การประชุมวันอาทิตย์ในคริสตจักร มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการสามัคคีธรรมอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อการเติบโตฝ่ายวิญญาณและความรักผูกพันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สามารถหนุนใจเสริมสร้างกันและกันได้เป็นอย่างดี
คนไทยโดยทั่วไปอาจคุ้นเคยกับคริสตจักรหรือโบสถ์ในมุมของพิธีการทางศาสนาหรือรูปลักษณ์ภายนอกของคริสตจักรมากกว่าคุณลักษณะทางจริยธรรมที่เป็นวิถีชีวิตคริสตชน ซึ่งอาจจะเห็นได้ชัดเจนในวันอาทิตย์และกิจกรรมอาสาต่าง ๆ ในวันทั่วไป
อย่างไรก็ดีทุกอย่างที่คริสตจักรแสดงออกจะสะท้อนความเชื่อ ความตั้งใจและวัตถุประสงค์ที่พระเจ้าทรงตั้งไว้เพื่อให้คริสเตียนเป็นในฐานะลูกของพระเจ้าตลอดจนการเป็นท่อแห่งพระพรนำความรอดไปถึงผู้คนมากมาย
คริสตจักรที่มีสุขภาพดีจึงมีทั้งรูปแบบภายนอกที่ดีและลักษณะภายในที่สะท้อนคุณภาพการเติบโตฝ่ายวิญญาณ ไม่ว่ารูปแบบภายนอกหรือขนาดของคริสตจักรจะเป็นอย่างไร สุขภาพที่ดีของคริสตจักรเป็นเรื่องนี้คริสเตียนควรใส่ใจ
กรอบแนวคิดของคริสตจักรที่มีสุขภาพดีได้แก่
1. เน้นความหมายที่ลึกซึ้งในข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์
1 โครินธ์ 15:3-6 เพราะว่าข้าพเจ้าได้มอบเรื่องสำคัญที่สุดที่ได้รับมานั้นแก่พวกท่านคือพระคริสต์วายพระชนม์เพราะบาปของเรา ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ และทรงถูกฝังไว้ แล้ววันที่สามพระองค์ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมา ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ พระองค์ทรงปรากฏต่อเคฟาส แล้วต่ออัครทูตสิบสองคน ต่อจากนั้น พระองค์ทรงปรากฏต่อพี่น้องกว่าห้าร้อยคนในเวลาเดียวกัน ที่ส่วนมากยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ แต่บ้างก็ล่วงหลับไปแล้ว
2. ให้ความสำคัญกับพระมหาบัญชา และพระมหาบัญญัติ
พระมหาบัญชาคือการออกไปประกาศ สร้างสาวก และตั้งคริสตจักร จากจุกที่เราอยู่ไปจนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก
มัทธิว 28:18-20 พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “สิทธิอำนาจทั้งหมดในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกไปและนำชนทุกชาติมาเป็นสาวกของเรา จงบัพติศมาพวกเขาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ และสอนพวกเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดที่เราสั่งพวกท่านไว้ และนี่แน่ะ เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค”
