เลข 666 ในพระคัมภีร์กับมุมมองทางประวัติศาสตร์

เลขของสัตว์ร้ายในวิวรณ์ที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ และถูกทำให้เป็นมายาคติ และอุปทานหมู่มากมายในหลากหลายมุมมอง

ภาพยนตร์ที่ถูกผลิตเป็นซีรีส์ The Omen

มีการอุปทานไปมากมายซึ่งพิสูจน์ภายหลังแล้วไม่จริง เพราะเมื่อใจคิดเรื่องตัวเลข 666 ในทางจิตวิทยาก็จะพยายามมองหาเลขนี้ในทุกๆ อย่างโดยเฉพาะรูปตราสินค้าที่เห็นกันบ่อยๆ และเมื่อต้องการจะหา อุปทานทางสายตาก็จะพาไปเจอ

ตัวอย่างคลาสสิกที่เคยทำให้คนอเมริกันต่อต้านสินค้าของ P&G มาแล้ว

ความจริงโลโก้ P&G นี้อายุ 140 ปี มาแล้ว ดาว 13 ดวงคือดาวในธงชาติอเมริกาสมัยนั้น เขาจริงๆ คือปอยผมกับเคราเท่านั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับซาตานเลย บริษัทไม่ได้นำเงินกำไรบริจาคให้ใครทั้งนั้นคือไม่ใช่ทั้งโบสถ์หรือลัทธิซาตาน (ตามที่ถูกกล่าวหา) เขานำเงินกำไรคืนให้ผู้ถือหุ้นไปตามระบบบริษัททั่วๆ ไป

ยังไงก็จะต้องเจอให้ได้ แต่อย่าลืมว่าการ์ตูนแบบยาวเรื่องแรกของค่ายนี้มีฉากอธิษฐานทูลขอต่อพระเจ้าก่อนนอนด้วยนะครับ

สมัยบาร์โค้ตออกมาใหม่ๆ บางกลุ่มก็ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่านี่คือสัญลักษณ์ของ 666 ในรูปแบบใหม่คือแบบบาร์ แต่ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว เพราะ RFID และ QR Code กำลังจะมาแทน

เราอาจจะต้องระมัดระวังในการปฏิเสธทั้งหมดว่ามารซาตานไม่มีจริงหรือเลขของมารไม่มีจริง เพราะพระคัมภีร์ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้แต่สอนให้เราพิจารณาด้วยสติปัญญา

แล้วพระคัมภีร์เขียนเรื่องนี้ไว้อย่างไร?

พระคัมภีร์กล่าวถึงตัวเลขที่เป็นสัญลักษณ์ของปฏิปักษ์พระคริสต์ (anti-Christ) และให้บุคลิกบางอย่างเช่น จะเป็นศูนย์รวมแห่งอำนาจ เศรษฐกิจ และความชั่วร้ายทั้งมวล ที่แน่ๆ คือจะต่อต้านพระคริสต์และการงานของพระคริสต์ทั้งมวล มีการตีความในหลากหลายรูปแบบ เช่น เป็นคนๆ หนึ่งหรือเป็นระบบๆ หนึ่ง แต่ไม่มีใครรู้ว่าชัดว่าเป็นใคร สัญลักษณ์ต่างๆ ถูกใช้ เช่น ลัทธิบูชาซาตาน, ลัทธินาซี, ลัทธิคอมมิวนิสต์, บางทีก็ไปกล่าวหาศาสนาอื่น เช่น อิสลาม, ศาสนาบูชาซาตาน, หรือ องค์กรลับฟรีเมสัน (Freemasonry) แต่จะคาดการณ์อย่างไรก็ไม่มีเค้าว่าจะถูกเสียทีเดียว เพราะในอดีตตลอดประวัติศาสตร์ก็มีการคาดการณ์ไปต่างๆ นานา อยู่แล้ว

กลับมาที่จุดเริ่มต้น พระคัมภีร์กล่าวถึงตัวเลขนี้ในพระธรรมวิวรณ์หนังสือเล่มสุดท้ายในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่

วิวรณ์ 13:18 ในเรื่องนี้ต้องใช้สติปัญญาให้ดี ถ้าใครมีความเข้าใจ ก็จงคิดคำนวณเลขของสัตว์ร้ายตัวนั้น เพราะว่าเป็นเลขของคนผู้หนึ่ง เลขของมันคือหกร้อยหกสิบหก

ἑξακόσιοι ἑξήκοντα ἕξ,

meaning "six hundred sixty-six": 666

เลขของคนผู้หนึ่ง? แล้วเราจะรู้ได้ไหมว่าหมายถึงใคร?

