คริสต์มาสแรกของหลายคนโดยเฉพาะคริสเตียนใหม่ที่เพิ่งรู้จักพระเจ้าเป็นการส่วนตัวมักจะตื่นเต้นซาบซึ้งและประทับใจ ซึ่งส่วนตัวผมเองก็รู้สึกแบบนั้นสมัยที่เพิ่งได้มารู้จักกับพระเจ้า แต่คริสต์มาสต่อๆ มา เมื่อผ่านไปหลายปี เริ่มชินกับบรรยากาศ การได้ร่วมงานแบบคนทั่วไปกลายเป็นร่วมงานแบบผู้รับใช้ แนวโน้มการรับใช้ การเชิญชวนต้อนรับผู้คนให้มารู้จักพระเจ้าดูจะมีน้ำหนักมากกว่าความรู้สึกซาบซึ้งใจในวันคริสต์มาส
หลายครั้งความประทับใจในพระเจ้าเกิดขึ้นเมื่อได้เห็นผู้คนมากมายเชื่อวางใจในพระเยซู แต่เมื่อผมยิ่งฉลองคริสต์มาสไปนานๆ เรื่องราวของพระเยซูทรงลงมาประสูติในโลกเพื่อไถ่บาปเราก็ค่อยๆ ซึมซับจนเกิดความรู้สึกซาบซึ้งใจอีกครั้งแต่ครั้งนี้แตกต่างจากสมัยแรก เพราะความรู้สึกเห็นคุณค่าพระเจ้าลงลึกไปถึงก้นบึ้งของจิตวิญญาณ นำความสดชื่นเหมือนน้ำชโลมเข้ามาฟื้นฟูให้กำลังใจแก่ชีวิตที่เดินติดตามพระเจ้าและยืนยันในถวายตัวเป็นผู้รับใช้ตลอดไปบนเส้นทางแห่งความเชื่อนี้ คริสเตียนที่รู้จักพระเจ้ามานาน ผ่านคริสต์มาสเป็นสิบๆ ครั้งน่าจะมีความรู้สึกคล้ายกัน
หากเราจะไล่เลียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันคริสต์มาสแรกโดยไม่มองเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นในแนวไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์ แต่มองให้ลึกถึงคำอธิบายว่าทำไม เราอาจพบความหมายต่างๆ มากมายที่แตะใจเราจนถึงแก่นแห่งความเชื่อดลใจให้เกิดความซาบซึ้งในพระคุณพระเจ้าจนเกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราไปตลอดกาลก็เป็นได้ และยิ่งเราเป็นผู้รับใช้พระเจ้า มุมมองของเราจะไปได้ไกลจนเกิดความมั่นใจในการเส้นทางนี้ด้วยความจริงใจ
“เพราะว่าในวันนี้ พระผู้ช่วยให้รอดของพวกท่านคือพระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้ามาประสูติที่เมืองของดาวิด" (ลูกา 2:11)
มองเหตุการณ์วันคริสต์มาสแบบคริสเตียนที่รู้จักพระเจ้ามานาน มองอะไร พบอะไร และได้ข้อคิดแบบไหน ให้เราสำรวจไปด้วยกัน
การบังเกิดของพระเยซู เหตุการณ์เล็กๆ ที่ส่งผลต่อมนุษยชาติ ไกลจนถึงนิรันดร์
การบังเกิดของพระเยซู อาจจะเป็นเพียงเหตุการณ์เล็กๆ ที่รางหญ้า แต่กลับส่งผลกระทบต่อโลกในวันนั้นจนถึงวันนี้ และตลอดไปเป็นนิตย์
“เขาก็รีบไป แล้วพบนางมารีย์กับโยเซฟ และพบพระกุมารนั้นนอนอยู่ในรางหญ้า” (ลูกา 2:16)
ผู้พบพระกุมารเยซูที่รางหญ้าเป็นกลุ่มแรกคือคนเลี้ยงแกะธรรมดาๆ ที่อยู่แถบนั้นในเมืองเบธเลเฮม
การบังเกิดของพระเยซูในวันคริสต์มาส ไม่มีใครบันทึกไว้จริงๆ ว่าเป็นวันไหนในระบบปฏิทินปัจจุบัน เพราะสมัยนั้นนอกจากปฏิทินยิวแล้ว อาณาจักรภายใต้อาณานิคมโรมันอย่างยูดาห์และดินแดนปาเลสไตน์ใช้ปฏิทินจูเลียน (Julian Calendar) ที่ประดิษฐ์ขึ้นในปี 45 ก่อนคริสต์ศักราช และถูกปรับปรุงอีกครั้งสมัยโป๊ป เกรโกรีที่ 13 (Pope Gregory XIII) จนกลายเป็นปฏิทินเกรกอเรียน (Gregorian Calendar) ที่เราใช้เป็นสากลในปัจจุบัน