พระมหาบัญญัติคือให้เรารักพระเจ้าและรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
มัทธิว 22:37-39 พระเยซูทรงตอบเขาว่า "จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่านด้วยสุดจิตของท่าน" และด้วยสุดความคิดของท่าน นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อสำคัญอันดับแรก ข้อที่สองก็เหมือนกัน คือ "จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง"
ทั้งพระมหาบัญชา และพระมหาบัญญัติ จะสะท้อนจากวิธีคิดของคริสตจักรที่มีต่อตัวเอง สมาชิก จนไปถึงกิจกาารที่ทำออกไปเพื่อเป็นพรแก่สังคมรอบ ๆ คริสตจักร ระดับเมือง ประเทศ หรือระดับสากล
3. สมาชิกตั้งใจเปลี่ยนแปลงชีวิตตามหลักพระคัมภีร์
คริสตจักรที่ดีจะสนใจความเติบโตฝ่ายวิญญาณของสมาชิก คือชีวิตที่เปลี่ยนแปลงทั้งจริยธรรม อุปนิสัยใหม่ การพูด การแสดงออกที่สะท้อนความชอบธรรมของพระเจ้า และทั้งหมดเป็นกระบวนการที่ใช้เวลาและความมุมานะอดทน
1 เปโตร 1:22 เมื่อพวกท่านได้ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์แล้วด้วยการเชื่อฟังความจริง จนมีใจรักพี่น้องอย่างจริงใจ พวกท่านจงรักกันให้มากด้วยน้ำใสใจจริง
ทิตัส 3:5 พระองค์ก็ทรงช่วยเราให้รอด ไม่ใช่เพราะความชอบธรรมที่เราทำเอง แต่ด้วยพระเมตตาของพระองค์โดยผ่านการชำระให้บังเกิดใหม่และสร้างใหม่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์
ความเชื่อที่แท้จริงจำเป็นต้องอยู่ในความเป็นจริงด้วย ขณะที่คนไทยยังมีจำนวนคริสเตียนโปรเตสแตนต์น้อยในระดับ 0.75% ของประชากรไทย หากเราเข้าใจในขนาดของคริสตจักรเพื่อออกแบบบรรยากาศอย่างมีเป้าหมาย เราจะสามารถสนับสนุนการประชุมและการบริหารจัดการต่าง ๆ ภายในคริสตจักรให้บรรลุวัตถุประสงค์ของคริสตจักรที่มีสุขภาพที่ดีได้
ปัจจุบันเราพบว่าคริสเตียนมาร่วมนมัสการโดยเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 56 คนต่อคริสตจักร โดยคริสตจักรส่วนใหญ่อยู่ในช่วงระหว่าง 30-80 คน (eStar, 2024) และขนาดคริสตจักรที่ใหญ่แต่มีไม่มากจะมีขนาดประมาณ 130 คน (ค่าผิดปกติที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในทางสถิติมาก)
มีคำแนะนำในการออกแบบบรรยากาศให้สอดคล้องกับขนาดของคริสตจักรแต่ละขนาดอย่างไร?
1. คริสตจักรขนาดเล็ก (30–80 คน)
คริสตจักรแบบนี้มักเป็นคริสตจักรบ้าน (house church) หรือคริสตจักรครอบครัวโดยเฉพาะในประเทศไทยตามจำนวนโดยอ้างอิงจากสถิติที่ได้กล่าว
โครงสร้างการจัดการ
