โดย กนก ลีฬหเกรียงไกร
แนวคิดของ Lindemann (Caplan: 1964) สาเหตุของความเครียดมาจากผลของการไม่สามารถรับมือกับสิ่งคุกคามเชิงจิตวิทยา หรือ Perceived threats ได้
โดยปกติเมื่อมีสถานการณ์ที่ท้าทายความสมดุลของสภาวะจิตใจ (Psychological Homeostasis) เข้ามา คนเราจะอยู่ในสภาวะเตรียมพร้อม (Alert) หาทางแก้ปัญหาโดยใช้ทักษะการรับมือกับปัญหาเท่าที่ตัวเองมี (Coping skill) ด้วยความอดทน เรียกว่าสภาพจิตใจเข้าสู่สภาวะอดทน (Resistance)
หากไม่สามารถแก้ปัญหาที่เข้ามาได้ก็จะเกิดความเครียดเพิ่มขึ้น จิตใจเข้าสู่สภาวะอ่อนล้า หมดกำลัง (Exhaustion)
โดยปกติถ้าสามารถผ่านระดับของความอดทนในการแก้ปัญหาได้ จิตใจจะเรียนรู้และสามารถรักษาความสมดุลของสภาวะจิตใจ จิตใจก็จะเติบโตเรียนรู้และอดทนมากขึ้นในอีกระดับหนึ่ง แต่หากไม่ผ่าน อาจตกอยู่ในสภาพวิตกกังวล หรือนานวันเข้าจะเข้าสู่สภาวะวิกฤตกลายเป็นคนที่มีความเครียดวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา
วิธีการรับมือกับความเครียดที่ดีที่สุดคือการมีทัศนคติใหม่ต่อปัญหาที่เข้ามาคุกคามในจิตใจ สิ่งคุกคามเชิงจิตวิทยาจะเข้ามาหาเราเสมอ แต่หากเราเข้าใจน้ำพระทัยพระเจ้าเราจะประเมินด้วยความคาดหวังในทัศนคติแบบที่พระเจ้าทรงอยากให้เป็น
ความมั่นใจในพระเจ้าจึงทำให้เรามีทัศนคติแง่บวกในการพัฒนาตนเองในทักษะต่าง ๆ เพื่อรับมือกับอุปสรรคปัญหาที่จะเข้ามา เมื่อสิ่งนั้นเข้ามาและเราสามารถรับมือได้ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ จิตใจของเราจะเติบโตขึ้น ความสมดุลของสภาวะจิตใจ (Psychological Homeostasis) จะแข็งแรงขึ้น เราจะสามารถผ่านอุปสรรคปัญหาได้อย่างไม่ต้องตกอยู่ในสภาวะหมดกำลัง (Exhaustion) ซึ่งการพึ่งพาพระเจ้าเป็นเรื่องที่สำคัญและต้องเรียนรู้อยู่ตลอด
ฉะนั้นเวลาเจออะไรเยอะ ๆ เข้ามา ตั้งรับดี ๆ นะครับ การฝึกทักษะคาดการณ์ปัญหาล่วงหน้าและเตรียมตัวในการรับมือจะทำให้เราเก่งขึ้น การหมั่นพัฒนาทักษะชีวิตและการจัดตารางเวลาล่วงหน้านาน ๆ เป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่งครับ
อ้างอิง: J. P. Bjorck. Stress, Lindemann (Caplan: 1964)
โดยปกติเมื่อมีสถานการณ์ที่ท้าทายความสมดุลของสภาวะจิตใจ (Psychological Homeostasis) เข้ามา คนเราจะอยู่ในสภาวะเตรียมพร้อม (Alert) หาทางแก้ปัญหาโดยใช้ทักษะการรับมือกับปัญหาเท่าที่ตัวเองมี (Coping skill) ด้วยความอดทน เรียกว่าสภาพจิตใจเข้าสู่สภาวะอดทน (Resistance)
หากไม่สามารถแก้ปัญหาที่เข้ามาได้ก็จะเกิดความเครียดเพิ่มขึ้น จิตใจเข้าสู่สภาวะอ่อนล้า หมดกำลัง (Exhaustion)
โดยปกติถ้าสามารถผ่านระดับของความอดทนในการแก้ปัญหาได้ จิตใจจะเรียนรู้และสามารถรักษาความสมดุลของสภาวะจิตใจ จิตใจก็จะเติบโตเรียนรู้และอดทนมากขึ้นในอีกระดับหนึ่ง แต่หากไม่ผ่าน อาจตกอยู่ในสภาพวิตกกังวล หรือนานวันเข้าจะเข้าสู่สภาวะวิกฤตกลายเป็นคนที่มีความเครียดวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา
โรม 12:2 อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยมในตอนนี้ให้ทัศนะแก่เราในการรับมือกับความเครียดที่ดีคือเข้าใจโลกแต่ไม่ต้องเพิ่มความเครียดโดยการพยายามเลียนแบบคนในโลก และเชื่อว่าพระเจ้าสามารถเปลี่ยนแปลงจิตใจของเราใหม่ได้เพื่อจะพิจารณาความจริงในเรื่องต่าง ๆ และรับมือได้ดีขึ้น
1 เปโตร 5:7 จงละความกังวลทุกอย่างของพวกท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลายพระคัมภีร์ตอนนี้ช่วยให้เราสามารถมั่นใจได้ว่าพระเจ้าทรงห่วงใยเราในทุกสถานการณ์ สิ่งนี้จะช่วยเราได้มากในการรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบจิตใจเราได้ดีมาก
ความมั่นใจในพระเจ้าจึงทำให้เรามีทัศนคติแง่บวกในการพัฒนาตนเองในทักษะต่าง ๆ เพื่อรับมือกับอุปสรรคปัญหาที่จะเข้ามา เมื่อสิ่งนั้นเข้ามาและเราสามารถรับมือได้ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ จิตใจของเราจะเติบโตขึ้น ความสมดุลของสภาวะจิตใจ (Psychological Homeostasis) จะแข็งแรงขึ้น เราจะสามารถผ่านอุปสรรคปัญหาได้อย่างไม่ต้องตกอยู่ในสภาวะหมดกำลัง (Exhaustion) ซึ่งการพึ่งพาพระเจ้าเป็นเรื่องที่สำคัญและต้องเรียนรู้อยู่ตลอด
ฉะนั้นเวลาเจออะไรเยอะ ๆ เข้ามา ตั้งรับดี ๆ นะครับ การฝึกทักษะคาดการณ์ปัญหาล่วงหน้าและเตรียมตัวในการรับมือจะทำให้เราเก่งขึ้น การหมั่นพัฒนาทักษะชีวิตและการจัดตารางเวลาล่วงหน้านาน ๆ เป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่งครับ
อ้างอิง: J. P. Bjorck. Stress, Lindemann (Caplan: 1964)
ความคิดเห็น