ตำนานน้ำท่วมโลกในสมัยโนอาห์


เรือโนอาห์บนยอดเขาอารารัต

เรื่องเหตุการณ์น้ำท่วมโลก (The deluge) ที่เขียนไว้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ หากเราศึกษาอย่างเปิดกว้างจะพบแนวคิด 3 อย่างคือ
1. น้ำท่วมโลกเป็นเรื่องจริง และท่วมทั้งโลก โดยใช้หลักฐานตามความเชื่อที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์
2. มีน้ำท่วมจริงแต่เป็นพื้นที่บางส่วน โดยตีความว่าโลกคือโลกเฉพาะที่ผู้เขียนพระคัมภีร์ (โมเสส) รู้จักเท่านั้น
3. ไม่มีน้ำท่วมโลก เพราะเป็นเพียงตำนานปากต่อปากของชาวยิวเท่านั้น

การกำเนิดโลกไม่ว่าจะเป็นการสร้างโลกที่บันทึกไว้ในพระธรรมปฐมกาล หรือกำเนิดโลกใหม่หลังน้ำท่วมใหญ่สมัยโนอาห์ นับเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์พันลึกที่ไม่อาจฟันธงไปได้เลยว่าอันไหนถูก 100% จริงๆ เพราะเรื่องราวที่บันทึกในพระคัมภีร์ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการอธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหรือวิทยาศาสตร์ แต่เขียนขึ้นเพื่อเป้าหมายฝ่ายวิญญาณคือ พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างและทรงเป็นเจ้าของชีวิตและสิ่งสารพัดในโลก, พระองค์ทรงสนใจจริยธรรมของมนุษย์ ทรงตัดสินพิพากษาหากมนุษย์ไม่กลับใจจากบาป และจะทรงประทานความรอดแก่ผู้ที่ติดตามพระองค์ด้วยความเชื่อฟัง
อย่างไรก็ตามตำนานเหล่านี้มีร่องรอยของความเป็นจริงที่น่าพิศวงที่ไม่อาจมองข้ามเช่นกัน
เพราะหากเราตั้งข้อสังเกตทั้งหลักฐานในพระคัมภีร์และนอกพระคัมภีร์จะพบว่า

1. ตำนานโบราณของอารยธรรมตั้งต้นต่างก็พูดถึงน้ำท่วมโลก เช่น อารยธรรมสุเมเรียน เมโสโปเตเมีย (บาบิโลนยุคต้น) อารยธรรมลุ่มน้ำไนล์ของอียิปต์ อารยธรรมลุ่มน้ำแยงซีของจีน อารยธรรมลุ่มน้ำสินธุของอินเดีย และอารยธรรมลุ่มน้ำโขงในอุษาคเนย์ เป็นต้น
(อ่านตำนานการเกิดโลกของจีน http://kanok-leelahakriengkrai.blogspot.com/2017/01/blog-post_28.html)

มหากาพย์กิลกาเมซ (The Epic of Gilgamesh) ของอารยธรรมสุเมเรียน เมโสโปเตเมีย (บาบิโลน) บันทึกในปี กคศ.2100 เกี่ยวกับน้ำท่วมใหญ่ที่เป็นภัยพิบัติล้างโลกก่อนกำเนิดชีวิต

ส่วนประเด็นคำถามที่ว่า ตำนานน้ำท่วมโลกของใครถูกต้องที่สุด? แล้วใครลอกใคร? อาจไม่ใช่เรื่องสำคัญมากกว่าประเด็นคำถามว่า "เรื่องนี้ได้เคยเกิดขึ้นจริงหรือไม่" ทำไมอารยธรรมตั้งต้นต่างพูดคล้ายๆ กัน แม้รายละเอียดจะต่างกัน แต่เรื่องมหาอุทกภัยกลับเหมือนกัน

