เหตุการณ์การแหวกน้ำ 3 ครั้งในพระคัมภีร์

เหตุการณ์การแทรกแซงธรรมชาติเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างมีหลายครั้ง แต่การแหวกน้ำที่ทะเลแดงและแม่น้ำจอร์แดนเกิดขึ้นเพื่อสำแดงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าอย่างมีเป้าหมายและลักษณะแตกต่างกัน

1. โมเสสแหวกทะเลแดง

น้ำในทะเลแดงแยกออกจากกัน (divided) เพราะลมตะวันออกพัดตลอดคืนจนทะเลกลายเป็นดินแห้งในส่วนที่อิสราเอลเดิน และทั้งหมดเดินข้ามทะเลแดงในเวลาเช้า

อพยพ 14:21 โม​เสส​ยื่น​มือ​ออก​เหนือ​ทะเล และ​พระ​ยาห์​เวห์​ก็​ทรง​บัน​ดาล​ให้​ลม​ตะวัน​ออก​พัด​โหม​ไล่​น้ำ​ทะเล​ตลอด​คืน ทำ​ให้​ทะเล​กลาย​เป็น​ดิน​แห้ง และ​น้ำ​แยก​ออก​จาก​กัน

ลมพายุตะวันออกเป็นเครื่องมือสำคัญที่พระเจ้าใช้ช่วยโมเสสและอิสราเอล ถ้าเราประเมินดูทะเลแดงจุดที่อิสราเอลข้ามน่าจะกว้างประมาณ 1 กิโลเมตร ลึก 800 เมตร การทำให้น้ำแยกออกจากกันได้แสดงว่าลมพายุต้องแรงมาก

พระเจ้าให้โมเสสยื่นมือออกในช่วงเช้ามืด น้ำไหลกลับคืน (flow back) ในช่วงเช้า เวลานั้นลมพายุตะวันออกน่าจะอ่อนกำลังจนเป็นปกติ

อพยพ 14:26-27 จาก​นั้น​พระ​ยาห์​เวห์​ตรัส​กับ​โม​เสส​ว่า “จง​ยื่น​มือ​ออก​เหนือ​ทะเล เพื่อ​ให้​น้ำ​ทะเล​ไหล​กลับ​คืน​มา​ท่วม​คน​อียิปต์ ทั้ง​รถ​รบ​และ​พล​ม้า​ของ​พวก​เขา” โม​เสส​จึง​ยื่น​มือ​ออก​เหนือ​ทะเล พอ​รุ่ง​เช้า​ทะเล​ก็​ไหล​กลับ​ดัง​เดิม คน​อียิปต์​พา​กัน​หนี​กระ​แส​น้ำ แต่​พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​สลัด​คน​อียิปต์​ลง​กลาง​ทะเล

เราสังเกตได้อีกว่าลมพายุจะต้องพัดอยู่ตลอดขณะเดินข้ามด้วย เพราะน้ำ​สามารถถูกพายุดันให้ตั้ง​ขึ้น​เหมือน​กำแพงทั้ง​ทาง​ขวา​และ​ทาง​ซ้ายพายุจึงต้องแรงขนาดเดินยากมาก เป็นอีกการอัศจรรย์ที่อิสราเอลไม่ปลิวไปกับลมด้วย หรือภาพที่อาจจะเป็นเหมือนภาพยนตร์เรื่อง Exodus: Gods and Kings (2014) ที่วางพายุไว้ห่างจากจุดที่อิสราเอลเดินไกลมาก ๆ จนลิบตา ซึ่งถ้าแบบนั้นจริง ๆ พายุจะไม่มีแรงจะพัดคนให้กระเด็นไปในจุดที่เดิน

อพยพ 14:29 ส่วน​ชน​ชาติ​อิส​รา​เอล​เดิน​ไป​ตาม​ดิน​แห้ง​กลาง​ท้อง​ทะเล น้ำ​ตั้ง​ขึ้น​เหมือน​กำแพง​สำ​หรับ​พวก​เขา​ทั้ง​ทาง​ขวา​และ​ทาง​ซ้าย

2. โยชูวาแยกแม่น้ำจอร์แดน

แม่น้ำจอร์แดนเล็กกว่าทะเลแดงมาก ความกว้างประมาณ 1.6 กิโลเมตร (พระคัมภีร์ระบุว่าตอนนั้นเป็นฤดูน้ำหลาก) ความลึกประมาณ 1-3 เมตร เท่านั้น (แม่น้ำเจ้าพระยาลึกประมาณ 30 เมตร)

