ความหมายของวันเพ็นเทคอสต์
วันเพ็นเทคอสต์ (Pentecost) เป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญของชาวยิวที่ฉลองกันอยู่จนถึงปัจจุบัน วันเพ็นเทคอสต์คือวันที่ 50 นับจากเทศกาลปัสกา (Passover) ชาวยิวเรียกเทศกาลเพ็นเทคอสต์นี้ว่า Shavuot แปลว่าสัปดาห์ ซึ่งพบในพระคัมภีร์ฉบับภาษาอังกฤษ Feast of the Week หรือเทศกาลสัปดาห์ (ดูในอพยพ 34:22 เป็นต้น) ส่วนพระคัมภีร์เวอร์ชั่น 1940 จะใช้คำว่าเพ็นเทคศเต อาจจะยังได้ยินคำนี้จากเพลงนมัสการดั้งเดิม
นอกจากการฉลองการเก็บเกี่ยวผลแรกแล้ว ชาวยิวยังถือเป็นวันฉลองการรับหนังสือธรรมบัญญัติของโมเสส หรือโทราห์ด้วย
วันเพ็นเทคอสต์สำคัญอย่างไร
วันนี้สำคัญมากสำหรับคริสเตียน เพราะเมื่อพระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์แล้ว พระองค์ทรงสั่งสอนสาวกอยู่อีก 40 วัน หลังจากนั้นทรงประทานพระมหาบัญชา และยังทรงกำชับให้สาวกรออยู่ก่อนเพื่อรอพระสัญญาจากเบื้องบนที่พระองค์จะประทานให้หลังจากเสด็จขึ้นสู่สวรรค์แล้ว พระเยซูใช้คำที่แยกจากบัพติศมาด้วยน้ำของยอห์น แต่ทรงกล่าวถึงบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ (กิจการฯ 1:3-5)
สาวกเองก็ยังไม่เข้าใจกระจ่างมากนัก เพียงแต่เชื่อฟังทำตามคำสั่งของพระเยซูคือให้รอคอยอย่าเพิ่งออกไปจากเยรูซาเล็ม ทุกคนจึงเดินทางจากภูเขามะกอกเทศกลับไปยังห้องชั้นบนที่เยรูซาเล็ม เวลานั้นสาวกประมาณ 120 คน อธิษฐานรอคอยอยู่ที่นั่น ระหว่างนั้นมีการเลือกอัครทูตแทนยูดาสอิสคาริโอท และได้มัทธีอัสมาแทนยูดาสที่ละทิ้งหน้าที่ไป (กิจการฯ 1:26)
เมื่อมาถึงวันเพ็นเทคอสต์นี้เอง ฤทธิ์เดชของพระวิญญาณฯ ได้เทลงมายังสาวกที่รอคอย พระคัมภีร์บันทึกว่าเขาได้ยินเสียงมาจากฟ้าเหมือนเสียงพายุแรงกล้าดังก้องทั่วตึก จากนั้นยังเห็นบางสิ่งที่คล้ายเปลวไฟลักษณะเหมือนลิ้นแผ่กระจายอยู่บนตัวพวกเขาทุกคน พวกเขาทั้งหมดก็เต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงเริ่มต้นพูดภาษาอื่นๆ ตามที่พระวิญญาณทรงให้พูด เป็นประสบการณ์บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ตามพระสัญญาที่พระเยซูได้กล่าวไว้ (กิจการฯ 2:1-4) อย่างไรก็ตามประสบการณ์ลักษณะนี้ไม่ได้พบอย่างตรงไปตรงมาในภายหลัง
เวลานั้นสาวกต่างคนต่างพูดภาษาอื่นๆ เป็นภาษาที่ชาวยิวและชาวต่างชาติผู้เข้ารีตยิวจากหลายประเทศแปลกใจว่าทำไมชาวกาลิลีถึงสามารถกล่าวคำสรรเสริญพระเจ้าในภาษาของเขาได้ เวลานั้นเองเปโตรและพวกอัครทูตจึงยืนขึ้นเทศนาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น และมีผู้เชื่อเข้ามาเป็นสาวกในเวลานั้นถึง 3,000 คนในคราวเดียว (กิจการฯ 2:41)
ลักษณะการรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณ
เปโตรและยอห์นได้วางมือผู้เชื่อที่ถูกประกาศโดยฟีลิปที่สะมาเรียเพื่อให้เขาได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเขาได้รับพระวิญญาณ พระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกลักษณะของการรับพระวิญญาณว่าเป็นอย่างไร แต่ก็น่าจะมีอาการที่เห็นได้ชัดจนกระทั่งซีโมนคนทำวิทยาคมมาร้องขออยากได้ความสามารถแบบนี้จากเปโตรและยอห์น ซึ่งก็ถูกตำหนิไป (กิจการ 8:15-20)
