พระคัมภีร์ภาษาไทยเล่มแรกในประวัติศาสตร์สยาม


ราชอาณาจักรสยามในปี ค.ศ.1828 สมัยต้นรัชกาลที่ 3 โดย John Crawfurd
ในสมัยต้นศตวรรษที่ 19 งานพันธกิจของพระเจ้าจะมาพร้อมกับการขยายอำนาจในยุคล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก เช่น จากทางอินเดีย พม่า และไปยังประเทศจีน และมีฐานกำลังสำคัญอยู่ที่สิงค์โปร์ ดูเหมือนตอนนั้นมิชชันนารีจะมุ่งหน้าไปยังจีนเป็นหลักเนื่องจากจีนอยู่ในช่วงถูกชาติตะวันตกโดยเฉพาะฝรั่งเศส อังกฤษ โปรตุเกส และรัสเซีย รุกรานกดดันให้เปิดประเทศและยึดพื้นที่บางส่วนเพื่อตั้งเป็นอาณานิคม ความจริงผู้มีอำนาจในชาติตะวันตกไม่ได้ชื่นชอบอะไรในมิชชันนารีมากนัก เพราะมองว่าพวกนี้จะมาสอนให้ชนชาติที่เขาไปปกครองให้มีความเสมอภาคกับเจ้าอาณานิคม

อโดนิรัม จัดสัน (Adoniram Judson) แอนน์ ฮาเซลไตน์ จัดสัน (Mrs. Ann Hazeltine Judson)
กว่าจะเริ่มแปลพระคัมภีร์เป็นภาษาไทยจนสำเร็จ เราจะไม่พูดถึง อโดนิรัม จัดสัน (Adoniram Judson) และภรรยาคือ แอนน์ ฮาเซลไตน์ จัดสัน (Mrs. Ann Hazeltine Judson) ไม่ได้ เพราะทั้งคู่เป็นโปรเตสแตนท์คนแรกที่เดินทางมายังพม่า เป็นมิชชันนารีชาวอเมริกัน ในคณะแบบติสต์ ทั้งคู่ได้ประกาศกับคนพม่าอย่างแข็งขัน มีการแปลพระคัมภีร์เป็นภาษาพม่า

