ก่อร่างสร้างจีน ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจจีน

การเรียนรู้เศรษฐกิจผ่านการเปลี่ยนผ่านของบานพับประวัติศาสตร์โลกที่นำการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ทำให้เราเข้าใจแนวคิดและสิ่งที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อจะตัดสินใจหลีกเลี่ยงหรือเข้าสู่กระแสการเปลี่ยนแปลงนั้น ๆ ด้วยความเข้าใจ

โลกเราพัฒนาการเกษตรแบบกว้างขวาง ทำให้เกิดการรวมศูนย์อำนาจจนเกิดรัฐมากมายกระจายตัวเป็นมหาอำนาจของโลก การควบคุมอำนาจทางการเกษตรทำให้สามารถคุมกองทัพได้ และกองทัพก็เอาชนะชุมชนที่เก็บของป่าที่ต่างคนต่างอยู่ แต่กองทัพก็ปะทะกันเองจนกลายเป็นกับดักธูซิดิดีส (Thucydides Trap) คือสงครามมากมาย ตลอดเวลา และใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้อาณาเขตที่กว้างไกลหยุดการพัฒนาไป นี่จึงเป็นสภาพของกับดักทางเศรษฐกิจและการพัฒนาในระดับมหภาค

ศตวรรษที่ 18 เจมส์ วัตต์ (James Watt) ประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำ ทำให้โลกตะวันตกก้าวสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมด้วยการประยุกต์เครื่องจักรอัติโนมัติในหลากหลายการผลิต ทำให้โลกตะวันตกนำหน้าเอเซียไปเป็นร้อยปี

ยุคปัจจุบันและอนาคตเป็นยุคของเทคโนโลยี ใครพัฒนาเทคโลโลยีได้ ก็ควบคุมความมั่งคั่งของโลกได้ เป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก เพราะหากประเทศใดจะก้าวพ้นกับดักชนชั้นกลางจะต้องมีการลงทุนเพื่อพัฒนาเรื่องนี้ ประเทศจีนใช้งบวิจัยประมาณ 3% ของ GDP ประเทศไทยใช้ประมาณ 1% ของ GDP (แต่ในอนาคตจะใช้มากขึ้น)

นี่เป็นครึ่งแรกของหนังสือเล่มนี้ ครึ่งต่อไปแทบไม่เกี่ยวกัน แต่อิงแนวคิดของครึ่งแรกบ้าง ถ้าไม่อ่านก็ไม่เข้าใจครึ่งหลัง

ครึ่งหลังเน้นการเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investor) ตามแนวคิดของวอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) และชาร์ลี มังเกอร์ (Charlie Munger) 2 ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการนักลงทุนที่ทุกคนควรศึกษาเรียนรู้ 

หลี่ลู่ได้สรุปแนวคิดของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าไว้ 4 หลัก

1. หุ้นเป็นหลักทรัพย์ที่ซื้อขายได้ และการเป็นนักลงทุนที่เน้นคุณค่าต้องเข้าใจและเข้าถึงให้ได้ว่าการถือหุ้นเป็นการเป็นเจ้าของบริษัทนั้น ๆ แล้ว จึงจำเป็นต้องรู้ให้ลึกว่าบริษัทนั้น ๆ จะเติบโตอย่างไร

2. ตลาดหุ้นมีไว้เพื่อบริการคุณ หมายถึงช่วยให้คุณเข้าถึงหลักทรัพย์ต่าง ๆ ได้ อย่าให้ตลาดชี้นำราคาหุ้น คุณเท่านั้นเป็นผู้ชี้ ตลาดมีไว้รองรับการตัดสินใจของคุณ

3. การคาดการณ์ราคาหุ้นไม่มีทางถูกต้อง 100% เราจึงต้องมีส่วนเผื่อความปลอดภัย (Margin of Safty: MOS) และต้องพยายามคาดการณ์ให้ซื้อในราคาต่ำกว่าตลาดให้มาก และขายในราคาสูง เพื่อส่วนต่างจะกว้าง ทำให้ไม่เสียหายแต่ได้กำไรกลับมามาก

4. เรียนรู้จักการลงทุนให้นานพอที่จะเข้าใจขอบเขตแห่งความสามารถของตน (Circle of Competence) เพื่อเราจะสามารถประเมินสถานการณ์ได้คมชัดแม่นยำ ซึ่งข้อนี้เป็นความสามารถเฉพาะตัวของแต่ละคน

ผมคิดว่าประเด็นหนังสือที่หนามากน่าจะมีประมาณนี้ เพราะเรื่องต่าง ๆ ก็จะพูดซ้ำไปซ้ำมาจนเกินความจำเป็น อาจจะเป็นจุดอ่อนของหนังสือเล่มนี้ก็ได้ แต่ก็ดีครับ แนะนำให้ผู้ที่สนใจเรื่องการลงทุนอ่านครับ แต่จำเป็นต้องมีพื้นฐานบ้าง มิฉะนั้นจะงงเรื่องศัพท์เทคนิคมากมายที่ผู้เขียนใส่ลงมา

"ก่อร่างสร้างจีน: ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจจีน" เขียนโดย หลี่ลู่ ผู้บริหารกองทุนระดับหลายหมื่นล้านดอลล่าร์ หนังสือใหม่พิมพ์ในปี 2568 ความหนา 512 หน้า ระดับความยาก: ปานกลางถึงยาก เหมาะสำหรับผู้บริหารระดับกลางสูงขึ้นไป เล่มนี้ผมให้คะแนน 6.5/10

#BookReview #ก่อร่างสร้างจีน #รีวิโดยกนก #กนกลีฬหเกรียงไกร #KanokLeelahakriengkrai

ความคิดเห็น