มีศิษยาภิบาลหรือผู้นำ ผู้นำนมัสการ นักดนตรี และมีผู้ช่วยดูแลความเรียบร้อยทั่วไป คริสตจักรขนาดเล็กจะเติบโตได้หากมีโครงสร้างกลุ่มสร้างชีวิต (เซลล์ แคร์ หรือ Life Group-LG) และระบบการอภิบาลเลี้ยงดูแบบพี่เลี้ยง น้องเลี้ยง
บรรยากาศโดยทั่วไป
การออกแบบบรรยากาศของคริสตจักรขนาดเล็กโดยสรุปคือบรรยากาศแบบไม่เป็นทางการ เพื่อให้ทุกคนรู้สึกอบอุ่นเข้าถึงหัวใจของกันและกัน นั่นคือจุดเด่นของคริสตจักรขนาดเล็ก ฉะนั้นบรรยากาศที่ดีต้องออกแบบให้สอดคล้อง เช่น มีการต้อนรับแบบสบาย ๆ อบอุ่น การจัดที่นั่งเป็นแบบวงกลม เพื่อทุกคนจะได้เห็นกันและกัน คริสตจักรอาจเน้นการอ่านพระคัมภีร์ร่วมกัน การอธิษฐานเผื่ออย่างใกล้ชิด สามารถให้พูดออกมาแล้วอธิษฐานเผื่อร่วมกันในบรรยากาศเป็นกันเอง สามารถให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการแบ่งปันคำพยานชีวิตสัก 2-3 คน
การแต่งกาย
การแต่งกายสบาย ๆ เหมือนอยู่บ้าน สามารถใส่ขาสั้นหรือเสื้อยืดได้ ศิษยาภิบาลแต่งตัวลำลอง ไม่จำเป็นต้องใส่เชิ้ตหรือสูท เพราะจะทำให้เกิดระยะห่างระหว่างสมาชิกและผู้นำอย่างไม่จำเป็น
สไตล์การนมัสการ
การนมัสการให้ร้องเพลงง่าย ๆ การนำนมัสการนำแบบสบาย ๆ ดนตรีอาจมีแค่กีตาร์ หรือคาฮองก็พอ และอาจไม่จำเป็นต้องมีเครื่องเสียงแบบเต็มรูปแบบ แค่ลำโพง 2 ตัว ไมค์ 1-2 ตัวก็เพียงพอ สามารถทำชีทเพลงกระดาษแจกให้พี่น้องให้มีเนื้อเพลงสามารถร้องตามได้ หรือต่อเนื้อเพลงขึ้นจอ TV ให้พี่น้องเห็นได้ชัดเจน เป็นต้น
พิธีมหาสนิท
ควรให้ความสำคัญกับพิธีมหาสนิท ให้เกียรติพระเจ้า สามารถเตรียมขนมปัง น้ำองุ่นวางบนโต๊ะกลางให้หยิบเองหรือใส่ถาดเวียนไปจนครบก็ได้ ขนมปังและน้ำองุ่นหากมีเหลือไม่ควรนำมาทานเล่น แยกไว้เพื่อให้พิธีนี้มีความหมายต่อจิตใจจริง ๆ ผู้นำพิธีมหาสนิทสามารถขอให้ผู้ที่ยังไม่เป็นคริสเตียนอย่าเพิ่งรับขนมปังและน้ำองุ่นในพิธีนี้เพื่อพิธีจะมีความหมายพิเศษต่อผู้เชื่ออย่างแท้จริง
การเทศนา
คริสตจักรขนาดเล็กสามารถให้สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมได้มากโดยเฉพาะการแบ่งปันคำพยานชีวิตสัก 2-3 คน การเทศนาแบบสองทาง ให้พี่น้องร่วมอภิปราย เมื่อเขาได้พูดแสดงความคิดเห็น เขาจะรู้สึกเป็นส่วนร่วมในคริสตจักร สไตล์การเทศนาสำหรับคริสตจักรขนาดเล็กไม่จำเป็นต้องมีธรรมาสน์หรือโพเดี้ยม และอาจมีแค่ชีทกระดาษแล้วเน้นการพูดคุยด้วยระดับภาษาไม่เป็นทางการ เน้นความอบอุ่นเข้าถึงเป็นสำคัญ
การสามัคคีธรรมหลังรอบนมัสการ
ควรมีการทานอาหารร่วมกันระหว่างศิษยาภิบาลและสมาชิกอย่างใกล้ชิด หนุนใจให้พี่น้องเตรียมอาหารมาทานร่วมกัน ศิษยาภิบาลอาจหนุนใจด้วยทิศทางและความตั้งใจของคริสตจักรในช่วงนั้น ๆ ก่อนส่งกลับบ้าน