เปโตรเทศนาที่บ้านของโครเนลิอัส คนต่างชาติที่ยำเกรงพระเจ้า ขณะที่เปโตรกำลังเป็นพยานกล่าวถึงพระราชกิจของพระเยซู พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จลงมาสถิตกับทุกคนที่ฟังพระวจนะนั้น พระคัมภีร์บันทึกเห็นการณ์ครั้งนั้นไว้ว่าเขาทั้งหลายได้ยินคนเหล่านั้นพูดภาษาต่างๆ และยกย่องสรรเสริญพระเจ้า การรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธ์ในเหตุการณ์นี้ไม่มีการวางมือเกิดขึ้น แต่เขาทั้งหลายรับพระวิญญาณฯ ด้วยตัวเองเพราะใจแสวงหาพระเจ้าและยอมรับพระกิตติคุณด้วยใจเปิด (กิจการฯ 10:44-48)
อีกเหตุการณ์ อ.เปาโลมาที่เมืองเอเฟซัสพบสาวกของพระเยซูอยู่ที่นั่นกลุ่มหนึ่ง จึงเข้ามาสนทนาและถามเรื่องการับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณ ในตอนนี้พระคัมภีร์ใช้คำว่าบัพติศมาในพระนามพระเยซู เป็นการพูดคู่กับบัพติศมาของยอห์นซึ่งเป็นสิ่งที่สาวกที่เอเฟซัสรู้จัก พระคัมภีร์บันทึกว่า อ.เปาโลวางมืออธิษฐาน แล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ลงมาสถิตกับพวกเขา มีการพูดภาษาแปลกๆ (speaking in tongues) และเผยพระวจนะ (prophesize) (กิจการฯ 19:1-7)
เราพบผลของการรับบัพติศมาพระวิญญาณบริสุทธิ์ในรูปแบบของฤทธิ์เดชเพื่อทำตามพระมหาบัญชา การนำมาซึ่งการตระหนักและใช้ของประทานมากมายในคริสตจักร อย่างไรก็ตาม อ.เปาโลก็เตือนสติให้เน้นเรื่องการใช้ของประทานด้วยความรักความเข้าใจมากกว่าการเพียงแต่พูดภาษาแปลกๆ ได้ (1โครินธ์ 12:4-11; 13) อ.เปาโลยังได้อธิบายว่าท่านอธิษฐานภาษาแปลกๆ เป็นการทูลต่อพระเจ้า เพราะไม่มีใครเข้าใจได้ และการพูดภาษาแปลกๆ ทำให้ผู้พูดจำเริญขึ้นในฝ่ายวิญญาณ (1 โครินธ์ 13:1; 14:2-3)
จากเหตุการณ์ดังกล่าวเราพบว่า
1. การลงมาสถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นไปตามพระสัญญาที่พระเยซูตรัสไว้ เกิดขึ้นกับผู้เชื่อทุกคน (บริบทหมายถึงการรับใช้ตามพระมหาบัญชามากกว่าการบังเกิดใหม่ ดูในยอห์น 20:22-23)
2. การรับบัพติศมาพระวิญญาณบริสุทธิ์เกี่ยวข้องกับฤทธิ์เดชเพื่อทำตามพระมหาบัญชา
3. เมื่อผู้เชื่อได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณจะมีอาการที่เปลี่ยนแปลงจนสังเกตได้ชัด ในตอนนี้พูดถึงการพูดภาษาแปลกๆ และการเผยพระวจนะ
4. ภาษาแปลกๆ ถูกใช้ทั้งความหมายของหมายสำคัญของการรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณ และชื่อของของประทานการพูดภาษาแปลกๆ ในลักษณะของการเผยพระวจนะซึ่งคู่กับการแปลภาษาแปลกๆ (1โครินธ์ 12:30; 14:5)
5. ภาษาแปลกๆ ในการกล่าวถึงครั้งแรกหมายถึงภาษาอื่นๆ (other languages) ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำให้พูด และในครั้งต่อๆ ไปใช้คำว่าภาษาแปลกๆ ในลักษณะภาษาที่พูดด้วยลิ้นแต่ฟังไม่เข้าใจ (speaking in toungues)
วันเพ็นเทคอสต์และคริสเตียนสายเพ็นเทคอสต์ (Pentecostalism)