2. พระคัมภีร์บันทึกถึงอายุคนตั้งแต่สมัยอาดัม และสามารถสังเกตได้อย่างชัดเจนว่ามีการเปลี่ยนแปลงคือลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่สมัยหลังโนอาห์เป็นต้นไป และไม่มีการปรับขึ้นได้อีกเลย อาจเป็นเพราะ Landscape ของโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งสมมติฐานหนึ่งอาจจะมาจากผลพวงของ "รังสีคอสมิกส์" มากมายที่ส่องเข้ามายังโลก ซึ่งเป็นสมมติฐานที่เป็นไปได้มากที่สุด ณ เวลานี้ เพราะหากตีความพระคัมภีร์ปฐมกาลที่บันทึกเรื่องน้ำ อาจพบว่าโลกสมัยก่อนโนอาห์มีน้ำลอยอยู่บนฟ้าเป็นเกราะป้องกันโลกอยู่ชั้นหนึ่งก่อนที่รังสีจะส่องตรงลงมายังพื้นผิวโลก
ปฐมกาล 1:6-8 พระ​เจ้า​ตรัส​ว่า “จง​มี​ภาค​พื้น​ใน​ระหว่าง​น้ำ แยก​น้ำ​ออก​จาก​กัน” พระ​เจ้า​ทรง​สร้าง​ภาค​พื้น​นั้น​ขึ้น แล้ว​ทรง​แยก​น้ำ​ที่​อยู่​ใต้​ภาค​พื้น​ออก​จาก​น้ำ​ที่​อยู่​เหนือ​ภาค​พื้น ก็​เป็น​ดัง​นั้น พระ​เจ้า​จึง​ทรง​เรียก​ภาค​พื้น​นั้น​ว่า ฟ้า มี​เวลา​เย็น​และ​เวลา​เช้า เป็น​วัน​ที่​สอง
ภาคพื้น พระคัมภีร์ใช้คำว่า firmament หรือส่วนช่องว่างที่เป็นอากาศ อาจหมายถึงน้ำถูกแยกเป็น 2 ส่วนคือที่ภาคพื้นส่วนหนึ่งและเหนือภาคพื้นขึ้นไปอีกส่วนหนึ่ง
A เป็นอายุเอโนคเมื่อพระเจ้ารับไป, B อายุที่เริ่มตกหลังสมัยโนอาห์, C อายุเฉลี่ยใหม่ของมนุษย์ที่ต่ำมากถ้าเทียบกับสมัยก่อนโนอาห์

รังสีคอสมิกส์ (Cosmic Ray) เป็นรังสีที่อยู่ในอวกาศที่ส่งออกมาจากหลายแหล่ง ซึ่งแหล่งที่สำคัญที่สุดที่ส่งพลังมายังโลกคือดวงอาทิตย์และดาวฤกษ์รอบๆ โลก
แหล่งที่มาของรังสีคอสมิกส์ที่ทั้งเป็นประโยชน์และมีอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก

3. พระคัมภีร์พูดตรงไปตรงมาคือน้ำท่วมโลก สิ่งมีชีวิตที่หายใจทางจมูกตายหมดสิ้น แต่ในเชิงภูมิศาสตร์น้ำทั้งโลกจะท่วมโลกไม่ได้ จะต้องมีน้ำจากที่อื่นมาเสริม ซึ่งอาจจะเป็นน้ำที่ลอยเคว้งอยู่บนฟ้าใน Lanscape ของโลกในยุคสมัยแรก และน้ำจากใต้พื้นดินที่พุ่งขึ้นมา
ปฐมกาล 7:4 เพราะ​ว่า​อีก​เจ็ด​วัน​เรา​จะ​ทำ​ให้​ฝน​ตก​บน​แผ่น​ดิน​สี่​สิบ​วัน​สี่​สิบ​คืน เรา​จะ​ทำ​ลาย​ล้าง​มนุษย์​และ​สัตว์​ทั้ง​หมด​ที่​เรา​สร้าง​จาก​พื้น​แผ่น​ดิน
ปฐมกาล 7:11 เมื่อ​โนอาห์​มี​อายุ​ได้ 600 ปี ใน​เดือน​ที่​สอง​วัน​ที่​สิบ​เจ็ด​ของ​เดือน​นั้น ใน​วัน​นั้น​เอง​น้ำ​พุ​ใต้​บาดาล​ที่​ลึก​มาก​ทั้ง​หมด​ก็​พลุ่ง​ขึ้น​มา และ​ช่อง​ฟ้า​ก็​เปิด
ปฐมกาล 7:19 น้ำ​ทวี​แรง​มาก​ยิ่ง​ขึ้น​บน​แผ่น​ดิน ท่วม​ภูเขา​สูง​ทั้ง​หลาย​ที่​อยู่​ใต้​ฟ้า​ทุก​แห่ง​มิด​หมด
ปฐมกาล 7:23 พระ​องค์​ทรง​ทำลาย​ล้าง​สิ่ง​ทั้ง​ปวง​ที่​มี​ชีวิต​อยู่​บน​พื้น​ดิน​ตั้ง​แต่​มนุษย์​ไป​จน​ถึง​สัตว์​ใช้​งาน​และ​สัตว์​เลื้อย​คลาน และ​นก​ใน​อากาศ พวก​เหล่า​นี้​ถูก​ทำลาย​ล้าง​เสีย​จาก​โลก เหลือ​อยู่​แต่​โนอาห์​และ​บรรดา​ผู้​ที่​อยู่​กับ​ท่าน​ใน​เรือ
ปฐมกาล 8:2 น้ำพุ​ของ​น้ำ​บาดาล​และ​ช่อง​ฟ้า​ทั้ง​หลาย​ก็​ปิด ฝน​จาก​ฟ้า​ก็​หยุด

พระคัมภีร์พูดถึงน้ำที่เพิ่มเข้ามาจากฟ้าและจากใต้พื้นดิน

สิ่งที่น่าสังเกตคือ หากน้ำท่วมบางส่วน การเปลี่ยนแปลงของโลกจะไม่เยอะขนาดนี้, หากเรื่องน้ำท่วมเป็นแค่เรื่องเล่าตำนาน ทำไมหลายวัฒนธรรมตั้งต้นถึงพูดคล้ายๆ กัน และทำไมวัฒนธรรมตั้งต้นของโลก จึงมีความสามารถไม่หนีกันในเรื่องการก่อสร้าง เป็นไปได้ไหมว่าทุกอารยธรรมล้วนมาจากการกระจายตัวหลังจากการล่มสลายของหอบาเบล ซึ่งเกิดหลังน้ำท่วม ทำให้เรื่องนี้ไปอยู่ในตำนานของเขาด้วย
หอบาเบล แหล่งอารยธรรมร่วมสมัยหลังจากสมัยโนอาห์

ส่วนหลักฐานที่ค้นพบเรือโนอาห์นั้น ยังเป็นที่น่าสงสัยเพราะมีหลายแนวคิด และพบเป็นภาพรางๆ คร่าวๆ บางภาพเห็นแค่มุมสีดำๆ เล็กน้อย สุดท้ายไม่มีหลักฐานที่จับต้องได้อย่างจริงจัง เรื่องการพบเรือโนอาห์จึงต้องค่อยๆ พิจารณาอย่างระมัดระวังด้วย
ความเชื่อเรื่องเรือโนอาห์กลายเป็นเหมือนการตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์หรือสิ่งลี้ลับไปแล้ว

และเรื่องการพบฟอสซิลหอยอยู่บนเขาสูงแล้วสรุปว่ามาจากตำนานน้ำท่วมสมัยโนอาห์ก็เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเพราะเมื่อสืบอายุฟอสซิลกลับไปจะไกลถึงหลายล้านปีเหมือนพวกกระดูกไดโนเสาร์ ซึ่งเรื่องไดโนเสาร์จะเป็นอีกประเด็น (สมัยโนอาห์เมื่อมีการนำสัตว์ขึ้นเรือไม่มีการพูดถึงไดโนเสาร์หรือสัตว์ประหลาดมากๆ แต่อย่างใด)

ความคิดเห็น