ความท้าทายและข้อควรระวัง
ความรักความอบอุ่นแม้จะเป็นจุดเด่น แต่ภาระใจในพระมหาบัญชา การประกาศ การสร้างสาวกยังคงเป็นสิ่งที่ท้าทาย คริสตจักรควรคาดหวังการเติบโตของกลุ่ม ไม่มองคนมาใหม่เป็นคนแปลกแยกแต่ต้อนรับเขาด้วยความอบอุ่นเป็นกันเอง
ฮีบรู 13:2 อย่าละเลยที่จะต้อนรับแขกแปลกหน้า เพราะว่าโดยการทำเช่นนั้น บางคนก็ได้ต้อนรับทูตสวรรค์โดยไม่รู้ตัว
1 เปโตร 4:9-10 พวกท่านจงต้อนรับเลี้ยงดูกันและกันโดยไม่บ่น ตามที่แต่ละคนได้รับของประทาน ก็ให้ใช้ของประทานนั้นปรนนิบัติกันและกัน ดังเช่นผู้รับมอบฉันทะที่ดีเกี่ยวกับพระคุณนานาประการของพระเจ้า
2. คริสตจักรขนาดกลาง (81–200 คน)
คริสตจักรขนาดนี้หากบริหารจัดการดีจะสามารถเติบโตเข้มแข็งเป็นพรต่อสังคมในระดับที่กว้างขึ้นได้เพราะมีกำลังคน และทรัพยากรที่เพียงพอในการเลี้ยงตัวเองไปจนถึงการทำพันธกิจอื่น ๆ ตามการทรงเรียก
โครงสร้างการจัดการ
คริสตจักรขนาดนี้โดยทั่วไปจะมีทีมผู้นำชัดเจน เช่น ศิษยาภิบาล คณะธรรมกิจ ทีมผู้นำในระดับต่าง ๆ หัวหน้ากลุ่มย่อย พี่เลี้ยง ผู้นำเพลง ทีมต้อนรับปฏิคม ทีมมีเดีย เป็นต้น และแน่นอนคริสตจักรจะเติบโตได้หากมีโครงสร้างกลุ่มสร้างชีวิต ระบบการอภิบาลเลี้ยงดูแบบพี่เลี้ยง น้องเลี้ยง และมีการประชุมเพื่อติดตามงานอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง
บรรยากาศโดยทั่วไป
ลักษณะการประชุมมีความเป็นทางการมากขึ้น เช่น มีการใช้เครื่องเสียงจริงจัง มีการจัดลำดับโปรแกรมคริสตจักร เช่น นมัสการ พิธีมหาสนิท เทศนา อาจมีการเตรียมห้องนำรับเชื่อ หรือมุมสำหรับผู้มาใหม่ อย่างไรก็ตาม คริสตจักรควรรักษาบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง แม้จะมีระบบมีโครงสร้างเกิดขึ้นอย่างชัดเจนแล้วก็ตาม เพราะการสร้างสาวกที่ดีมาจากการสอนพระวจนะที่ชัดเจนและอยู่ในบรรยากาศที่เปิดรับ
การแต่งกาย
การแต่งกายของสมาชิกจะกึ่งทางการมากขึ้น คนไทยโดยทั่วไปจะแต่งตัวสไตล์ Smart Casual เป็นลุคที่ดูดีแต่ไม่เป็นทางการจนเกินไป ฉะนั้นการร่วมประชุุมโดยทั่วไปมักจะใส่สไตล์ Smart Casual ไม่นิยมใส่เสื้อสไตล์อยู่บ้านเหมือนคริสตจักรขนาดเล็ก ผู้เทศนาอาจใส่สูทลำลองไม่ใส่ไท หรือใส่ไทโดยไม่ใส่สูท สำหรับศาสนาจารย์ ชุดที่ใส่อาจเป็นเสื้อคอลลาร์และสูทลำลองในคริสตจักรขนาดกลางขึ้นไป (คริสตจักรขนาดเล็กควรแต่งตัวสบาย ๆ) หลักทั่วไปคือชุดศาสนาจารย์ควรใส่เฉพาะงานพิธีเท่านั้น
สไตล์การนมัสการ
