เรือโนอาห์บนยอดเขาอารารัต |
เรื่องเหตุการณ์น้ำท่วมโลก (The deluge) ที่เขียนไว้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ หากเราศึกษาอย่างเปิดกว้างจะพบแนวคิด 3 อย่างคือ
1. น้ำท่วมโลกเป็นเรื่องจริง และท่วมทั้งโลก โดยใช้หลักฐานตามความเชื่อที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์
2. มีน้ำท่วมจริงแต่เป็นพื้นที่บางส่วน โดยตีความว่าโลกคือโลกเฉพาะที่ผู้เขียนพระคัมภีร์ (โมเสส) รู้จักเท่านั้น
3. ไม่มีน้ำท่วมโลก เพราะเป็นเพียงตำนานปากต่อปากของชาวยิวเท่านั้น
การกำเนิดโลกไม่ว่าจะเป็นการสร้างโลกที่บันทึกไว้ในพระธรรมปฐมกาล หรือกำเนิดโลกใหม่หลังน้ำท่วมใหญ่สมัยโนอาห์ นับเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์พันลึกที่ไม่อาจฟันธงไปได้เลยว่าอันไหนถูก 100% จริงๆ เพราะเรื่องราวที่บันทึกในพระคัมภีร์ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการอธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหรือวิทยาศาสตร์ แต่เขียนขึ้นเพื่อเป้าหมายฝ่ายวิญญาณคือ พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างและทรงเป็นเจ้าของชีวิตและสิ่งสารพัดในโลก, พระองค์ทรงสนใจจริยธรรมของมนุษย์ ทรงตัดสินพิพากษาหากมนุษย์ไม่กลับใจจากบาป และจะทรงประทานความรอดแก่ผู้ที่ติดตามพระองค์ด้วยความเชื่อฟัง
1. น้ำท่วมโลกเป็นเรื่องจริง และท่วมทั้งโลก โดยใช้หลักฐานตามความเชื่อที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์
2. มีน้ำท่วมจริงแต่เป็นพื้นที่บางส่วน โดยตีความว่าโลกคือโลกเฉพาะที่ผู้เขียนพระคัมภีร์ (โมเสส) รู้จักเท่านั้น
3. ไม่มีน้ำท่วมโลก เพราะเป็นเพียงตำนานปากต่อปากของชาวยิวเท่านั้น
การกำเนิดโลกไม่ว่าจะเป็นการสร้างโลกที่บันทึกไว้ในพระธรรมปฐมกาล หรือกำเนิดโลกใหม่หลังน้ำท่วมใหญ่สมัยโนอาห์ นับเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์พันลึกที่ไม่อาจฟันธงไปได้เลยว่าอันไหนถูก 100% จริงๆ เพราะเรื่องราวที่บันทึกในพระคัมภีร์ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการอธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหรือวิทยาศาสตร์ แต่เขียนขึ้นเพื่อเป้าหมายฝ่ายวิญญาณคือ พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างและทรงเป็นเจ้าของชีวิตและสิ่งสารพัดในโลก, พระองค์ทรงสนใจจริยธรรมของมนุษย์ ทรงตัดสินพิพากษาหากมนุษย์ไม่กลับใจจากบาป และจะทรงประทานความรอดแก่ผู้ที่ติดตามพระองค์ด้วยความเชื่อฟัง
อย่างไรก็ตามตำนานเหล่านี้มีร่องรอยของความเป็นจริงที่น่าพิศวงที่ไม่อาจมองข้ามเช่นกันเพราะหากเราตั้งข้อสังเกตทั้งหลักฐานในพระคัมภีร์และนอกพระคัมภีร์จะพบว่า
1. ตำนานโบราณของอารยธรรมตั้งต้นต่างก็พูดถึงน้ำท่วมโลก เช่น อารยธรรมสุเมเรียน เมโสโปเตเมีย (บาบิโลนยุคต้น) อารยธรรมลุ่มน้ำไนล์ของอียิปต์ อารยธรรมลุ่มน้ำแยงซีของจีน อารยธรรมลุ่มน้ำสินธุของอินเดีย และอารยธรรมลุ่มน้ำโขงในอุษาคเนย์ เป็นต้น
