งานล้นตัวเป็นภาวะที่มาจากสาเหตุมากมาย เช่น จำนวนงานที่มากเกินไป ขาดวินัยส่วนตัว บริบทของชีวิตไม่เอื้ออำนวย หรือภาวะจิตใจของเราอาจไม่พร้อมในช่วงต่างๆ เป็นต้น อย่างไรก็ตามเราสามารถกลับมาทบทวนชีวิต ค้นหาแรงบันดาลใจ เพื่อเราจะพัฒนาทัศนะความคิดและความสามารถมากขึ้น เหมือนลับขวานเพื่อจะมีความคม ทำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น
เราจะรับมืออย่างไรกับงานที่ล้นตัวได้อย่างไร?
1. ตัวอย่างผู้รับใช้ที่งานล้นตัว
1.1 พระเยซู
- พระเยซูลงมาด้วยภารกิจที่ชัดเจน
มาระโก 10:45 เพราะว่าบุตรมนุษย์ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อจะปรนนิบัติคนอื่น และให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก
- พระเยซูทำภารกิจด้วยใจ
มัทธิว 9:36-37 และเมื่อพระองค์ทอดพระเนตรฝูงชนก็ทรงสงสารเขาทั้งหลาย เพราะพวกเขาถูกรังควานและไร้ที่พึ่งเหมือนฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง แล้วพระองค์ตรัสกับสาวกทั้งหลายของพระองค์ว่า “ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากนักหนา แต่คนงานยังน้อยอยู่"
- พระเยซูทรงสร้างคน
มัทธิว 10:1 พระองค์ทรงเรียกสาวกสิบสองคนของพระองค์มา แล้วประทานสิทธิอำนาจให้พวกเขาขับผีโสโครกออกได้ และทรงให้รักษาโรคและความเจ็บป่วยทุกอย่างให้หายได้
- พระเยซูสนับสนุนเสมอไป
มัทธิว 28:20 ...และนี่แน่ะ เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค”
1.2 แบบอย่างชีวิตจากผู้รับใช้
เราพบว่าผู้รับใช้ที่งานยุ่ง มักจะยุ่งจริงๆ เช่น
- โมเสส: นำประชาชนอิสราเอลออกจากอียิปต์และนำไปยังคานาอัน
อพยพ 18:13 ...โมเสสนั่งตัดสินความให้ประชาชน พวกเขายืนห้อมล้อมโมเสสตั้งแต่เช้าจนเย็น
- เนหะมีห์: สร้างกำแพงเยรูซาเล็มที่พังลง
เนหะมีย์ 4:21 เราจึงทำงานกัน พวกเราครึ่งหนึ่งถือหอกตั้งแต่เช้ามืดจนดาวขึ้น
เนหะมีย์ 6:15 กำแพงจึงสำเร็จในวันที่ยี่สิบห้าเดือนเอลูลใน 52 วัน
- เปาโล: ประกาศไปจนสุดปลายแผ่นดินโลก สอน สร้างสาวก ตั้งคริสตจักร และอภิบาลสมาชิกมากมาย
1 เธสะโลนิกา 2:9 พี่น้องทั้งหลาย ท่านคงจำได้ถึงการทำงานอันเหน็ดเหนื่อย และความยากลำบากของเรา เมื่อประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้าให้ท่านฟัง เราทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน...
กิจการของอัครทูต 20:35 ข้าพเจ้าวางแบบอย่างให้ท่านแล้วในทุกเรื่อง เพื่อให้เห็นว่าโดยการตรากตรำงานแบบเดียวกันนี้ เราต้องช่วยพวกที่มีกำลังน้อย และระลึกถึงพระวจนะของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า...