การนมัสการอาจมีดนตรีเต็มรูปแบบ ในโบสถ์สมัยใหม่จะมีเปียโนไฟฟ้า กีตาร์ไฟฟ้า กีตาร์เบส และกลอง เพลงที่นำเป็นเพลงที่ทันสมัยหรือเพลงใหม่ได้มากขึ้น เพราะสามารถฉายเนื้อเพลงที่จอผ่านโปรเจ็กเตอร์หรือ LED Wall ได้ ทักษะการนำนมัสการอาจจะต้องมีมากขึ้น มีลำดับเพลงจากสบาย ๆ ไปจนถึงบรรยากาศนมัสการที่ลึกซึ้ง
พิธีมหาสนิท
พิธีมหาสนิทต้องมีการจัดการมากขึ้น โดยอาจตั้งทีมงานให้ดูแลตั้งแต่การเตรียมขนมปังและน้ำองุ่นแบบถูกสุขลักษณะ สวมถุงมือปิดแมส เหมือนการทำอาหารเพื่อส่วนรวม และการเดินแจกจะมีทีมที่สวมแมสให้สมาชิกหยิบขนมปังและน้ำองุ่นเองจากถาด ผู้นำพิธีมหาสนิทสามารถขอให้ผู้ที่ยังไม่เป็นคริสเตียนอย่าเพิ่งรับขนมปังและน้ำองุ่นในพิธีนี้เพื่อพิธีจะมีความหมายพิเศษต่อผู้เชื่ออย่างแท้จริง เช่นเดียวกันหากมีเหลือแนะนำให้ทิ้งไปไม่ควรนำมาทานเล่น
การเทศนา
เนื่องจากคริสตจักรมีขนาดใหญ่ขึ้นจึงไม่สามารถเทศนาแบบสองทางได้ แต่อาจให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมบ้างเป็นจังหวะ สไตล์การเทศนาสมัยใหม่จะลดการอ่านคำเทศน์เป็นการพูดแบบสนทนาสบตากับผู้ฟังอย่างเป็นธรรมชาติและลดการใช้ธรรมาสน์หรือโพเดี้ยมลงเพื่อเน้นการเข้าถึงของผู้เทศน์และผู้ฟังมากกว่าการมีอะไรเป็นตัวกั้น ในยุคนี้ไม่ว่าคริสตจักรเราจะเป็นแบบอนุรักษ์นิยมหรือเสรีนิยม การมีธรรมาสน์หรือโพเดี้ยมที่ใหญ่มาก ๆ จะกลายเป็นกำแพงการสื่อสาร (Communication Barrier) ระหว่างผู้เทศน์และผู้ฟังโดยไม่จำเป็น ระดับภาษาสำหรับการเทศนาสมัยใหม่จะเป็นแบบสบาย ๆ มากกว่าภาษาที่เป็นทางการหรือภาษาเขียน การเทศนาจะมีการใช้สไลด์ประกอบมากขึ้น ดังนั้นผู้เทศน์ควรมีความรู้เรื่องการทำสไลด์ การสื่อสารแบบพูดอธิบายคำเทศนาร่วมกับการใช้เครื่องมือ Presentation แบบใหม่ เช่น Power Point หรือ Canva เป็นต้น
การสามัคคีธรรมหลังรอบนมัสการ
ควรมีการทานอาหารร่วมกันระหว่างศิษยาภิบาลและสมาชิกอย่างใกล้ชิด หนุนใจให้พี่น้องเตรียมอาหารมาทานร่วมกัน หรือนั่งด้วยกันในกลุ่มสามัคคีธรรมย่อยตามบ้านเพื่อให้สมาชิกในกลุ่มรู้จักสนิทสนมกัน ศิษยาภิบาลอาจหนุนใจด้วยทิศทางและความตั้งใจของคริสตจักรในช่วงนั้น ๆ ก่อนส่งกลับบ้าน
ความท้าทายและข้อควรระวัง
คริสตจักรขนาดกลางจะมีการจัดตั้งมูลนิธิเพื่อรองรับทรัพย์สินต่าง ๆ ดังนั้นจำเป็นต้องระมัดระวังเรื่องความโปร่งใส เช่น การกำหนดงบประมาณการเงิน รายงานการเงิน การตรวจสอบบัญชี นอกจากนั้นควรเป็นพรแก่คริสตจักรในภาพรวมด้วยใจถ่อมและทำงานร่วมกันกับพระวรกายอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เนื่องจากคริสตจักรเริ่มใหญ่ คริสตจักรควรมีระบบการปกป้องความเชื่อที่ดี มีการสื่อสารกันอยู่เสมอ