เหตุการณ์ในวันเพ็นเทคอสต์เป็นการจุดประกายการประกาศข่าวประเสริฐไปจนทั่วเริ่มจากเยรูซาเล็ม ขยายไปยังสะมาเรีย แผ่นดินยูเดีย และสุดปลายแผ่นดินโลก ตามคำสั่งในพระมหาบัญชา การรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณจึงเป็นการสนับสนุนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยฤทธิ์เดชหมายสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์คริสตจักรที่ผ่านไปเป็นพันปี เรื่องนี้ไม่ได้ถูกเน้นมากนัก แต่การขยายตัวของการประกาศข่าวประเสริฐเป็นไปอย่างเกิดผลอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนมีผู้เชื่อมากมายในทุกทวีป เรามั่นใจว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่กับผู้เชื่อและผู้รับใช้ทุกท่านตลอดมา แม้ไม่มีหลักฐานเป็นที่แน่ชัดว่าแต่ละท่านพูดหรือไม่พูดภาษาแปลกๆ หรือไม่ก็ตาม
ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เกิดการฟื้นฟูบนถนนอาซูซา (Azusa Street) ในลอสแองเจลิสในปี 1906 นำโดยวิลเลียม เจ. ซีเมอร์ (William J. Seymour) เป็นจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวนิกายเพ็นเทคอสต์สมัยใหม่ มีปรากฏการณ์การพูดภาษาแปลกๆ การพยากรณ์ การรักษา และของประทานพระวิญญาณฯ การเคลื่อนไหวนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วและนำไปสู่การก่อตั้งนิกายเพ็นเทคอสต์ต่างๆ เช่น The Assemblies of God และ The Church of God in Christ ถือเป็นเพ็นเทคอสต์ในยุคแรกของศตวรรษที่ 20 ที่เน้นประสบการณ์การพูดภาษาแปลกๆ เป็นหมายสำคัญของการรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
คริสเตียนโปรเตสแตนต์นิกายเพ็นเทคอสต์เข้ามาเมืองไทยตั้งแต่ปี ค.ศ.1938 โดยการเทศนาของ ดร.จอห์น ซ่ง มีการเทศนาฟื้นฟูและการประกาศด้วยฤทธิ์เดชหมายสำคัญ เน้นการพูดภาษาแปลกๆ การใช้ของประทานพระวิญญาณ หลังจากนั้นมีกลุ่มเพ็นเทคอสต์และคาริสเมติกส์อีกหลายกลุ่มเกิดขึ้นทั้งเป็นคณะและคริสตจักรอิสระดังที่ได้พบเห็นได้ในปัจจุบัน
หมายเหตุ: ข้อมูลจาก Pew Research 2011 กลุ่มที่เชื่อเรื่องบัพติศมาในพระวิญญาณและพูดภาษาแปลกๆ ทั้งโลก (รวม Pentacost และ Charismatic) มีจำนวน 584 ล้านคน คิดเป็น 26.7% ของจำนวนชาวคริสต์ทั้งหมด
อ้างอิง
[1] D. A. Carson. (1991). The Gospel According to John. MI: William B. Eerdmans.
[2] Lightfoot, Joseph Barber. (2014). The Acts of the Apostles: A New Commentary I. IL: InterVarsity Press.
[3] Pew Research Center. (2011). Global Christianity – A Report on the Size and Distribution of the World’s Christian Population. https: //www.pewresearch.org/religion/2011/12/19/global-christianity-exec.
[4] ชมรมนักคิดคริสเตียนไทย. (2019). ถาม-ตอบเรื่อง : พระวิญญาณบริสุทธิ์. กรุงเทพฯ: BSC Books.
[5] นันทชัย มีชูธน. (2004). 175 ปี พันธกิจคริสต์ศาสนาโปรเตสแตนต์ในประเทศไทย (1828-2003) พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: กรรมการประสานงานโปรเตสแตนต์ในประเทศไทย (กปท.).
[6] โรเบิร์ต นิชิโมโตะ. (1996). เพ็นเทคอสในประวัติศาสตร์, ประวัติเพ็นเทคอส และคาริสเมติกในประเทศไทย. ประชุมทองการพิมพ์.
ความคิดเห็น