คริสเตียนลอยกระทงได้หรือไม่? ลองฟังเหตุผลของคนที่เสนอว่า "ได้" ดูครับ
1. ได้เพราะเราทำโดยไม่ได้นมัสการพระแม่คงคา
2. ได้หากเราเปลี่ยนกระทงเป็นรูปอื่นที่ไม่ใช่ดอกบัว ไม่เอาธูปเทียนไปปักที่กระทง
3. เป็นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีไทย และทำให้เราอยู่ร่วมกับสังคมไทยได้อย่างดี
1. ได้เพราะเราทำโดยไม่ได้นมัสการพระแม่คงคา
2. ได้หากเราเปลี่ยนกระทงเป็นรูปอื่นที่ไม่ใช่ดอกบัว ไม่เอาธูปเทียนไปปักที่กระทง
3. เป็นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีไทย และทำให้เราอยู่ร่วมกับสังคมไทยได้อย่างดี
ประเพณีลอยกระทงเป็นหนึ่งในพระราชพิธีสิบสองเดือนซึ่งถูกกำหนดในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ประเพณีลอยกระทงมาจากพิธีจองเปรียงลดชุดลอยโคม รับอิทธิพลจากอินเดียตั้งแต่สมัยอยุธยา มีความหมายในการบูชาไฟ ต่อมาปรับความหมายตามความเชื่อในแต่ละยุคสมัย ซึ่งยังคงเป็นเรื่องการบูชาไฟ และแม่น้ำโดยโยงเรื่องไปถึงแม่น้ำคงคา
พระคัมภีร์ว่าอย่างไรในเรื่องนี้
1. พระคัมภีร์ให้แนวคิดหลักๆ ให้สนใจในพระเจ้ามากกว่าเรื่องที่ถกเถียงกันอย่างไม่สิ้นสุด โดยเฉพาะเรื่องแนวคิดศาสนาอื่น
1 ทิโมธี 4:7 อย่าเกี่ยวข้องกับนิยายของพวกไม่นับถือพระเจ้า และเรื่องเล่าที่ไร้สาระ แต่จงฝึกตนในทางพระเจ้า
2. อย่างไรก็ตามแนวคิดใหญ่ที่สุดของพระคัมภีร์เป็นเรื่องการไม่นมัสการพระอื่นใดนอกจากพระเจ้าของเรา
อพยพ 34:14 ห้ามนมัสการพระอื่น เพราะพระยาห์เวห์ผู้มีพระนามว่า “หวงแหน” เป็นพระเจ้าผู้ทรงหวงแหน
3. นอกจากการไม่นมัสการพระอื่นแล้ว พระคัมภีร์ยังให้แนวคิดเรื่องการระมัดระวังไม่เปิดโอกาสให้พลาดพลั้งไปนมัสการพระอื่นด้วย ประเด็นนี้จึงสามารถประยุกต์ได้โดยตรงกับการลอยกระทงในเรื่องประเพณีโดยรวมเลย
อพยพ 34:15 เกรงว่าเจ้าจะทำพันธสัญญากับผู้ที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น และเมื่อพวกเขาเล่นชู้กับพระของตน และถวายสัตวบูชาแก่พระของตนนั้น เขาจะเชิญเจ้าไปร่วมด้วย และเจ้าจะกินของที่เขาถวายบูชานั้น
4. ข้อต่อมาในพระธรรมตอนนี้ให้แนวคิดที่น่าสนใจ คือการสร้างวัฒนธรรมใหม่มาแทนที่วัฒนธรรมเดิม ซึ่งพระคัมภีร์ในข้อต่อๆ มาจะอธิบายรูปแบบวัฒนธรรมใหม่ที่อิสราเอลพึงปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง
อพยพ 34:18 เจ้าจงถือเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ จงกินขนมปังไร้เชื้อเจ็ดวันตามกำหนดในเดือนอาบีบตามที่เราบัญชาเจ้า เพราะเจ้าออกจากอียิปต์ในเดือนอาบีบ
5. หลายคนยกพระคัมภีร์ข้อนี้เวลาพูดถึงอะไรที่ไม่ชัด ก็มองเป็นเรื่องทำหรือไม่ทำก็ได้ อยู่ที่ความเหมาะสม
1 โครินธ์ 6:12 “ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้” แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งนั้นเป็นประโยชน์ “ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้” แต่ข้าพเจ้าไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของสิ่งใดเลย
บริบทตอนนี้ เปาโลกำลังแก้ปัญหาลัทธินอสติกที่พยายามสอนคริสเตียนให้เชื่อว่าอะไรที่กระทำภายในร่างกาย แม้จะบาปชั่วช้าที่สุด ไม่มีความหมายเพราะชีวิตจริงอยู่ในอาณาจักรวิญญาณเท่านั้น เปาโลได้แก้ความคิดของคริสเตียนในเรื่องนี้และสรุปไว้ตอนท้ายว่า "อย่าไปเกี่ยวข้อง" กับเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์นี้