2 โครินธ์ 8:21 เพราะเรามุ่งจะเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่เฉพาะในสายพระเนตรองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แต่ในสายตาของคนทั้งหลายด้วย
3. คริสตจักรขนาดใหญ่ (ประมาณ 200 คนขึ้นไป)
คริสตจักรแบบนี้อาจเรียกว่า megachurch ในบริบทไทย เพราะถือว่าเป็นขนาดใหญ่ สูงกว่าค่าเฉลี่ยขนาดของคริสตจักรไทยมาก
โครงสร้างการจัดการ
การจัดการจะเป็นแบบมืออาชีพ มีโครงสร้างงานฝ่ายวิญญาณอภิบาลศิษย์ และโครงสร้างงานบริหารที่ชัดเจน โครงสร้างงานฝ่ายวิญญาณอภิบาลศิษย์ได้แก่ ศิษยาภิบาล คณะผู้นำ หัวหน้ากลุ่มสร้างชีวิต พี่เลี้ยง โครงสร้างงานบริหารได้แก่ ผู้ที่ดูแลงานด้านงานเพิ่มพูนสมาชิก งานระบบการอภิบาล การจัดการทั่วไป เป็นต้น
บรรยากาศโดยทั่วไป
ลักษณะความเป็นทางการจะสูงขึ้น มีการจัดการแบบมืออาชีพ มีทีมงานหลายฝ่าย มีการใช้สื่อดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ มีการใช้จอ LED มีการถ่ายทอดสด รวมถึงการใช้สื่อดิจิตัลต่าง ๆ อย่างไรก็ตามลักษณะจิตวิญญาณของความเป็นคริสตจักรของพระคริสต์ยังคงต้องถูกสะท้อนออกมาแม้คริสตจักรจะมีขนาดใหญ่ก็ตาม ควรให้พี่น้องมีปฏิสัมพันธ์กันด้วย เช่น การอธิษฐานเผื่อกันและกัน การหนุนใจกัน การต้อนรับกันและกันในพื้นที่ใกล้ ๆ กัน
การแต่งกาย
ผู้ร่วมนมัสการอาจแต่งแบบกึ่งลำลอง เหมือนการมาคริสตจักรขนาดกลาง สำหรับผู้เทศนาอาจต้องแต่งตัวเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Smart Casual สูทลำลองไม่ใส่ไท หรือ Semi-Formal ที่มีการใส่ไทใส่สูท
สไตล์การนมัสการ
บรรยากาศนมัสการอาจเป็นแบบคอนเสิร์ทสมัยใหม่ มีคณะนักร้องร่วมในบรรยากาศการนมัสการ บางคริสตจักรใช้วงออร์เคสตร้าร่วมด้วย มีการใช้แสงสีเสียงเต็มรูปแบบ ในการบริหารจัดการจะมีโครงสร้างทีมนมัสการและแนวทางการสร้างทีมอย่างชัดเจนเป็นมืออาชีพ
พิธีมหาสนิท
จะถูกจัดการในแบบเดียวกับคริสตจักรขนาดกลาง แต่ผู้นำพิธีมหาสนิทควรเลือกสรรเฉพาะผู้ที่เป็นผู้นำระดับสูง หรือผู้ใหญ่ในคริสตจักร แต่งกายเรียบร้อยใส่สูท สำหรับผู้ที่มีตำแหน่งศาสนาจารย์ควรใส่ชุดศาสนาจารย์ในการประกอบพิธีมหาสนิท เช่นเดียวกันผู้นำพิธีมหาสนิทสามารถขอให้ผู้ที่ยังไม่เป็นคริสเตียนอย่าเพิ่งรับขนมปังและน้ำองุ่นในพิธีนี้เพื่อพิธีจะมีความหมายพิเศษต่อผู้เชื่ออย่างแท้จริง
การเทศนา
