเพื่อนำมาสู่ "ความมั่นคงใหม่" ในยุคแห่งความรู้ในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตามความจริงใหม่ตามการค้นพบหลักฐานสนับสนุนอย่างมั่นคง อาจกลายเป็นสิ่งที่กระทบความมั่นคงของชาติได้ เพราะความจริงนี้อาจกระทบโครงสร้างความเชื่อความศรัทธาของประชาชนจนก่อให้เกิดความวุ่นวายแตกแยกทางความคิดของได้

"เพียงแต่สังคมเราชอบอยู่กับความจริงหรือภาพลวงตาเท่านั้น" และ "ประชาชนหรือผู้มีอำนาจเป็นผู้ตัดสินการรับรู้ความจริง" เรื่องนี้เราต้องถามและตอบตัวเองครับ

อ้างอิง

  • หนังสือ "ประวัติศาสตร์ศิลปะที่ต้องจารึก" รศ.ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์
  • หนังสือ "ประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัย" คริส เบเคอร์ และผาสุก พงษ์ไพจิตร

ความคิดเห็น