(อ่านตำนานการเกิดโลกของจีน http://kanok-leelahakriengkrai.blogspot.com/2017/01/blog-post_28.html)
(อ่านตำนานการเกิดโลกของจีน http://kanok-leelahakriengkrai.blogspot.com/2017/01/blog-post_28.html)
มหากาพย์กิลกาเมซ (The Epic of Gilgamesh) ของอารยธรรมสุเมเรียน เมโสโปเตเมีย (บาบิโลน) บันทึกในปี กคศ.2100 เกี่ยวกับน้ำท่วมใหญ่ที่เป็นภัยพิบัติล้างโลกก่อนกำเนิดชีวิต |
ส่วนประเด็นคำถามที่ว่า ตำนานน้ำท่วมโลกของใครถูกต้องที่สุด? แล้วใครลอกใคร? อาจไม่ใช่เรื่องสำคัญมากกว่าประเด็นคำถามว่า "เรื่องนี้ได้เคยเกิดขึ้นจริงหรือไม่" ทำไมอารยธรรมตั้งต้นต่างพูดคล้ายๆ กัน แม้รายละเอียดจะต่างกัน แต่เรื่องมหาอุทกภัยกลับเหมือนกัน
2. พระคัมภีร์บันทึกถึงอายุคนตั้งแต่สมัยอาดัม และสามารถสังเกตได้อย่างชัดเจนว่ามีการเปลี่ยนแปลงคือลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่สมัยหลังโนอาห์เป็นต้นไป และไม่มีการปรับขึ้นได้อีกเลย อาจเป็นเพราะ Landscape ของโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งสมมติฐานหนึ่งอาจจะมาจากผลพวงของ "รังสีคอสมิกส์" มากมายที่ส่องเข้ามายังโลก ซึ่งเป็นสมมติฐานที่เป็นไปได้มากที่สุด ณ เวลานี้ เพราะหากตีความพระคัมภีร์ปฐมกาลที่บันทึกเรื่องน้ำ อาจพบว่าโลกสมัยก่อนโนอาห์มีน้ำลอยอยู่บนฟ้าเป็นเกราะป้องกันโลกอยู่ชั้นหนึ่งก่อนที่รังสีจะส่องตรงลงมายังพื้นผิวโลก
2. พระคัมภีร์บันทึกถึงอายุคนตั้งแต่สมัยอาดัม และสามารถสังเกตได้อย่างชัดเจนว่ามีการเปลี่ยนแปลงคือลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่สมัยหลังโนอาห์เป็นต้นไป และไม่มีการปรับขึ้นได้อีกเลย อาจเป็นเพราะ Landscape ของโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งสมมติฐานหนึ่งอาจจะมาจากผลพวงของ "รังสีคอสมิกส์" มากมายที่ส่องเข้ามายังโลก ซึ่งเป็นสมมติฐานที่เป็นไปได้มากที่สุด ณ เวลานี้ เพราะหากตีความพระคัมภีร์ปฐมกาลที่บันทึกเรื่องน้ำ อาจพบว่าโลกสมัยก่อนโนอาห์มีน้ำลอยอยู่บนฟ้าเป็นเกราะป้องกันโลกอยู่ชั้นหนึ่งก่อนที่รังสีจะส่องตรงลงมายังพื้นผิวโลก
ปฐมกาล 1:6-8 พระเจ้าตรัสว่า “จงมีภาคพื้นในระหว่างน้ำ แยกน้ำออกจากกัน” พระเจ้าทรงสร้างภาคพื้นนั้นขึ้น แล้วทรงแยกน้ำที่อยู่ใต้ภาคพื้นออกจากน้ำที่อยู่เหนือภาคพื้น ก็เป็นดังนั้น พระเจ้าจึงทรงเรียกภาคพื้นนั้นว่า ฟ้า มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่สองภาคพื้น พระคัมภีร์ใช้คำว่า firmament หรือส่วนช่องว่างที่เป็นอากาศ อาจหมายถึงน้ำถูกแยกเป็น 2 ส่วนคือที่ภาคพื้นส่วนหนึ่งและเหนือภาคพื้นขึ้นไปอีกส่วนหนึ่ง
A เป็นอายุเอโนคเมื่อพระเจ้ารับไป, B อายุที่เริ่มตกหลังสมัยโนอาห์, C อายุเฉลี่ยใหม่ของมนุษย์ที่ต่ำมากถ้าเทียบกับสมัยก่อนโนอาห์ |
รังสีคอสมิกส์ (Cosmic Ray) เป็นรังสีที่อยู่ในอวกาศที่ส่งออกมาจากหลายแหล่ง ซึ่งแหล่งที่สำคัญที่สุดที่ส่งพลังมายังโลกคือดวงอาทิตย์และดาวฤกษ์รอบๆ โลก