วันคริสต์มาสจะอยู่วันที่ 25 ธันวาคมหรือไม่ก็ตาม การที่พระเยซูมาบังเกิดในรางหญ้าเป็นเหตุการณ์จริง และแม้จะเป็นเหตุการณ์เล็กๆ ในประวัติศาสตร์โลก แต่กลับมีผลกระทบในมุมกว้างจนถึงกว้างที่สุด เกิดการไถ่บาปโดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ มนุษยชาติได้รับโอกาสใหม่เมื่อเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์เขาได้รับการให้อภัยบาป รับความรอด และมีชีวิตนิรันดร์ เหตุการณ์การบังเกิดของพระเยซูบนรางหญ้าจึงเหมือนเหตุการณ์หยดน้ำที่หยดลงบนผืนน้ำที่นิ่งที่สุด และส่งคลื่นกระเพื่อมเขย่าแรงไปจนสุดปลายแผ่นดินโลกอย่างน่าอัศจรรย์
กลับมาที่เราแต่ละคน จุดตัดสินใจติดตามพระเจ้าก็เริ่มจากจุดเล็กๆ เช่นกัน แม้เราอาจคิดว่าเราเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ ในโบสถ์ แต่เรารู้ไหมว่าหากเราติดตามพระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อด้วยความอุตสาหะ ยิ่งนานวันเข้าชื่อเสียงที่ดีในทางพระเจ้าจะส่งอิทธิพลกลายเป็นแรงบันดาลใจให้แก่พี่น้องในคริสตจักร ขยายแวดวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนอาจไกลไปถึงระดับโลกได้เลย ยิ่งในยุคนี้ยิ่งเห็นความเป็นไปได้เข้าไปอีก แม้สิ่งนั้นอาจจะไม่ใช่เป้าหมายของเราก็ตาม เพราะความสัตย์ซื่อในการติดตามพระเจ้าต่างหากที่สำคัญที่สุด แต่อิทธิพลที่ดีเริ่มจากจุดเล็กๆ ที่สัตย์ซื่อเสมอ
ความสวยงามตระการตาที่ชี้ไปยังพระเยซูคริสต์ที่รางหญ้า
พระเจ้าทรงใช้ทูตสวรรค์มาแจ้งข่าวการประสูติของพระกุมารเยซูแก่ผู้เลี้ยงแกะ มีทั้งการปรากฏตัวของเหล่าทูตสวรรค์กาเบียล หมู่ชาวสวรรค์ แสงสว่างรัศมีจ้าส่องสว่างล้อมรอบเหล่าผู้เลี้ยงแกะ มีเสียงเพลงแห่งความชื่นชมยินดีจากทูตสวรรค์ ทุกอย่างระยิบระยับตระการตาไปหมด แต่ที่สุดข่าวสารนั้นมุ่งเน้นนำไปสู่พระกุมารเยซูเท่านั้น
“มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่พวกเขา และพระรัศมีขององค์พระผู้เป็นเจ้าส่องล้อมรอบเขา และเขากลัวนัก” (ลูกา 2:9)
“ในทันใดนั้น ชาวสวรรค์หมู่หนึ่งมาปรากฏอยู่กับทูตสวรรค์องค์นั้นร่วมสรรเสริญพระเจ้าว่า ‘พระสิริจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด ส่วนบนแผ่นดินโลก สันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลายที่พระองค์โปรดปรานนั้น’” (ลูกา 2:13-14)
“เพราะว่าในวันนี้ พระผู้ช่วยให้รอดของพวกท่านคือพระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้ามาประสูติที่เมืองของดาวิด” (ลูกา 2:11)