ในเวลานั้น แอน จัดสัน ภรรยาของ อโดนิรัม จัดสัน เธอได้สังเกตเชลยศึกชาวโยเดีย (อยุธยา) ที่ถูกกวาดต้อนมา ว่าไม่ใช่คนป่าเขาป่าเถื่อนแต่ดูมีความรู้ มีการศึกษา และเธอได้ศึกษาภาษาไทย จนสามารถสร้างพจนานุกรมภาษาไทยขึ้น ต่อมาพจนานุกรมภาษาไทยกลายเป็นรากฐานสำคัญในการแปลพระคัมภีร์ฉบับภาษาไทย
 แอนน์ ฮาเซลไตน์ จัดสัน (Mrs. Ann Hazeltine Judson) 
จดหมายของ แอนน์ จัดสัน ที่ส่งกลับไปยังอเมริกา มีใจความที่น่าสนใจคือ
...ที่ส่งมาพร้อมนี้คือ คำสอนทางศาสนาเป็นภาษาไทย ซึ่งฉันเพิ่งลอกเสร็จ เธอจะได้เห็นแบบและลักษณะของการเขียนภาษาไทยได้ดี ฉันได้เรียนภาษาไทยมากกว่าหนึ่งปีครึ่ง และด้วยความช่วยเหลือของครู ฉันจึงสามารถแปลคำสอนทางศาสนาของพม่า และกอสเพลออฟแมททิวออกเป็นภาษาไทย..." 
เข้าใจว่าความพยายามในการแปลพระคัมภีร์ภาษาไทยเกิดขึ้นครั้งแรกที่พม่านั่นหล่ะครับ
ต่อมาในปี ค.ศ.1816 คณะแบบติสต์ได้ส่งนายยอร์ช เอช ฮัฟ (George H. Hough) ซึ่งเป็นช่างพิมพ์ให้นำแท่นพิมพ์ และตัวพิมพ์เข้าไปในประเทศพม่า และได้สร้างตัวพิมพ์อักษรพม่า ในขณะเดียวกันนางจัดสันก็ได้ร่วมมือกับนายฮัฟสร้างตัวพิมพ์อักษรไทย หล่อขึ้นได้สำเร็จในพม่าในปี ค.ศ.1817 และพิมพ์หนังสือขึ้นด้วยตัวพิมพ์อักษรไทยเป็นครั้งแรกในปีนั้น แต่ไม่มีหลักฐานเหลือมาว่าเป็นหนังสืออะไร
ตำราไวยากรณ์ไทยที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษโดย ร.อ. เจมส์ โลว์ พิมพ์ในปี ค.ศ.1828
จากรากฐานตัวอักษรไทยของ แอนน์ จัดสัน และแม่พิมพ์อักษรไทยที่ถูกประดิษฐ์ขึ้น ในปี ค.ศ.1828 จึงได้มีการจัดพิมพ์หนังสือ "A Grammar of the Thai or Siamese Language" เป็นตำราไวยากรณ์ไทยที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษโดย ร.อ. เจมส์ โลว์ (Capt. James Low) ซึ่งเคยเป็นข้าราชการของอังกฤษ ทำงานที่เกาะหมาก หรือเกาะปีนัง และมีความรู้ภาษาไทย พิมพ์ที่โรงพิมพ์คณะแบบติสต์ (The Baptist Mission Press) ที่เมืองเซรัมโปร์ นครกัลกัตตา เป็นหนังสือที่มีขนาดโตกว่าหนังสือ 8 หน้ายกเล็กน้อย มีความหนา 102 หน้า มีหน้าที่พิมพ์ด้วยตัวพิมพ์อักษรไทยหลายหน้า และมีหน้าพิมพ์ที่แสดงให้เห็นตัวอย่างลายมือเขียนภาษาไทย หนังสือเล่มนี้ยังมีเหลือให้เห็นหลายเล่ม นับว่าเป็นหนังสือที่พิมพ์ด้วยตัวพิมพ์อักษรไทยที่เก่าแก่ที่สุดที่มีอยู่ในปัจจุบัน ต่อมาเครื่องพิมพ์ได้ถูกย้ายไปยังสิงค์โปร์

ปี ค.ศ. 1828 ศาสนาจารย์นายแพทย์ คาร์ล เฟรเดอริค ออกัสตัส กุ๊ตสลาฟ (Dr.Karl Frederick Augustus Gustaff) และศาสนาจารย์จาคอบ ทอมลิน (Rev. Jacob Tomlin) เป็นมิชชันนารีโปรเตสแตนต์ 2 ท่านแรก ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ความพยายามแปลพระคัมภีร์ฉบับภาษาไทยได้เกิดขึ้นอีก และคาดว่า นพ.คาร์ล กุ๊ตสลาฟ ได้แปลพระคัมภีร์ใหม่ในภาษาไทยเสร็จ แต่เนื่องจากมีข้อที่ต้องแก้ไขตรวจสอบอยู่มากเนื่องจากอักขระไทยเป็นภาษาที่ใหม่และไม่คุ้นเคยของชาวตะวันตกในสมัยนั้น
ศจ.ดร.จอห์น เทเลอร์ โจนส์ (Rev. Dr. John Taylor Jones)
จนกระทั่ง ศจ.ดร.จอห์น เทเลอร์ โจนส์ (Rev. Dr. John Taylor Jones) (July 16, 1802 – September 13, 1851) หนึ่งในทีมพันธกิจพม่าภายใต้การนำของ อโดนิรัม จัดสัน (Adoniram Judson) ได้อาสาตัวทั้งครอบครัวเข้ามาสู่อาณาจักรสยามในสมัยต้นรัชกาลที่ 3 ด้วยหัวใจที่จะทำพันธกิจนำพระคุณความรักของพระเจ้ามาสู่คนสยาม และจากรากฐานภาษาไทยของ แอนน์ จัดสัน, จอห์น เทเลอร์ โจนส์ จึงได้แปลพระคัมภีร์ใหม่ทั้งเล่มสำเร็จและได้จัดพิมพ์ที่โรงพิมพ์ในสิงค์โปร์ ในปี ค.ศ.1835 ต่อมาได้มีการแปลและพิมพ์พระคัมภีร์เดิมขึ้นด้วย นับเป็นรากฐานของพระคัมภีร์ภาษาไทยหลายฉบับต่อๆ มาในปัจจุบัน
พระคัมภีร์ใหม่ฉบับภาษาไทยฉบับแรก ปี ค.ศ.1835


พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่รวมเล่ม พิมพ์เสร็จสิ้นในปี 1850
พระคัมภีร์ของ จอห์น โจนส์ (J.T. Jones) แปลจากภาษากรีกเป็นหลัก ต่อมาได้มีการพัฒนาการแปลขึ้นอีกอย่างน้อย 4 ครั้ง ซึ่งอ้างอิงฉบับ King James Version (KJV), Septuagint, ฮีบรู และกรีก จนมาถึงฉบับปี ค.ศ. 2011 ที่เราได้ใช้ในปัจจุบัน
แม้ว่าพระคัมภีร์ไทยฉบับของ จอห์น โจนส์ อาจจะไม่ได้เป็นฐานการแปลในฉบับอื่นๆ ต่อมาก็ตาม ก็นับว่า จอห์น โจนส์ ได้ทิ้งมรดกที่สำคัญยิ่งอันหนึ่งแก่คริสเตียนไทยในเวลาต่อมาจนถึงปัจจุบัน
ร่างของ ศจ.ดร.จอห์น เทเลอร์ โจนส์ ได้ฝังไว้ที่เมืองไทยที่เขารัก ที่สุสานโปรเตสแตนท์ ถนนเจริญกรุง (ติดโรงงานยาสูบ) ส่วนพระคัมภีร์ไทยเล่มแรกปัจจุบันมีการเก็บไว้อย่างดีที่ บริติส มิวเซียม (British Museum) กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
หลุมศพของ ศจ.ดร.จอห์น เทเลอร์ โจนส์ และครอบครัว อยู่ที่สุสานโปรเตสแตนท์ กรุงเทพฯ
สิ่งที่น่าสังเกตจากป้ายหลุมศพของท่าน
  • ปี ค.ศ.1835 แปลพระคัมภีร์สำเร็จ
  • ปี ค.ศ.1833 เดือน ต.ค. ลูกชาย 3 เดือน เสียชีวิต
  • ปี ค.ศ.1834 เดือน มิ.ย. ลูกสาววัย 2 ขวบครึ่ง เสียชีวิต
  • ปี ค.ศ.1838 ภรรยาวัย 35 ปี เสียชีวิตสาเหตุจากอหิวาตกโรค ซึ่งระบาดไปทั้งโลกในช่วงนั้นพอดี
นั่นแสดงว่าช่วงที่งานแปลพระคัมภีร์มาถึงจุดที่ใกล้จะเสร็จ โจนส์ต้องเผชิญกับความทุกข์ใจอย่างแสนสาหัสถึง 2 ปี เป็นอย่างน้อย คือการเสียลูกชายวัย 3 เดือน และในปีต่อมาก็เสียลูกสาววัย 2 ขวบครึ่ง

อาโดนิรัม จัดสัน และภรรยา เมื่อมีการเปลี่ยนพระราชา ทั้งคู่ถูกจับฐานเป็นสายลับ ติดคุกอยู่หลายปีโดยไม่มีการไต่สวน ต่อมาก็ปล่อยแต่สุขภาพอาโดนิรัม จัดสันไม่ดีและเสียชีวิตลงอย่างน่าอนาจ