1 โครินธ์ 6:19-20 ท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือว่า ร่างกายของพวกท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้สถิตในท่าน ผู้ซึ่งพวกท่านได้รับจากพระเจ้า และท่านทั้งหลายไม่ใช่เจ้าของตัวท่านเอง? เพราะว่าพระเจ้าทรงซื้อท่านไว้แล้วด้วยราคาสูง ฉะนั้น จงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของพวกท่านเถิด
สิ่งที่ต้องขบคิดกันต่อ
1. เหตุผลแรกของคนที่คิดว่าได้ ขอสรุปว่าไม่ได้เพราะเราไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการนมัสการพระอื่น
1. พระคัมภีร์ให้แนวคิดหลักๆ ให้สนใจในพระเจ้ามากกว่าเรื่องที่ถกเถียงกันอย่างไม่สิ้นสุด โดยเฉพาะเรื่องแนวคิดศาสนาอื่น
1 ทิโมธี 4:7 อย่าเกี่ยวข้องกับนิยายของพวกไม่นับถือพระเจ้า และเรื่องเล่าที่ไร้สาระ แต่จงฝึกตนในทางพระเจ้า
2. อย่างไรก็ตามแนวคิดใหญ่ที่สุดของพระคัมภีร์เป็นเรื่องการไม่นมัสการพระอื่นใดนอกจากพระเจ้าของเรา
อพยพ 34:14 ห้ามนมัสการพระอื่น เพราะพระยาห์เวห์ผู้มีพระนามว่า “หวงแหน” เป็นพระเจ้าผู้ทรงหวงแหน
3. นอกจากการไม่นมัสการพระอื่นแล้ว พระคัมภีร์ยังให้แนวคิดเรื่องการระมัดระวังไม่เปิดโอกาสให้พลาดพลั้งไปนมัสการพระอื่นด้วย ประเด็นนี้จึงสามารถประยุกต์ได้โดยตรงกับการลอยกระทงในเรื่องประเพณีโดยรวมเลย
อพยพ 34:15 เกรงว่าเจ้าจะทำพันธสัญญากับผู้ที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น และเมื่อพวกเขาเล่นชู้กับพระของตน และถวายสัตวบูชาแก่พระของตนนั้น เขาจะเชิญเจ้าไปร่วมด้วย และเจ้าจะกินของที่เขาถวายบูชานั้น
4. ข้อต่อมาในพระธรรมตอนนี้ให้แนวคิดที่น่าสนใจ คือการสร้างวัฒนธรรมใหม่มาแทนที่วัฒนธรรมเดิม ซึ่งพระคัมภีร์ในข้อต่อๆ มาจะอธิบายรูปแบบวัฒนธรรมใหม่ที่อิสราเอลพึงปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง
อพยพ 34:18 เจ้าจงถือเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ จงกินขนมปังไร้เชื้อเจ็ดวันตามกำหนดในเดือนอาบีบตามที่เราบัญชาเจ้า เพราะเจ้าออกจากอียิปต์ในเดือนอาบีบ
5. หลายคนยกพระคัมภีร์ข้อนี้เวลาพูดถึงอะไรที่ไม่ชัด ก็มองเป็นเรื่องทำหรือไม่ทำก็ได้ อยู่ที่ความเหมาะสม
1 โครินธ์ 6:12 “ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้” แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งนั้นเป็นประโยชน์ “ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้” แต่ข้าพเจ้าไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของสิ่งใดเลย
บริบทตอนนี้ เปาโลกำลังแก้ปัญหาลัทธินอสติกที่พยายามสอนคริสเตียนให้เชื่อว่าอะไรที่กระทำภายในร่างกาย แม้จะบาปชั่วช้าที่สุด ไม่มีความหมายเพราะชีวิตจริงอยู่ในอาณาจักรวิญญาณเท่านั้น เปาโลได้แก้ความคิดของคริสเตียนในเรื่องนี้และสรุปไว้ตอนท้ายว่า "อย่าไปเกี่ยวข้อง" กับเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์นี้
1 โครินธ์ 6:19-20 ท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือว่า ร่างกายของพวกท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้สถิตในท่าน ผู้ซึ่งพวกท่านได้รับจากพระเจ้า และท่านทั้งหลายไม่ใช่เจ้าของตัวท่านเอง? เพราะว่าพระเจ้าทรงซื้อท่านไว้แล้วด้วยราคาสูง ฉะนั้น จงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของพวกท่านเถิด
