The Church of the Holy Sepulchre โบสถ์ที่สำคัญที่สุดในกรุงเยรูซาเล็ม


The Church of the Holy Sepulchre
The Church of the Holy Sepulchre (อ่านว่า เดอะ-เชิร์ช-ออฟ-เดอะ-โฮ-ลี่-เซ็ป-เพอ-เคอะ) หรือ โบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่ ณ กรุงเยรูซาเล็ม เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สุดอายุรวมกว่า 1,700 ปี อาคารโบสถ์สร้างครอบสถานที่ที่มีความสำคัญที่สุดหลายแห่ง เช่น จุดที่เชื่อกันว่าพระเยซูคริสต์ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน, ก้อนหินที่เชื่อว่าเป็นที่ชำระพระศพก่อนฝัง (The Stone of Anointing), อุโมงค์ฝังศพของโจเซฟ อะริมาเธีย สถานที่ฝังพระศพพระเยซูคริสต์, และจุดที่ทรงฟื้นจากความตายในวันที่สาม
ที่วางพระศพพระเยซูที่ถูกครอบด้วยหินอ่อนมานานกว่า 2 พันปีได้ถูกเปิดออกเพื่อซ่อมแซมประมาณ 60 ชั่วโมงจากนั้นจะปิดและอาจจะไม่ได้เห็นข้างในอีกเป็นพันปี
ชาวคริสต์แห่มาแสวงบุญตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 เวลานั้นพระนางเฮเล็น มารดาของจักรพรรดิคอนสแตนติน ได้มาที่นี่และสร้างวิหารไว้ในปี ค.ศ.325 พระนางยังได้ค้นพบกางเขนที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์ (True Cross) และเก็บรักษาไว้ ณ ที่แห่งนี้
The Relic of True Cross กางเขนเล็ก ๆ ด้านในเชื่อว่าทำมาจากการเขนที่ใช้ตรึงพระเยซูคริสต์
ปี ค.ศ.614 ในสงครามเปอร์เซีย-ไบเซ็นไทน์ วิหารถูกเผา กางเขนถูกยึดโดยเปอร์เซีย ต่อมาเมื่อสงบศึกกันแล้ว เปอร์เซียได้มอบกางเขนกลับมายังไบเซ็นไทน์เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพระหว่างกัน
The Stone of Anointing หินที่เชื่อว่าเป็นที่ชโลมพระศพพระเยซูก่อนนำไปฝัง แต่จากการบันทึกพบว่าเป็นหินที่เพิ่งนำมาตั้งในช่วงสงครามครูเสดคือประมาณปี ค.ศ.1000 เป็นต้นมา
ปี ค.ศ.1009 ระหว่างสงครามครูเสดปะทุ จักรพรรดิฟาร์ทิมิด คาลิบ อัลฮาคิม บิน อมาร์ อัลบาร์ สั่งให้รื้อวิหารนี้ทิ้งทั้งหมดจนถึงราก การกระทำนี้ก่อให้เกิดความไม่พอใจอย่างมากต่อคริสเตียนในยุโรป ทำให้เร้าให้เกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างมากในสงครามครูเสด จนกระทั่งต่อมาลูกของจักรพรรดิมุสลิมยอมสงบศึกและสร้างวิหารนี้กลับขึ้นมาใหม่ ณ จุดเดิม
เนื่องจากการสร้างและต่อเติมเกิดขึ้นตลอด 1,700 ปี ลักษณะวิหารโดยรวมจึงไม่เป็นเอกภาพในงานสถาปัตยกรรม
ปี ค.ศ.1149 สถานที่สำคัญทั้งหมดถูกครอบอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน (ก่อนหน้านั้นมีหลายส่วนแยกกัน) วิหารแห่งนี้ถูกยึดไปมาระหว่างคริสเตียนกับมุสลิมตลอดหลายร้อยปี

ปี ค.ศ.1808 วิหารถูกไฟไหม้หนักจนโดมหลักถล่มลงมา วิหารถูกซ่อมแซมและเปลี่ยนรูปแบบโดมให้เป็นสไตล์บาร็อค
วิหารที่ถูกซ่อมแซมหลังไฟไหม้ใหญ่
ปี ค.ศ.1853 เป็นปีที่สำคัญที่วิหารอยู่ภายใต้สนธิสัญญาของสุลต่านแห่งออกโตมาน คือ “remain forever” ห้ามเคลื่อนย้ายทุกอย่างเป็นอันขาด
แม้แต่บันไดที่ตั้งไว้ในครั้งมีการซ่อมแซม เมื่อกฏห้ามเคลื่อนย้ายถูกบังคับใช้ บันไดนี้จึงอยู่ที่นี่และไม่เคลื่อนย้ายมากว่า 170 ปีแล้ว
โบสถ์แห่งนี้ในปัจจุบันจะไม่มีใครเป็นเจ้าของที่แท้จริงฝ่ายเดียว ความรับผิดชอบของแต่ละส่วนถูกแยกอย่างชัดเจน ได้แก่ ส่วนของ Eastern Orthodox, Oriental Orthodox (Coptic), และ Roman Catholics ทั้ง 3 กลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มหลักที่เป็นเจ้าของโบสถ์ร่วมกัน ส่วนกลุ่มโปรเตสไม่ถือว่าเป็นหนึ่งในเจ้าของสถานที่แห่งนี้