2. เกิดอะไรขึ้นก่อนงานล้นตัว
2.1 ถูกเรียก: ด้วยภาระใจ ด้วยการถูกเตรียมชีวิต
- โมเสส: มีภาระใจกับชาวยิว พระเจ้าเรียกให้มาที่ต้นไม้ที่ติดไฟแต่ไม่ไหม้ให้กลับไปช่วยชาวยิวที่เป็นทาส
อพยพ 3:4 เมื่อพระยาห์เวห์ทอดพระเนตรเห็นท่านหันมาดู พระองค์จึงตรัสเรียกท่านจากพุ่มไม้นั้นว่า “โมเสส โมเสสเอ๋ย” โมเสสทูลตอบว่า “ข้าพระองค์อยู่ที่นี่”
- เนหะมีห์: มีภาระใจกับชาวยิวที่อพยพกลับไปเยรูซาเล็ม มีความคิดว่าต้องสร้างกำแพงล้อมเพื่อให้พี่น้องปลอดภัย
เนหะมีย์ 1:4 เมื่อข้าพเจ้าได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ข้าพเจ้าก็นั่งลงร้องไห้โศกเศร้าอยู่หลายวัน และได้อดอาหารและอธิษฐานเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์
เนหะมีย์ 2:5 และข้าพเจ้าทูลพระราชาว่า “ถ้าพระราชาพอพระทัย และถ้าผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเป็นที่พอพระทัยจำเพาะพระพักตร์ฝ่าพระบาท ขอทรงส่งข้าพระบาทไปยังยูดาห์ ยังเมืองอันเป็นที่ฝังศพบรรพบุรุษของข้าพระบาท เพื่อข้าพระบาทจะสร้างขึ้นใหม่”
- เซาโล: พระเยซูทรงเรียกด้วยการอัศจรรย์
กิจการของอัครทูต 9:15 องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับท่านว่า “จงไปเถิด เพราะว่าคนนี้เป็นภาชนะที่เราเลือกสรรไว้ เขาจะนำนามของเราไปถึงบรรดาคนต่างชาติและบรรดากษัตริย์ และไปถึงพวกอิสราเอล
2.2 ถูกสร้าง: ถูกเตรียมชีวิต
- โมเสส: ถูกเลี้ยงดูโดยธิดาฟาโรห์ มีช่วงฟูมฟักเรียนรู้วิทยาการต่างๆ
อพยพ 2:10 เมื่อทารกเติบโตขึ้น นางก็พามาถวายพระราชธิดาของฟาโรห์ พระนางก็ทรงรับไว้เป็นพระราชบุตรของพระนาง และประทานนามให้ว่า โมเสส ตรัสว่า “เพราะเราได้ฉุดขึ้นมาจากน้ำ”
- เนหะมีห์: มีภาระใจกับชาวยิวที่อพยพกลับไปเยรูซาเล็ม มีความคิดว่าต้องสร้างกำแพงล้อมเพื่อให้พี่น้องปลอดภัย เนหะมีห์ถูกเตรียมด้านภาระใจ เขาใช้ชีวิตในวังใกล้ชิดกับกษัตริย์เปอร์เซีย เป็นพนักงานเชิญถ้วยเสวยของพระราชา เขาเห็นวิธีการจัดการทุกอย่าง เป็นเหมือนเลขาส่วนตัวของกษัตริย์อาร์ทาเซอร์ซีส เป็นที่ไว้วางใจมากเพราะคนสมัยนั้นมีการวางยากษัตริย์
เนหะมีย์ 1:2 พี่น้องคนหนึ่งของข้าพเจ้าคือฮานานีมากับชายบางคนจากยูดาห์ ข้าพเจ้าได้ถามเรื่องพวกยิวที่เหลือรอดชีวิตจากการตกเป็นเชลย และถามเรื่องเยรูซาเล็ม
- เปาโล: ถูกเตรียมชีวิตและความรู้ในธรรมบัญญัติจากอาจารย์กามาลิเอลในคณะฟาริสี
กิจการของอัครทูต 22:3 ข้าพเจ้าเป็นยิว เกิดในเมืองทาร์ซัสแคว้นซีลีเซีย แต่เติบโตขึ้นในเมืองนี้ เป็นศิษย์ของอาจารย์กามาลิเอลและได้รับการอบรมอย่างเคร่งครัดตามธรรมบัญญัติของบรรพบุรุษของเรา จึงมีความกระตือรือร้นเพื่อพระเจ้าเช่นเดียวกับพวกท่านในเวลานี้
2.3 ได้รับมอบหมาย: มีความชัดเจนในพระราชกิจสำหรับเขา
- โมเสส: ได้รับมอบหมายจากพระเจ้า
อพยพ 3:10 และบัดนี้จงไปเถิด เราจะใช้เจ้าไปเข้าเฝ้าฟาโรห์ เพื่อจะได้พาประชากรของเราคือชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์