การแยกน้ำครั้งนี้ไม่ใช่แยกแบบตั้งเป็น 2 ข้างเหมือนทะเลแดง แต่เป็นการหยุดน้ำที่ไหลจากด้านบนจนน้ำตั้งเป็นกอง (stop flowing and pile up) ทำให้อีกส่วนของแม่น้ำจึงกลายเป็นดินแห้ง ลักษณะเหมือนมีอะไรที่มองไม่เห็นมากั้นจนน้ำพูนสูงขึ้น ส่วนน้ำที่พูนขึ้นก็ไปท่วมที่ทางเมืองทางเหนือของแม่น้ำจอร์แดนคือเมืองอาดัม

โยชูวา 3:13 และ​เมื่อ​ฝ่า​เท้า​ของ​ปุโร​หิต​ผู้​หาม​หีบ​ของ​พระ​ยาห์​เวห์​องค์​เจ้า​นาย​แห่ง​สากล​พิภพ จะ​ลง​ไป​ยืน​อยู่​ใน​แม่​น้ำ​จอร์​แดน น้ำ​ใน​จอร์​แดน​จะ​แยก​ออก คือ​น้ำ​ที่​ไหล​มา​จาก​ข้าง​บน​จะ​ตั้ง​ขึ้น​เป็น​กอง​เดียว

โยชูวา 3:16 น้ำ​ที่​ไหล​มา​จาก​ข้าง​บน​ก็​หยุด และ​ตั้ง​สูง​ขึ้น​เป็น​กอง​เดียว​ไกล​ออก​ไป​ถึง​เมือง​อาดัม ซึ่ง​เป็น​เมือง​อยู่​ข้างๆ เมือง​ศา​เร​ธาน​และ​น้ำ​ที่​ไหล​ลง​สู่​ทะเล​แห่ง​อา​รา​บาห์ คือ​ทะเล​ตาย​นั้น​ก็​ขาด​จาก​กัน​อย่าง​สิ้น​เชิง แล้ว​ประ​ชา​ชน​ก็​ข้าม​ไป​ที่​ฝั่ง​ตรงข้าม​เมือง​เย​รี​โค

3. เอลีชาแยกแม่น้ำจอร์แดน

เป็นเหตุการณ์หลังจากที่พระเจ้าทรงรับเอลียาห์อาจารย์ของเอลีชาขึ้นสวรรค์ไปด้วยรถม้าเพลิง เอลียาห์มอบเสื้อคลุมให้เอลีชา จากนั้นเอลีชานำเสื้อคลุมของเอลียาห์มาฟาดน้ำ (hit) ในแม่น้ำจอร์แดน น้ำจึงแยกออกไปสองข้าง (divided) เอลีชาจึงเดินข้ามไปคนเดียวบนดินแห้ง

2 พงศ์กษัตริย์ 2:13-14 เอ​ลี​ชา​ก็​หยิบ​เสื้อ​คลุม​ของ​เอ​ลี​ยาห์ ที่​ตก​ลง​มา​จาก​เอ​ลี​ยาห์​นั้น และ​กลับ​ไป​ยืน​อยู่​ที่​ฝั่ง​แม่​น้ำ​จอร์​แดน แล้ว​ท่าน​ก็​เอา​เสื้อ​คลุม​ของ​เอ​ลี​ยาห์​ที่​ตก​ลง​มา​นั้น ฟาด​ลง​ที่​น้ำ กล่าว​ว่า “พระ​ยาห์​เวห์​พระ​เจ้า​ของ​เอ​ลี​ยาห์​สถิต​ที่​ใด?” และ​เมื่อ​ท่าน​ฟาด​ลง​ที่​น้ำ น้ำ​ก็​แยก​ออก​ไป​สอง​ข้าง และ​เอ​ลี​ชา​ก็​เดิน​ข้าม​ไป

หากเรานับการอัศจรรย์ในพระคัมภีร์ เราจะพบว่ามีการอัศจรรย์มากมายเกิดขึ้น แต่หากจะเจาะลงไปในห้วงเวลา เราจะพบว่าไม่ใช่ทุกช่วงของประวัติศาสตร์จะมีการอัศจรรย์เกิดขึ้นเสมอไป แสดงถึงวัตถุประสงค์ที่เจาะจงของพระเจ้าเพื่อสำแดงบางอย่างที่พิเศษแก่ผู้คนในยุคต่าง ๆ อย่างตั้งใจ

คุณพบการอัศจรรย์ครั้งสุดท้ายเรื่องอะไรและมีวัตถุประสงค์อะไรที่พระเจ้าได้จัดเตรียมอย่างเป็นพิเศษ?

ความคิดเห็น