บรรยากาศดีๆ ในวันคริสต์มาสก็เช่นกัน ความสวยงาม บทเพลงที่ซาบซึ้งกินใจ ความสุขของผู้คน ขณะเดียวกับสำหรับผู้รับใช้พระเจ้า งานรับใช้เกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะการเตรียมงานฉลองเพื่อเชิญชวนพี่น้องและแขกผู้มีเกียรติ เพื่อทุกคนจะได้ยินเรื่องราวข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ในช่วงคริสต์มาส แต่ทั้งหมดนี้ล้วนชี้ไปสู่ปลายทางที่เชิญชวนให้ทุกคนมาถึง คือการเข้าเฝ้าพระเยซูคริสต์ด้วยความชื่นชมยินดี ฉะนั้นเราอย่ากังวลหรือเครียดกับอะไรๆ มากมายจนลืมไปว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นที่สุดของวันคริสต์มาสและเหนืออื่นใดใจของเราต้องเข้ามาถึงพระองค์ เพราะความสวยงามตระการตาทั้งสิ้นล้วนชี้ไปยังพระเยซูคริสต์ที่รางหญ้า
ข่าวดี ข่าวร้าย หรือข่าวดีที่สุด
สำหรับผู้รับใช้พระเจ้าที่รู้จักพระเจ้ามานาน เราจะเห็นภาพเหตุการณ์แบบองค์รวม เพราะข่าวดีที่พระเยซูคริสต์ประสูติยังไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะยังมีข่าวร้ายที่รอคอยพระกุมารเยซูผู้นี้อยู่... ภายหลังไม่นานนักปราชญ์จากทิศตะวันออกเดินทางมาเพื่อตามหาผู้ที่ถือกำเนิดเพื่อเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิว และได้ไปถามเรื่องราวจากกษัตริย์เฮโรดอย่างตรงไปตรงมา ทำให้เฮโรดเดือดดาลวางแผนจะประหารพระกุมารหากนักปราชญ์เหล่านั้นพบตัวแล้ว
“พระเยซูได้ทรงบังเกิดที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดียในรัชกาลของกษัตริย์เฮโรด ภายหลังมีพวกนักปราชญ์จากทิศตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็ม ถามว่า ‘พระกุมารผู้ที่ทรงบังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน? เราได้เห็นดาวของท่านทางทิศตะวันออก และเราจึงมาเพื่อจะนมัสการท่าน’ เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินดังนั้นแล้ว ก็วุ่นวายพระทัย” (มัทธิว 2:1-3)
ข่าวร้ายอีกเรื่องที่พระเยซูต้องเผชิญคือการถูกตรึงบนไม้กางเขนจนสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปเราทั้งหลาย
“เมื่อพระเยซูทรงรับเหล้าองุ่นเปรี้ยวแล้ว พระองค์ตรัสว่า ‘สำเร็จแล้ว’ และก้มพระเศียรลงสิ้นพระชนม์” (ยอห์น 19:30)
พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์มาบอกข่าวดีเรื่องการมาของพระเยซูแก่ทุกคน มีเสียงเพลงแห่งความชื่นชมยินดี บรรยากาศเต็มไปด้วยความหวังใจถึงการช่วยกู้ของพระเจ้าที่มาถึงแล้ว ทั้งๆ ที่ทรงรู้ว่าพระกุมารจะต้องผ่านความทุกข์ทรมานอีกมากมายเพียงใดต่อไปข้างหน้า จะต้องเผชิญความเสี่ยงจากกษัตริย์เฮโรดผู้ไม่หวังดี เผชิญกับพวกฟาริสี สะดูดสี ผู้ทีอำนาจบ้านเมืองที่มุ่งจะประหารพระองค์ แต่เมื่อเราศึกษาพระคัมภีร์ต่อไปเราจะพบว่าท้ายสุดมีแต่ความชื่นชมยินดี