โมเสสมอบหมายงานอย่างเป็นระบบในเรื่องต่างๆ เขาถ่อมใจรับฟังคำแนะนำของเยโธรพ่อตา จึงสร้างระบบการถ่ายทอดงานเป็นลำดับชั้น
อพยพ 18:20-23 ท่านจงสั่งสอนพวกเขาให้รู้กฎเกณฑ์และธรรมบัญญัติ คือทำให้พวกเขารู้จักทางที่เขาต้องดำเนินชีวิตและสิ่งที่ต้องปฏิบัติ ยิ่งกว่านั้น จากประชาชนทั้งหมด ท่านจงมองหาคนที่มีความสามารถ ที่ยำเกรงพระเจ้า ที่ไว้ใจได้ และที่เกลียดสินบน จงแต่งตั้งคนอย่างนี้ไว้เหนือพวกเขา เป็นผู้ปกครองคนพันคนบ้าง ร้อยคนบ้าง ห้าสิบคนบ้าง สิบคนบ้าง ให้พวกเขาพิพากษาคดีของประชาชนอยู่เสมอ ส่วนคดีใหญ่ๆ ก็ให้พวกเขานำมาแจ้งต่อท่าน แต่คดีเล็กๆ น้อยๆ ให้พวกเขาตัดสินเอง การงานของท่านจะเบาลง และพวกเขาจะแบกภาระร่วมกับท่าน ถ้าทำดังนี้และพระเจ้าทรงบัญชาแล้ว ท่านก็จะสามารถทนได้ และประชาชนทั้งหมดนี้ก็จะไปยังที่อาศัยของตนด้วยความสงบสุข”
- เนหะมีห์: สร้างระบบ มอบหมาย กระจายงาน
เนหะมีย์ 2:15 แล้วข้าพเจ้าขึ้นไปในเวลากลางคืนทางหุบเขาและตรวจดูกำแพง แล้วย้อนกลับมาเข้าทางประตูหุบเขากลับไปที่เดิม
เนหะมีห์สร้างระบบงานโดยระบุคนอย่างชัดเจนว่าใครสร้างที่ไหน ทั้งใกล้และไกล (ไม่ได้สร้างกันหน้าบ้านทุกคน) (เนหะมีห์ 3)
- เปาโล: ดูแลคริสตจักรอันทิโอกร่วมกับบารนาบัส
กิจการของอัครทูต 11:25-26 บารนาบัสจึงไปหาเซาโลที่เมืองทาร์ซัส เมื่อพบแล้วก็พามาที่เมืองอันทิโอก ท่านทั้งสองประชุมร่วมกับคริสตจักรตลอดหนึ่งปีและสั่งสอนคนจำนวนมาก และที่เมืองอันทิโอกนี่เองที่พวกสาวกได้ชื่อว่าคริสเตียนเป็นครั้งแรก
2.4 พระเจ้าสถิตอยู่เสมอ
- โมเสส: พระเจ้าอยู่ด้วย
อพยพ 3:12 พระองค์ตรัสว่า “เราจะอยู่กับเจ้าแน่...
- เนหะมีห์: พระเจ้าทรงช่วยเหลือให้กำแพงเสร็จใน 52 วัน
เนหะมีย์ 6:16 ...งานนี้ที่สำเร็จได้ก็เพราะพระเจ้าของเราทรงช่วยเหลือ
- เปาโล: พระเจ้าทรงนำในการรับใช้
กิจการของอัครทูต 16:9-10 ในเวลากลางคืน เปาโลได้รับนิมิตเห็นชาวมาซิโดเนียคนหนึ่งยืนอ้อนวอนว่า “ขอมาช่วยเราในแคว้นมาซิโดเนียด้วย” เมื่อท่านเห็นนิมิตนั้นแล้ว เราจึงหาโอกาสไปยังแคว้นมาซิโดเนียทันที เพราะแน่ใจว่าพระเจ้าทรงเรียกเราไปประกาศข่าวประเสริฐกับชาวแคว้นนั้น
พระเจ้ารับรองด้วยหมายสำคัญการอัศจรรย์หลายครั้ง
กิจการของอัครทูต 16:18 และนางทำแบบนี้อยู่หลายวัน แต่เปาโลรำคาญใจ หันมาสั่งผีนั้นว่า “ในพระนามของพระเยซูคริสต์ จงออกมาจากตัวเขา” ผีนั้นก็ออกทันที
กิจการของอัครทูต 16:26 ทันใดนั้น เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงจนรากคุกสะเทือนสะท้านและประตูคุกเปิดหมดทุกบาน เครื่องจำจองก็หลุดจากพวกเขาทุกคน
กิจการของอัครทูต 19:11-12 พระเจ้าทรงทำอิทธิฤทธิ์ใหญ่หลวงด้วยมือของเปาโล จนเขานำผ้าเช็ดหน้ากับผ้ากันเปื้อนที่ถูกต้องตัวเปาโลไปวางบนตัวของบรรดาคนเจ็บป่วย แล้วโรคก็หายและผีร้ายก็ออกจากเขา
พระเจ้าหนุนใจเปาโล