3. พระคัมภีร์พูดตรงไปตรงมาคือน้ำท่วมโลก สิ่งมีชีวิตที่หายใจทางจมูกตายหมดสิ้น แต่ในเชิงภูมิศาสตร์น้ำทั้งโลกจะท่วมโลกไม่ได้ จะต้องมีน้ำจากที่อื่นมาเสริม ซึ่งอาจจะเป็นน้ำที่ลอยเคว้งอยู่บนฟ้าใน Lanscape ของโลกในยุคสมัยแรก และน้ำจากใต้พื้นดินที่พุ่งขึ้นมา
แหล่งที่มาของรังสีคอสมิกส์ที่ทั้งเป็นประโยชน์และมีอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก |
3. พระคัมภีร์พูดตรงไปตรงมาคือน้ำท่วมโลก สิ่งมีชีวิตที่หายใจทางจมูกตายหมดสิ้น แต่ในเชิงภูมิศาสตร์น้ำทั้งโลกจะท่วมโลกไม่ได้ จะต้องมีน้ำจากที่อื่นมาเสริม ซึ่งอาจจะเป็นน้ำที่ลอยเคว้งอยู่บนฟ้าใน Lanscape ของโลกในยุคสมัยแรก และน้ำจากใต้พื้นดินที่พุ่งขึ้นมา
ปฐมกาล 7:4 เพราะว่าอีกเจ็ดวันเราจะทำให้ฝนตกบนแผ่นดินสี่สิบวันสี่สิบคืน เราจะทำลายล้างมนุษย์และสัตว์ทั้งหมดที่เราสร้างจากพื้นแผ่นดิน
ปฐมกาล 7:11 เมื่อโนอาห์มีอายุได้ 600 ปี ในเดือนที่สองวันที่สิบเจ็ดของเดือนนั้น ในวันนั้นเองน้ำพุใต้บาดาลที่ลึกมากทั้งหมดก็พลุ่งขึ้นมา และช่องฟ้าก็เปิด
ปฐมกาล 7:19 น้ำทวีแรงมากยิ่งขึ้นบนแผ่นดิน ท่วมภูเขาสูงทั้งหลายที่อยู่ใต้ฟ้าทุกแห่งมิดหมด
ปฐมกาล 7:23 พระองค์ทรงทำลายล้างสิ่งทั้งปวงที่มีชีวิตอยู่บนพื้นดินตั้งแต่มนุษย์ไปจนถึงสัตว์ใช้งานและสัตว์เลื้อยคลาน และนกในอากาศ พวกเหล่านี้ถูกทำลายล้างเสียจากโลก เหลืออยู่แต่โนอาห์และบรรดาผู้ที่อยู่กับท่านในเรือ
ปฐมกาล 8:2 น้ำพุของน้ำบาดาลและช่องฟ้าทั้งหลายก็ปิด ฝนจากฟ้าก็หยุด
พระคัมภีร์พูดถึงน้ำที่เพิ่มเข้ามาจากฟ้าและจากใต้พื้นดิน |
สิ่งที่น่าสังเกตคือ หากน้ำท่วมบางส่วน การเปลี่ยนแปลงของโลกจะไม่เยอะขนาดนี้, หากเรื่องน้ำท่วมเป็นแค่เรื่องเล่าตำนาน ทำไมหลายวัฒนธรรมตั้งต้นถึงพูดคล้ายๆ กัน และทำไมวัฒนธรรมตั้งต้นของโลก จึงมีความสามารถไม่หนีกันในเรื่องการก่อสร้าง เป็นไปได้ไหมว่าทุกอารยธรรมล้วนมาจากการกระจายตัวหลังจากการล่มสลายของหอบาเบล ซึ่งเกิดหลังน้ำท่วม ทำให้เรื่องนี้ไปอยู่ในตำนานของเขาด้วย
หอบาเบล แหล่งอารยธรรมร่วมสมัยหลังจากสมัยโนอาห์ |
ส่วนหลักฐานที่ค้นพบเรือโนอาห์นั้น ยังเป็นที่น่าสงสัยเพราะมีหลายแนวคิด และพบเป็นภาพรางๆ คร่าวๆ บางภาพเห็นแค่มุมสีดำๆ เล็กน้อย สุดท้ายไม่มีหลักฐานที่จับต้องได้อย่างจริงจัง เรื่องการพบเรือโนอาห์จึงต้องค่อยๆ พิจารณาอย่างระมัดระวังด้วย
ความเชื่อเรื่องเรือโนอาห์กลายเป็นเหมือนการตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์หรือสิ่งลี้ลับไปแล้ว |
และเรื่องการพบฟอสซิลหอยอยู่บนเขาสูงแล้วสรุปว่ามาจากตำนานน้ำท่วมสมัยโนอาห์ก็เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเพราะเมื่อสืบอายุฟอสซิลกลับไปจะไกลถึงหลายล้านปีเหมือนพวกกระดูกไดโนเสาร์ ซึ่งเรื่องไดโนเสาร์จะเป็นอีกประเด็น (สมัยโนอาห์เมื่อมีการนำสัตว์ขึ้นเรือไม่มีการพูดถึงไดโนเสาร์หรือสัตว์ประหลาดมากๆ แต่อย่างใด)
ความคิดเห็น