ทำไมประสบการณ์อัศจรรย์พิเศษจากพระเจ้าไม่ทำให้ชีวิตคริสเตียนเติบโตขึ้นอย่างแท้จริง

โดย กนก ลีฬหเกรียงไกร
การสำแดงพิเศษในลักษณะการแทรกแซงของพระเจ้าในการอัศจรรย์ เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับคริสเตียน แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าและเป็นพื้นฐานที่มั่นคงสำหรับชีวิตคริสเตียนคือการเข้าสู่กระบวนการสร้างชีวิตในทางพระเจ้าเพื่อเติบโตขึ้นในฝ่ายวิญญาณอย่างมั่นคง หรือเราเรียกกว่ากระบวนเปลี่ยนแปลงชีวิตไปสู่สง่าราศีในพระเจ้า (Sanctification and Glorification)
บรรยากาศการล้มในพระวิญญาณ ประสบการณ์ที่ยังเป็นที่น่าสงสัยว่าสอดคล้องกับพระคัมภีร์อย่างไร
หากจะเปรียบเรื่องนี้กับเหตุการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในปัจจุบัน ถ้าพระเจ้าทรงทำให้ฝนตกหนัก หรือเกิดลมแรงพัดฝุ่นไป นั่นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม เป็นการอัศจรรย์ที่ช่วยเราได้ทันที น่าตื่นเต้น แต่ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ไม่ได้แก้อย่างแท้จริง เพราะการเกิดของฝุ่นส่วนใหญ่มาจากการเผาไหม้ขยะ ผลของเขม่ารถยนต์ดีเซล และฝุ่นที่เกิดจากการก่อสร้าง เป็นต้น การแก้ปัญหาที่ยั่งยืนต้องไปดูแลให้ลึกจนถึงพฤติกรรมสังคมที่ก่อให้เกิดปัญหาเพื่อปัญหาจะรับการแก้ไขอย่างเป็นกระบวนการและยั่งยืนในระยะยาว
คริสเตียนไม่ปฏิเสธประสบการณ์แทรกแซงของพระเจ้าในการทำการอัศจรรย์ แต่หากเรื่องนี้ถูกเน้นมากจนเกินไป จนกระทั่งมีความสำคัญมากกว่าการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่เป็นกระบวนการสร้างชีวิตจากพระเจ้า ความคาดหวังในประสบการณ์แทรกแซงอาจกลับกลายเป็นอันตรายในความเชื่อของเราไป เพราะประสบการณ์การอัศจรรย์กับการเติบโตในพระเจ้าเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องไปด้วยกัน หมายถึงคริสเตียนที่สามารถทำการอัศจรรย์ได้ไม่แน่เสมอไปว่าจะเป็นคริสเตียนที่เติบโตในฝ่ายวิญญาณ แซมสันมีกำลังอย่างอัศจรรย์โดยพระเจ้า แต่ลักษณะชีวิตไม่ได้สำแดงถึงการเป็นคนฝ่ายวิญญาณที่มีจริยธรรมในทางพระเจ้าอย่างที่ควรเป็น เปาโลแม้จะทำหมายสำคัญอัศจรรย์มากมายก็ไม่ได้เน้นเรื่องนี้มากกว่าการประกาศ สั่งสอน และตักเตือน

การเติบโตฝ่ายวิญญาณมาจากการยอมรับความจริงในพระคัมภีร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและประพฤติตามด้วยความสัตย์ซื่อตั้งใจ (1 โครินธ์ 2:12; เอเฟซัส 1:17) พระวิญญาณบริสุทธิ์หลายครั้งช่วยเราโดยการเปิดเผยความบาปในชีวิตเราเพื่อให้เรากลับใจและเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง (โรม 8:14; กาลาเทีย 5:18) พระวิญญาณสามารถหนุนน้ำใจเสริมกำลังเราได้ (2 โครินธ์ 1:6) กระบวนการสร้างชีวิตจึงเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าประสบการณ์ โดยพระวิญญาณที่อยู่ในเรา เราสามารถพัฒนาผลพระวิญญาณขึ้นในชีวิตของเราได้ (กาลาเทีย 5:19-20) หลายครั้งชีวิตเราเติบโตอย่างมั่นคงผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพื่อเราทั้งหลายจะเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตโดยความเชื่อไม่ใช่ด้วยตามองเห็นเท่านั้น (ฟีลิปปี 1:29; 2 โครินธ์ 5:7)

หากคริสเตียนพบประสบการณ์อัศจรรย์พิเศษที่เป็นเหมือนการแทรกแซงของพระเจ้าบางครั้งบางคราวก็ขอให้เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับประสบการณ์นั้นๆ แต่อย่าติดประสบการณ์แห่งพระพรมากกว่าการกลับมาในกระบวนการสร้างชีวิตฝ่ายวิญญาณซึ่งนั่นจะมั่นคงและยั่งยืนกว่ามาก


อ้างอิง: DeLachmutt, Gary. Balance in Spiritual Experience: Crisis vs Process. Xenos Christian Fellowship, 2018.

ความคิดเห็น