การวางรากฐานฝ่ายวิญญาณนั้นใช้เวลาและความอุตสาหะเป็นอย่างมาก เราไม่อาจมองข้ามพระคุณพระเจ้าสำหรับคนไทยที่ผ่านมิชชันนารีทุกท่านที่เข้ามาทำงานอย่างหนักเมืองไทยได้ มิชชันนารีและผู้รับใช้พระเจ้าทุกท่านเป็นแรงบันดาลใจให้แก่เราในปัจจุบันในการรับใช้ด้วยความตั้งใจ เพื่อพระนามพระเจ้าจะได้รับเกียรติอย่างต่อเนื่องในผืนแผ่นดินไทยนี้


อ้างอิง

  • จอร์จ บลัดเลย์ แมคฟาร์แลนด์, M.D., "หนึ่งศตวรรษในสยาม ค.ศ.1828- ค.ศ.1928"
  • รูธ เอ. ทัคเกอร์ "จากเยรูซาเล็มสู่ปลายแผ่นดินโลก"
  • โครงการสารานุกรมไทยฯ, "เล่มที่ 18 ประวัติการพิมพ์ไทย"

ความคิดเห็น

อยากให้ดูภาพสุดท้ายของบทความ แล้วอ่านดีๆ จะพบความจริงบางอย่างที่น่าตกใจครับ
เฉลยครับ
.
.
.
.
.
แปลพระคัมภีร์สำเร็จ ปี 1835
ลูกชาย 3 เดือน ตาย ต.ค. ปี 1833
ลูกสาววัย 21 ปี ตาย มิ.ย. ปี 1834
ภรรยา วัย 35 ตาย มี.ค. ปี 1838 บันทึกไว้ว่าสาเหตุจากอหิวาตกโรค ซึ่งระบาดไปทั้งโลกในช่วงนั้นพอดี
นั่นแสดงว่า ช่วงที่งานแปลพระคัมภีร์มาถึงจุดที่ใกล้จะเสร็จ โจนส์ต้องเผชิญกับความทุกข์ใจอย่างแสนสาหัสถึง 2 ปี เป็นอย่างน้อย คือการเสียลูกชายวัย 3 เดือน และในปีต่อมาก็เสียลูกสาววัย 21
สภาพเมืองไทยในสมัย ร.3 ไม่ต่างกับบรรยากาศป่าดงดิบในสมัยสร้างสะพานมรณะที่ จ.กาญจนบุรี โดยเฉพาะสำหรับคนชาติตะวันตก กรุงเทพฯ ก็มีป่าดงดิบเต็มไปหมด พื้นเป็นโคลน เดินทางทางบกลำบาก ต้องใช้แม่น้ำลำคลองเป็นทางสัญจรหลัก แมลงเยอะมาก ห่างเมืองหน่อยมีทั้งกวาง เสือ แรด เวลาเดินทางไกลต้องเอาไก่กับหมาไป เพราะพวกนี้เสียงดัง ถ้าเงียบไปแสดงว่าเสือมาแล้ว ไข่ป่านี่เต็มเลย นักสำรวจคนตายไปเยอะเพราะไข้ป่า
ทาง อาโดนิรัม จัดสัน และภรรยา ในพม่า เมื่อมีการเปลี่ยนพระราชา ทั้งคู่ถูกจับฐานเป็นสายลับ ติดคุกอยู่หลายปีโดยไม่มีการไต่สวน ไม่นานก็ปล่อย สุขภาพอาโดนิรัม จัดสันไม่ดี เสียชีวิตลงอย่างน่าอนาจ
Unknown กล่าวว่า
ลูกสาว​น่าจะ​อายุ​ สองขวบครึ่ง​ครับ​
Unknown กล่าวว่า
ลูกสาว​น่าจะ​อายุ​ สองขวบครึ่ง​ครับ​
ขอเชิญมาพูดคุยกันต่อได้ที่ https://www.facebook.com/kanok.leelahakriengkrai
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ น่าจะ 2 ขวบครึ่งจริงๆ ครับ นั่นก็น่าเศร้าเข้าไปใหญ่