บริบทคนกรีก โรมัน และยิว ในสมัยศตวรรษที่ 1 มีการใช้รหัส (code) โดยเอาตัวเลขพวกนี้เป็นระบบการแทนตัวพยัญชนะ เช่น อัลฟ่า แทนด้วยเลข 1 เวลาเอาชื่อมาเรียงกันก็เอาเลขประจำพยัญชนะมาบวกกันก็จะได้เลขรวมของชื่อ เป็นสิ่งที่คนสมัยนั้นรู้กันดีว่ามีการทำแบบนี้แทนชื่อได้

ผู้เขียนพระคัมภีร์วิวรณ์คือยอห์น สาวกของพระเยซู มีการประเมินกันว่ายอห์นก็เขียนรหัสตัวเลขโดยใช้บริบทนี้เช่นกัน แต่จะต่างที่ตัวเลข 666 ในพระคัมภีร์จะเป็นการรวมเลขมาให้เลย ซึ่งเราต้องคาดเดากันเองว่าเป็นชื่อของใคร

ในสมัยของยอห์น คนที่ต่อต้านคริสเตียนที่แรงที่สุดคือจักรพรรดิเนโร ชื่อของเนโร ถ้าเขียนเป็นพยัญชนะฮีบรู แล้วเอาตัวเลขพยัญชนะมาบวกกัน จะได้ 666 พอดีเลย
แต่เรื่องมันไม่จบง่ายๆ แบบนี้สิครับ...

การตีความของรหัสตัวเลข 666 ในบริบทของยุคสมัยที่เขียนพระธรรมวิวรณ์

เมื่อประมาณปี ค.ศ.1900 มีการขุดพบพระคัมภีร์วิวรณ์ที่อียิปต์ ในกระดาษปาปีรุส (Papyrus 115) ที่ถูกเขียนใน ศต.ที่ 3 เป็นภาษากรีก และพบหลักฐานสำคัญคือตัวเลข 666 ไม่ใช่ 666 แล้วสิครับ แต่เป็น "616"

ἑξακόσιοι δέκα ἕξ, hexakosioi deka hex (lit. "six hundred and sixteen") 616

หลักฐานต้นฉบับอีกอันหนึ่งของพระธรรมวิวรณ์

ถ้าเป็นตามหลักฐานนี้ 616 คือใคร?

ในพระคัมภีร์ที่เราอ่านในมือถือ YouVersion ได้หมายเหตุไว้ในเรื่องนี้ด้วยคือเอาทั้ง 666 และ 616

666 เป็นการตีความของนักศาสนศาสตร์โบราณ ไอเรเนียส (Irenaeus)ใน ศต.2 ส่วน 616 เป็นตัวเลขจากสำเนาโบราณ ฉะนั้นหากใช้หลักการเดียวกันในการตีความรหัสตัวเลข เลข 616 เมื่อดูพยัญชนะตามบริบทของช่วงเวลาที่เขียนวิวรณ์แล้ว น่าจะหมายถึง "Gaius Caesar"

โฉมหน้าของ Gaius Caesar

Gaius Caesar สำคัญต่อเรื่องนี้อย่างไร?

จากบันทึกประวัติศาสตร์ Gaius Caesar เป็นจักรพรรดิ ที่สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ.4 ซึ่งต่อๆ มาในยุคของจักรพรรดิเนโร ได้มีศาสนาใหม่เกิดขึ้นคือศาสนาบูชาจักรพรรดิ และเนโรได้เอารูปปั้นของ Gaius Caesar มาวางในวิหารของยิว ซึ่งเป็นสิ่งที่ยิวรับไม่ได้เลย นั่นแหล่ะครับ ปฏิปักษ์พระคริสต์ที่เป็นผู้มีอำนาจจนไม่สามารถเอ่ยชื่อได้ตรงๆ ต้องใช้สัญลักษณ์ตัวเลขแทนกัน