สไตล์การเทศนาสมัยใหม่จะลดการอ่านคำเทศน์ เป็นการพูดแบบสนทนาสบตากับผู้ฟังอย่างเป็นธรรมชาติ และลดการใช้ธรรมาสน์หรือโพเดี้ยมลงตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ระดับความสูงของเวทีจะไม่มาก เพื่อเน้นการเข้าถึง การเทศนาจะมีการใช้สไลด์ประกอบมากขึ้น ดังนั้นผู้เทศน์ควรมีความรู้เรื่องการทำสไลด์ การสื่อสารแบบพูดอธิบายคำเทศนาร่วมกับการใช้เครื่องมือ Presentation แบบใหม่ การใช้ไมค์ลอย เป็นต้น
การสามัคคีธรรมหลังรอบนมัสการ
จุดที่ต้องโฟกัสคือกลุ่มย่อย คริสตจักรควรหนุนใจให้พี่น้องทานร่วมกันในกลุ่มสามัคคีธรรมย่อยเพื่อให้สมาชิกในกลุ่มรู้จักสนิทสนมกันมากขึ้น ศิษยาภิบาลอาจหนุนใจด้วยทิศทางและความตั้งใจของคริสตจักรในช่วงนั้น ๆ ก่อนส่งกลับบ้าน
ความท้าทายและข้อควรระวัง
คริสตจักรขนาดใหญ่ต้องระมัดระวังเรื่องความโปร่งใสของระบบต่าง ๆ เช่น การจัดตั้งมูลนิธิ การกำหนดงบประมาณการเงิน รายงานการเงิน การตรวจสอบบัญชี นอกจากนั้นควรเป็นพรแก่คริสตจักรในภาพรวมด้วยใจถ่อมและทำงานร่วมกันกับทั้งพระวรกายอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
คริสตจักรควรเน้นการสร้างใจในการประกาศข่าวประเสริฐ การเปิดกลุ่มใหม่ ๆ ให้เข้าถึงชุมชน รวมทั้งงานพันธกิจในพื้นที่ใหม่ การขยายรอบนมัสการให้ครอบคลุมความจำกัดของสมาชิก การจัดการอบรมสร้างสาวกให้แก่ผู้นำแต่ละระดับ การส่งเสริมให้ศึกษาต่อในสถาบันพระคัมภีร์ การสร้างระบบมาตรฐานในงานต่าง ๆ
1 โครินธ์ 14:40 แต่จงให้ทุกสิ่งมีความเหมาะสมและเป็นระเบียบเถิด
ไม่ว่าปัจจุบันขนาดของคริสตจักรเราเป็นอย่างไร ให้เราซื่อสัตย์ถวายเกียรติพระเจ้า จัดการประชุมในรูปแบบเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการสามัคคีธรรม เปิดกว้างในความคิด ยินดีเรียนรู้และปรับเปลี่ยนเพื่อให้การประชุมเป็นพรอย่างแท้จริงในยุคสมัยของเรา
รายการอ้างอิง
[1] Ammerman, Nancy. (1988). Studying Congregations. Abingdon Press.
[2] Charry, Ellen T. (1999). By The Renewing of Your Minds: The Pastoral Function of Christian Doctrine. Oxford University Press.
[3] Hovorun, Cyril. (2015). Meta-Ecclesiology: Chronicles on Church Awareness. Palgrave Macmillan.
[4] Hwa, Chow Lien (1981). The Minister as Theologians.
[5] Kehoe, Dalton. (2011). Effective Communication Skills. VN: York University.
[6] เหว่ยเหลียง ลี. (2017). คืนคริสตจักรให้เรา. สุราษฎร์ธานี: มูลนิธิดาเนียลแห่งการศึกษา.
[7] สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ https://www.nesdc.go.th/nscr/main
[8] สำนักงานสถิติแห่งชาติ https://www.nso.go.th
[9] eStar Foundation https://www.estar.ws
ความคิดเห็น