กิจการของอัครทูต 23:11 ในคืนวันนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมายืนอยู่ข้างเปาโลตรัสว่า “เจ้าจงมีใจกล้า เพราะว่าเจ้าเป็นพยานให้เราในกรุงเยรูซาเล็มอย่างไร เจ้าจะต้องเป็นพยานในกรุงโรมอย่างนั้น”
3. จัดงานงานที่ล้นยังไง
- เรียก: เรียกคนให้มารับใช้ตามของประทาน ความสามารถ และด้วยภาระใจ
- สร้าง: สร้างคน สร้างทีมงาน สร้างระบบ สอน เราพบว่าพระเยซูทรงเรียกสาวก (ลูกา 6:12-13) เปาโลสร้างผู้นำมากมาย (1 โครินธ์ 4:17)
- มอบหมาย: มอบหมายงานให้ดูแลอย่างชัดเจน
- เป็นแบบอย่าง: เป็นแบบอย่างเสมอ ให้เราอยู่ตรงนั้น ทำไปด้วยกันกับทีมงานของเรา
4. ข้อแนะนำเพิ่มเติม
1. ปรับเปลี่ยนวิธีคิดให้ตามพระคัมภีร์: ตระหนักการทรงเรียก สร้างคน สร้างระบบ ร่วมกันรับใช้
2. กระตุ้นตัวเองให้ลงมือทำ: อย่าคิดนานเกิน ลงมือทำให้เห็นผลงาน
3. รู้จักปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง: การพูดคุยพบปะพี่น้องทำให้เรารู้จักการแบ่งปันและการรับรู้สิ่งใหม่ เพิ่มแรงบันดาลใจ
4. จัดการกับอารมณ์ความรู้สึก: ตัดสินใจลุกขึ้นทำงาน อย่าไปดราม่า อย่าไปหาเรื่องใคร จะเสียเวลา เสียความรู้สึก พระเยซูหลังจากได้รับทราบข่าวยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมาถูกประหาร ทรงเป็นทุกข์มาก แต่ก็ทรงตัดสินใจจัดการกับอารมณ์ ลุกขึ้นปรนนิบัติมวลชนต่อ (มัทธิว 14:13-14)
5. ลับสมองบ่อยๆ: อ่านพระคัมภีร์ อ่านหนังสือเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต เข้าสัมนาดีๆ พูดคุยกับพี่น้องที่มีความรู้
6. ดูแลสุขภาพ: ระวังการนอน การกิน การออกกำลังกาย
7. ดูแลครอบครัวให้ดี: ถ้าเราดูแลครอบครัวดี ครอบครัวจะเป็นที่หนุนใจ เป็นแรงส่งเสริมเราในการปรนนิบัติพระเจ้าได้อย่างแข็งแรง
"การใช้เวลากับลูกเป็นการลงทุนที่มีคุณค่ามาก"
1 ทิโมธี 3:4 ปกครองครอบครัวของตนได้ดี อบรมบุตร ธิดา ให้มีความนอบน้อมด้วยความเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง
ถ้าเราสร้างลูกของเราดี วันข้างหน้าหากเราไม่อยู่แล้ว เขายังคงเป็นคนที่ติดตามพระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อช่วยสานต่องานรับใช้ที่ล้นมือให้ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดต้องเริ่มที่การให้เวลาอย่างมีคุณค่าแก่ครอบครัวก่อนเสมอ
5. สรุป
Missio Dei (the mission of God) vs Missio Ecclesiae (the mission of the church)
ภารกิจของพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่และสูงกว่าภารกิจของคริสตจักรเราเสมอ ให้เราทำงานด้วยความอุตสาหะ สังเกตงานให้ดีว่าเป็นงานที่สามารถต่อเชื่อมกับพระมหาบัญชาอย่างไร งานนั้นสะท้อนพระมหาบัญญัติคือรักและเสียสละเพื่อผู้อื่นหรือไม่ และงานนั้นสอดคล้องกับของประทานการทรงเรียกของเราอย่างไร แล้วเราจะพบว่าแม้งานจะล้นบ้าง พอดีบ้าง เรายังคงมีสันติสุขเสมอเพราะเรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรเพื่ออะไรและเพื่อใคร
ความคิดเห็น