กฎ Remain Forever ยังคงถูกบังคับใช้อยู่ในปัจจุบันในลักษณะของประเพณีนิยม เช่น ปี ค.ศ.2002 บาทหลวงคอปติกส์ ไปเลื่อนเก้าอี้จากตำแหน่งเดิม ปรากฏว่าเกิดการทะเลาะวิวาทและตีกันจนบาดเจ็บไป 11 คน ปี ค.ศ.2004 ประตูวิหารฟรานซิสกันปิดไม่สนิท กลุ่มออร์ธอด๊อกซ์เกิดความไม่พอใจจนเกิดการทำร้ายร่างกายกันอย่างรุนแรง ปี ค.ศ.2008 เกิดการขับไล่บาทหลวงกรีกที่เข้ามาในวิหารที่ไม่ใช่ส่วนของเขาจนเกิดความรุนแรงขึ้นมาอีก เป็นต้น
เจ้าหน้าที่กำลังซ่อมแซมครั้งใหญ่หลังจากที่จุดวางพระศพถูกเปิดออก
เมื่อปี 2017 มีการซ่อมแซมอาคารที่ครอบอุโมงค์ฝังศพพระเยซู ภายในโบสถ์ Holy Sepulchre กรุงเยรูซาเล็ม ด้วยงบประมาณกว่า 4 ล้านดอลล่าร์ จุดที่สำคัญที่สุดภายในอาคารคือจุดวางพระศพพระเยซูที่ถูกครอบด้วยหินอ่อนมานานกว่า 2 พันปี ได้ถูกเปิดออกเพื่อซ่อมแซมประมาณ 60 ชั่วโมงจากนั้นจะปิดและอาจจะไม่ได้เห็นข้างในอีกเลยเป็นพันปี


มีเรื่องเล่าว่า บาทหลวงนิกายกรีก ออร์ธอดอกซ์ ถึงกับผงะตัวชาไปหมดเมื่อได้เปิดหินอ่อนออกมาและเห็นด้านในที่เป็นบริเวณที่พระศพพระเยซูได้ถูกวางไว้จริงๆ แต่พระศพไม่มีอย่างแน่นอนเพราะพระองค์ทรงฟื้นจากความตายในวันที่สามตามการบันทึกจากพระคัมภีร์และนักประวัติศาสตร์มากมาย จนกลายเป็นแกนหลักของความเชื่อคริสเตียนทุกยุคสมัย
ตระกูลมุสลิม Nuseibeb ซึ่งปัจจุบันผ่านมากว่า 800 ปี ตระกูลนี้ยังคงทำหน้าที่ถือกุญแจประตูโบสถ์และเดินมาเปิดประตูโบสถ์ Holy Sepulchre อย่างต่อเนื่องทุกวัน ถือเป็นงานที่มีเกียรติของตระกูลเลย
ประเพณีที่น่าสนใจคือคนถือกุญแจประตูโบสถ์ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1192 หลังจากซาลาดิน ผู้นำมุสลิมยึดเยรูซาเล็มไว้ได้ ซาลาดินได้มอบหน้าที่เปิดประตูโบสถ์ภายใต้การควบคุมของตระกูล Nuseibeb ซึ่งปัจจุบันผ่านมากว่า 800 ปี ตระกูลนี้ยังคงทำหน้าที่ถือกุญแจประตูโบสถ์และเดินมาไขกุญแจเปิดปิดประตูโบสถ์ให้ทุกวัน!

นี่หล่ะครับ เรื่องราวโดยย่อของ โบสถ์ The Holy Sepulchre ซึ่งเก่าแก่และน่าทึ่ง ใครไปเที่ยวเยรูซาเล็มอย่าลืมแวะไปที่นี่ให้ได้นะครับ


อ้างอิง: Joseph Millis. Jerusalem: The Illustrated History of the Holy City. UK: Carlton Publishing Group, 2012.

ความคิดเห็น