แสดงว่า “ความชื่นชมยินดีนั้นมองข้ามความทุกข์ยากเพียงชั่วครั้งชั่วคราว” ข่าวดีแห่งการประสูติ ข่าวร้ายที่ทรงต้องถูกต่อต้านข่มเหงจนถึงความมรณา และข่าวดีที่สุดที่ทรงเป็นขึ้นจากความตายเป็นความหวังให้แก่เราทุกคนที่เชื่อ จะไม่ทำให้ผู้รับใช้ต้องสับสนงุนงงแต่สงบใจมีสันติสุขอย่างแท้จริง
ภาพรวมของวันคริสต์มาส เริ่มด้วยความยินดี ต่อด้วยความท้าทาย และความมรณา แต่สุดท้ายจบลงด้วยความชื่นชมยินดีอย่างหาที่สุดมิได้ สิ่งนี้สะท้อนกลับมายังชีวิตเราเช่นกัน ย้อนกลับไปนับพระพรในอดีตเมื่อเรากลับใจบังเกิดใหม่เป็นลูกของพระเจ้า เราต้องเผชิญเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย ชื่นชมยินดีบ้าง ทุกข์ยากลำบากบ้าง แต่หากเรามีชีวิตอยู่ในแผนการของพระเจ้า ก็ขอให้เราชื่นชมยินดีมีสันติสุขเสมอเพราะความทุกข์ยากต่างๆ นั้นเป็นเพียงชั่วคราว ผลในท้ายที่สุดจะมีแต่ความชื่นชมยินดีและศักดิ์ศรีนิรันดร์
เหตุการณ์วันคริสต์มาส ผลรวมแห่งชีวิตที่เคารพยำเกรง ถ่อมใจ และยอมจำนนต่อพระเจ้า
คริสต์มาสเป็นผลรวมแห่งชีวิตที่ยอมจำนนต่อเอกสิทธิ์ทั้งสิ้นของพระเจ้า พระเยซูทรงยอมสละพระองค์ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ (ฟีลิปปี 2:7) มารีย์ยอมตั้งครรภ์โดยฤทธิ์เดชพระวิญญาณฯ ตามพระประสงค์ของพระเจ้า (ลูกา 1:38) โยเซฟยอมรับมารีย์แม้ไม่เข้าใจและถึงขนาดจะถอนหมั้นเพื่อรักษาเกียรติของมารีย์ (มัทธิว 1:24) ผู้เลี้ยงแกะเมื่อทราบข่าวการประสูติจากทูตสวรรค์ก็ตามจนไปพบพระกุมารที่รางหญ้า (ลูกา 2:15-17) นักปราชญ์เดินทางตามดวงดาวจากทิศตะวันออกมาอย่างยากลำบาก แต่ด้วยความหวังใจ สุดท้ายเขาได้พบพระเยซู (มัทธิว 2:10-12)
ชีวิตเราก็เช่นกัน ไม่ว่าเราจะเพิ่งรู้จักพระคุณความรักของพระเจ้าหรือเป็นคริสเตียนมานานเท่าไรแล้วก็ตาม ให้เรายอมจำนน เชื่อฟัง ยอมรับในเอกสิทธิ์ของพระเจ้า พระเจ้าว่าอย่างไรเรายินดีเชื่อฟังอย่างนั้น เพราะคริสต์มาสจะไม่มีความหมายอะไรเลยหากทุกคนต่างปรารถนาเพียงความสนุกชื่นชมยินดีแต่ลึกๆ ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องมาถึงจุดแห่งการยอมรับพระประสงค์พระเจ้ายอมจำนนบางอย่างต่อพระองค์ ให้เรากลับมาทบทวนจิตใจของเรา และหากพบว่าพระเจ้าทรงเรียกเราให้ถวายตัวหรือมอบถวายบางอย่างในชีวิต ให้เรายอมรับน้ำพระทัยพระเจ้าในเรื่องนั้นๆ และทุกเรื่องโดยตระหนักแบบอย่างของผู้รับใช้มากมายที่เกิดขึ้นเป็นผลรวมแห่งชีวิตที่เคารพยำเกรง ถ่อมใจ และยอมจำนนต่อพระเจ้า
ขอพระเจ้าอวยพระพรท่านในวันคริสต์มาสนี้ ขอให้พระพรนานัปการเป็นของท่านในการดำเนินชีวิตติดตามพระเจ้า และรักพระองค์มากขึ้นทุกวันครับ
ความคิดเห็น