อย่างไรก็ตามจะเป็นเลข 666 หรือ 616 ส่วนตัวคิดว่าไม่สำคัญไปกว่าการมองหนังสือวิวรณ์ทั้งเล่ม เพราะหนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยตัวเลขและภาษาสัญลักษณ์ วิธีที่ดีเมื่อเราพบเรื่องนี้ ขอให้เราพิจารณาใน 3 ประเด็นเป็นอย่างน้อยก่อนจะตีความเป็นอย่างอื่นคือ
1. มองเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงแล้วในประวัติศาสตร์ คือเป็นเลขของเนโร หรือไม่ก็เป็นของกายอัส ซีซาร์
2. หาหลักการข้อคิดแล้วมองให้เป็นข้อเตือนใจในการระวังชีวิตในทางพระเจ้า
3. มองเป็นคำพยากรณ์ซึ่งเตือนใจให้ตั้งมั่นในทางพระเจ้าในปัจจุบันและอนาคต

ผมหนุนใจให้มองให้ครบทั้ง 3 เรื่องครับ... วันนี้ขอให้เราดำเนินชีวิตกับพระเจ้าให้ดี สายตาโฟกัสไว้ที่พระเจ้าและพระราชกิจของพระองค์ วันข้างหน้าเราจะอยู่กับพระองค์อยู่แล้วไม่ว่าจะบนสวรรค์หรือบนโลกนี้ก็ตาม ส่วนเรื่องมายาก็ฝากไว้กับพระเจ้ารอการเปิดเผยให้ชัดขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตครับ

สาระสำคัญคือชาวคริสต์ไม่ได้กลัวเลข 666 หรือ 616 แต่กลัวต้องสูญเสียความรอดจากการต้องถูกบังคับให้ปฏิเสธพระคริสต์ครับ และจุดนี้คริสเตียนทุกคนควรสังวรไว้ว่าอาจจะมีวันหนึ่งที่ระบบเศรษฐกิจโลกจะนำมาถึงจุดนั้นได้ ที่ถ้าไม่รับเลขหรือรหัสบางอย่างก็จะไม่สามารถซื้อขายในระบบเศรษฐกิจได้

เลขดังกล่าวถ้าตีความในยุคนี้จะเป็นรหัสที่บ่งบอกตัวตนหรือ identification detection system บางอย่าง ซึ่งจะพบการเล่นข่าวประเภทนี้อยู่ประจำ เช่น การยิงไมโครชิป ฝังชิปที่ตัวบ้างอะไรบ้าง แต่ระบบโลกยังไม่มาถึงจุดนั้นคือบังคับให้ทุกคนรับและต้องปฏิเสธพระคริสต์ก่อนจึงจะสามารถรับได้

ความจริงการ detect identity ก็มีมาตลอดครับตั้งแต่บัตรประชาชน พาสปอร์ต บัตรเครดิต หรือติดตาม location ผ่านมือถือ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ส่วนฝรั่งที่ชอบเล่นข่าวก็ไปประดิษฐ์ตัว detect ขนาดเท่าเมล็ดข้าวแล้วฝังที่ตัวคนเพื่อ detect identity นั่นก็ไม่แปลกอีกและดูตลก low tech ด้วย เพราะเรื่องนี้ก็มีมานานแล้วแต่มักใช้กับพวกสัตว์ในสวนสัตว์ หรือสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์

หุ่นยนต์จิ๋วที่ใช้นาโนเทคโนโลยี

ถ้าจะเอากันจริงๆ ปัจจุบันโลกเราก็ไม่ขาดเครื่องมือระบุตัวตน และสามารถพัฒนาไปไกลถึงเทคโนโลยีนาโนเทค ซึ่งเล็กมากขนาดผ่านเข็มฉีดยาได้เลย ไม่ต้องฝังชิปเมล็ดข้าวหรืออะไรกันแบบนั้นก็ยังได้

ฉะนั้นคริสเตียนไม่ควรตกใจกับข่าวประเภทนี้แต่หันมาดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องในทางพระเจ้าจะดีกว่าครับ ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ

อ้างอิง