สิ่งที่ต้องขบคิดกันต่อ
1. เหตุผลแรกของคนที่คิดว่าได้ ขอสรุปว่าไม่ได้เพราะเราไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการนมัสการพระอื่น
2. เหตุผลข้อ 2 พอจะมีประเด็นอยู่บ้าง เพราะเอาเรื่องที่เกี่ยวกับการนมัสการออกไป แต่คนอื่นที่ไม่เชื่อก็จะไม่เห็นว่าความเชื่อของคริสเตียนมีอะไรที่แตกต่างในการร่วมพิธีของความเชื่อของเขา เพราะยังลอยอะไรบางอย่างในวันเพ็ญเดือน 12 นอกจากคริสเตียนไทยทุกคนจะลุกขึ้นพร้อมกันเป็นล้านๆ คน ประดิษฐ์วัฒนธรรมของตัวเองขึ้นมาใหม่ อธิบายมุมของเราให้ชัด แล้วทำพร้อมๆ กัน
3. ประเพณีไทยเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาดูในรายละเอียดในแต่ละประเพณี เราควรเข้าร่วมอย่างมีสติและไม่ใช่ทุกประเพณีที่เราสามารถร่วมได้
ท่านสามารถอ่านเรื่อง "มุมมองของประวัติศาสตร์และสังคมเกี่ยวกับประเพณีวันลอยกระทง" ต่อได้ที่ http://kanok-leelahakriengkrai.blogspot.com/2017/07/blog-post_31.html
ท่านสามารถอ่านเรื่อง "มุมมองของประวัติศาสตร์และสังคมเกี่ยวกับประเพณีวันลอยกระทง" ต่อได้ที่ http://kanok-leelahakriengkrai.blogspot.com/2017/07/blog-post_31.html
ความคิดเห็น
ตัวกระทงเองไม่มีมลทินครับ เหตุเพราะ "พระ" มีพระเดียวคือพระเจ้า ไม่มีพระอื่นอีก ของที่เอาไปไหว้พระเหล่านั้นก็ยังคงเป็นของธรรมดาเช่นเดียวกับของที่ไม่ถูกเอาไปไหว้แม้จะมีหน้าตาเหมือนของที่ใช้ไหว้พระอื่นเช่นเป็นรูปดอกบัวหรือมีธูปเทียนปัก ฯลฯ (1โครินธ์ 8:4-6)
ดังนั้นคนที่มีความรู้ เข้าใจ เติบโตแล้ว รู้แน่แล้วว่าไม่มีพระอื่นอีก ในทางทฤษฎีจึงลอยกระทงได้ครับ เป็นแค่กิจกรรมหนึ่ง แต่....ในทางปฎิบัติมาดูกัน
คนที่ยังไม่รู้ ผู้เชื่อใหม่ เขายังไม่เข้าใจว่าพระอื่นๆนั้นไม่ใช่พระ ใช้คำว่า "ไร้สาระ" ด้วยซ้ำ (1คร.8:4) ดังนั้นการที่เขากระทำลงไป "ในใจยังคงให้ค่า" แก่ความเป็นพระเหล่านั้นอยู่บ้าง ตรงนี้ครับคือเหตุที่ทำให้เป็นมลทิน คือเป็นมลทินเริ่มจากใจ (1คร.8:7 "7 มิใช่ว่าทุกคนมีความรู้อย่างนี้ เพราะมีบางคนที่เคยนับถือรูปเคารพมาก่อน เมื่อได้กินอาหารนั้นก็ถือว่าเป็นของบูชาแก่รูปเคารพจริงๆ และจิตำนึกผิดชอบของเขายังอ่อนอยู่ จึงเป็นมลทิน")
ดังนั้นถ้าผู้ที่เติบโตแล้วไปลอยกระทง การลอยฯนั้นไม่เป็นมลทินก็จริง แต่ถ้าเป็นเหตุให้ผู้ที่มีความเชื่ออ่อนอยู่ทำตาม (ทำตามแบบไม่เข้าใจ-->เป็นมลทิน) ก็ต้องรับผิดชอบด้วยครับ (1คร.8:10-12)
1คร.บทที่8
10 เพราะว่าถ้าผู้ใดเห็นท่านที่มีความรู้ นั่งรับประทานอาหารในโบสถ์ของรูปเคารพ จิตสำนึกผิดชอบที่อ่อนของคนนั้นจะไม่เหิมขึ้น ทำให้เขาังอาจกินของที่ได้บูชาแก่รูปเคารพนั้นหรือ
11 ความรู้ของท่านจะทำให้พี่น้องที่มีความเชื่อน้อย ซึ่งพระคริสต์ได้ทรงยอมวายพระชนม์เพื่อเขาต้องพินาศไป
12 ฉะนั้นเมื่อท่านทำผิดต่อพวกพี่น้อง และทำร้ายจิตสำนึกผิดชอบที่อ่อนของเขา ท่านก็ได้ทำผิดต่อพระคริสต์ด้วย
สรุปคือในภาคปฏิบัติ ผู้ที่มีความเชื่อเข้มแข็งจึงไม่ควรไปลอยกระทง....
นอกจากอาจทำให้ผู้ที่มีความเชื่ออ่อนหลงทำตามแล้ว ถ้าตัวเองทำไปโดยเหตุเสียดายหรือหวังผลบางประการ (มิได้มาจากความเข้าใจ หรือความเชื่อ) ก็เป็นเหตุให้เกิดมลทินแก่ตัวเองด้วยครับ (รม.14:22-23)
.../by maaouy