Book Review: นายใน สมัยรัชกาลที่ 6

ต้องออกตัวก่อนว่าการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามกฎหมายรัฐธรรมนูญคือการดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ดังที่ถูกกล่าวไว้ใน ม.112 ของรัฐธรรมนูญไทย ในส่วนตัวไม่มีเจตนาในการดูหมิ่น รัชกาลที่ 6 แต่อย่างใด และแม้หนังสือเล่มนี้จะได้นำเสนอความเป็นจริงอย่างตรงไปตรงมาแต่ก็มีเชิงอรรถประกอบมากมาย ในเรื่องรักร่วมเพศ ส่วนตัวผมก็เคยเขียนแนวคิดนี้แบบกว้างๆ และให้โอกาส เพื่อความมีเสรีภาพ ความเท่าเทียมกันระหว่างเพื่อนมนุษย์โดยไม่ถือเพศภาพหรือเพศภาวะใดใด ให้เรามาดูสิ่งที่หนังสือเล่มนี้พยายามนำเสนอกันครับ...
นายใน สมัยรัชกาลที่ 6 เขียนโดย ชานันท์ ยอดหงษ์
หนังสือ "นายใน" นับเป็นความกล้าหาญในระบอบประชาธิปไตยทั้งผู้เขียนและสำนักพิมพ์ หนังสือเล่มนี้ได้เปิดเผยเพศภาวะของสังคมแวดล้อมในรัชกาลที่ 6 ที่มีรสนิยมทางเพศแบบชายรักชาย มีการอ้างอิงในหนังสือว่าในสมัยที่ทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช บุคลิกของพระองค์เหมือนผู้หญิงตั้งแต่เด็ก ทรงโปรดการละคร และงานเลี้ยง
รัชกาลที่ 6 ครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ทรงแสดงในบท มารี เลอรูซ์ นางเอกในเรื่องมิตรแท้ (My Friend Jarlet)
ครั้งหนึ่งเมื่อ รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสยุโรป ทรงต้อนรับพระองค์ที่เจนีวาด้วยการรำญี่ปุ่นและการแสดงละคร โดยทรงแต่งหญิงใส่กระโปรงแสดงละครในที่สาธารณะและทรงฉายภาพร่วมกับแขกที่มาร่วมอย่างไม่เคอะเขิน จนพระญาติของพระองค์ต้องกระอักกระอ่วนพระทัยเป็นอย่างยิ่ง จริงๆ ทรงมีพระบรมฉายาลักษณ์แต่งหญิงในชุดกิโมโนตั้งในห้องประทับส่วนพระองค์ด้วย
ทรงฉายภาพร่วมกับพระยารามราฆพ และพระยาอนิรุทธเทวา
ปกติในพระราชวังจะมีผู้หญิงที่คอยปรนนิบัติกษัตริย์เรียกกว่านางใน แต่รัชกาลที่ 6 ทรงมีนายในคอยปรนนิบัติอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสหายสนิทของพระองค์ 2 คนคือ พระยารามราฆพ และพระยาอนิรุทธเทวา (2 พี่น้องตระกูลพึ่งบุญ) โดยเฉพาะพระยารามราฆพที่หนังสือเล่มนี้ให้ภาพของการเป็นคู่รักของพระองค์ และกลุ่มคนรักวงในของพระองค์อยู่กับพระองค์ตั้งแต่ทรงยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช จนถึงวันสวรรคตของพระองค์ กลุ่มนายในจึงกลายเป็นกลุ่มแม่เหล็กแห่งผลประโยชน์มากมายทั้งเรื่องอำนาจและการเงิน ทำให้ผู้ที่ต้องการเข้าถึงผลประโยชน์จึงต้องเข้ามาน้อบน้อมต่อพระยารามราฆพ และพระยาอนิรุทธเทวา อย่างเสียมิได้
พระยารามราฆพ ในการแต่งกายแบบหญิง
พระยาอนิรุทธเทวา ในการแสดงละครเป็นหญิง
วิถีของรัชกาลที่ 6 ทรงโปรดการละคร ทรงมีงานเลี้ยงในหมู่ชายล้วนเป็นกิจวัตรประจำวัน (homosociety) มีการแสดงละครโดยแต่งชายหญิงอยู่เนืองๆ พระองค์ตั้งกองเสือป่า หนังสือเล่มนี้ให้ความเห็นว่าเหตุผลหลักคือทรงเพลิดเพลินกับการมีผู้ชายอยู่รายล้อม ไม่ใช่เหตุผลทางการทหารแต่อย่างใด แม้กระทั่งเมืองดุสิตธานีก็เป็นเพียงเมืองตุ๊กตาที่ให้กลุ่มนายในเข้ามาสร้างบ้านจำลองแบบเมืองของเล่นที่เราเห็นในยุโรป (เมืองตุ๊กตาตามแบบอังกฤษ) เป็นการละเล่นอีกอย่างของพระองค์กับนายในเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาจะทดลองระบอบประชาธิปไตยเพื่อให้แก่ประชาชนเหมือนที่เรารับรู้ตลอดมาจากตำราเรียน
พระบรมฉายาลักษณ์พระราชทานเจ้าพระยารามราฆพเพื่อแสดงถึงความมีสเน่หา 
บ้านนรสิงห์ บ้านพระราชทานให้แก่พระยาประสิทธิ์ศุภการ (ตำแหน่งเดิมของเจ้าพระยารามราฆพ ) ต่อมาได้ขายให้รัฐบาลไทยเพื่อใช้เป็นทำเนียบรัฐบาลในปัจจุบัน
บ้านเมืองสมัยนั้นอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และกำลังจะเริ่มสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ความสนพระทัยของพระองค์กับการละเล่นในหมู่นายใน การใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายของพระองค์ก่อให้เกิดปัญหาความไม่พอใจอย่างยิ่งในหมู่ข้าราชการ ทหาร และพระญาติ โดยเฉพาะพระยารามราฆพ พระยาอนิรุทธเทวา และกลุ่มนายในทั้งหมดจะถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ จนเป็นสาเหตุหนึ่งที่รัชกาลที่ 7 ถูกยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 โดยคณะราษฎรตามที่เราได้รับรู้กันมา...
อย่างไรก็ตามเพศภาวะของใครก็ตามไม่ควรเป็นเหตุให้เราเกิดความรู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์ ความจริงสังคมเราต้องเลิกดูถูกดูหมิ่นคนที่มีรสนิยมแตกต่างจากเราหรืออะไรๆ ที่สังคมมองว่าปกติเสียที กลับกันเราต้องยอมรับถึงคุณค่าของความเป็นมนุษย์ที่มีสิทธิเสรีภาพความเสมอภาค เรียนรู้จักการให้เกียรติกันและกันแม้ใครจะแตกต่างจากเรามากแค่ไหนก็ตาม
สำหรับผู้ที่ต้องการซึมซับเนื้อหาให้ครบถ้วน แนะนำให้ไปซื้อหามาอ่านครับ และท่านสามารถอ่านมุมมองของผมในฐานะคริสเตียนที่มีต่อเรื่องรักร่วมเพศที่เคยนำเสนอไปแล้วได้ที่นี่ http://kanok-leelahakriengkrai.blogspot.com/2017/09/blog-post.html

ความคิดเห็น