คริสตจักรควรทำอย่างไรเพื่อสนับสนุนให้สมาชิกถวายด้วยใจกว้างขวาง

คริสตจักรเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนงานแห่งแผ่นดินของพระเจ้าไปถึงทุกคนตามพระมหาบัญชา คริสเตียนทุกคนถูกคาดหวังให้มีส่วนร่วมในทุกมิติทั้งการเข้าส่วนในการรับใช้และการถวายทรัพย์เพื่อให้พันธกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างเต็มที่ในโลกความเป็นจริง


การหนุนใจให้สมาชิกมีส่วนในการถวายมักเป็นเรื่องที่ผู้รับใช้ไม่ค่อยสะดวกใจมากนักในการพูดถึงบ่อยๆ ทั้งๆ ที่งานรับใช้จำเป็นต้องใช้ทรัพยาการต่างๆ ทุกๆ วัน 

"อย่างไรก็ตามคริสเตียนทุกคนถูกคาดหวังให้สนใจในเรื่องนี้ด้วย"

คริสตจักรควรทำอย่างไรเพื่อสนับสนุนให้สมาชิกถวายด้วยใจกว้างขวาง

1. ไว้วางใจในพระเจ้า สัตย์ซื่อต่อการสอนพระคัมภีร์ในทุกเรื่องรวมทั้งเรื่องการถวาย

หัวใจของกิจกรรมในพลับพลาและพระวิหารในพระคัมภีร์เดิมคือการถวายสัตวบูชานั้นได้จบลงแล้วที่กางเขน การถวายสิบลดหรือระเบียบทศางค์ตามธรรมบัญญัติเพื่อสนับสนุนกิจกรรมในพลับพลาหรือพระวิหารจึงไม่ใช่เป้าหมายของงานรับใช้ในคริสตจักรตามวัตถุประสงค์ของพระคริสต์อีกต่อไป

อย่างไรก็ตามการไม่ถือระเบียบทศางค์อย่างเคร่งครัดในคริสตจักรไม่ได้หมายความว่าเราจะหยุดการให้หรือหยุดการถวายเพื่องานของพระเจ้าในคริสตจักรท้องถิ่นที่เราเป็นสมาชิก

สิ่งที่สำคัญและเป็นสิ่งที่เราควรตระหนักในการรับใช้พระเจ้าคืองานของพระเจ้า พระองค์จะเป็นผู้ดูแล อย่าให้เรากังวลต่อรายรับที่ไม่อาจคาดเดาได้เป็นประจำ ให้เราฝากความหวังใจไว้กับพระเจ้า มอบถวายความคิดให้อยู่ในพระคริสต์อย่างแท้จริง

ฮัดสัน เทเลอร์ มิชชันนารีผู้บุกเบิกประเทศจีนตอนใน ได้กล่าวว่า “งานของพระเจ้าที่กระทำในวิถีของพระเจ้า จะไม่มีวันขาดปัจจัยมากมายที่พระเจ้าทรงจัดเตรียม”

ให้เราไว้วางใจในวิถีของพระเจ้า เริ่มสอนพระคัมภีร์เรื่องการถวายด้วยความเต็มใจ (โรม 12:1) ด้วยใจขอบพระคุณ ไม่นึกเสียดาย สอนสมาชิกให้รู้จักการไว้วางใจในพระเจ้า เป็นผู้อารักขาที่ดี และมีส่วนในการรับใช้ในทุกๆ เรื่องรวมถึงด้านการถวายทรัพย์ด้วย สัจจะจะปลดปล่อยให้เราเป็นไท (ยอห์น 8:31-32) การสอนให้สมาชิกเข้าใจเราจะได้ชีวิตที่เป็นไท เติบโตจากภายใน และมีความสมดุลมากกว่าในทุกๆ เรื่อง

“การให้” ไม่ได้เป็นวิธีที่พระเจ้าใช้ในการระดมเงิน (Raising money) แต่การให้เป็นวิธีที่พระเจ้าใช้เพื่อยกระดับความเติบโตของผู้เชื่อ (Raising believers a level of maturity) เพื่อผู้เชื่อจะจำเริญขึ้นในพระคุณและมีความปรารถนาที่จะให้ด้วยใจกว้างขวาง ไม่เห็นแก่ตนเอง

2. เน้นให้สมาชิกเข้าใจถึงพระคุณและความรับผิดชอบในการมีส่วนในการถวายเพื่อวัตถุประสงค์ฝ่ายวิญญาณในคริสตจักร

การมีพระคุณในชีวิตไม่ได้หมายถึงการขาดความรับผิดชอบต่อผู้อื่น โดยเฉพาะต่อพี่น้องและงานของพระเจ้าในคริสตจักร

เสรีภาพที่เรามีไม่ใช่เพื่อตอบสนองเนื้อหนังและความต้องการของเราเอง แต่ตอบสนองพระคริสต์ และรับใช้กันและกันด้วยความรับผิดชอบ (กาลาเทีย 6:2) ในขณะที่คริสตจักรมีค่าใช้จ่ายมากมายเพื่อให้เราและพี่น้องได้รับพระพรมากที่สุดและเพื่อให้งานของพระเจ้าดำเนินไปได้เป็นอย่างดี เราจะนิ่งดูดายไม่ช่วยกันถวายทรัพย์ แรงงาน หรือเวลาของเราได้อย่างไร การถวายด้วยใจกว้างขวางจึงเป็นสิ่งที่เกิดจากความเติบโตฝ่ายวิญญาณที่สมาชิกปรารถนาจะร่วมแบกรับภาระในทุกๆ ด้านร่วมกับพี่น้องทุกคน

ปัจจุบันคริสเตียนอาจจะใช้ดนตรี บรรยากาศ การเทศน์ที่เร้าใจที่ประชุมให้ตอบสนองตามที่คาดหวัง แต่ในกรณีที่บันทึกไว้ในเนหะมีห์บทที่ 8 ความเข้าใจของประชาชนเป็นเหตุเดียวที่ก่อให้เกิดการตอบสนองดังกล่าว 

3. เน้นการถวายด้วยความเต็มใจ ด้วยใจขอบพระคุณ และให้ด้วยใจยินดี มากกว่าการถวายที่กำหนดเป็นกฎเกณฑ์

อย่าให้เราสร้างความรู้สึกที่ทำให้สมาชิกรู้สึกฟ้องผิดเมื่อเขาไม่ถวาย หรือไม่สร้างความคาดหวังพระพรในลักษณะต่างตอบแทนเมื่อเขาถวาย แต่เน้นให้สมาชิกถวายด้วยความเต็มใจและด้วยใจยินดี และสอนให้สมาชิกไว้วางใจในการดูแลของพระเจ้าในชีวิตประจำวัน (2 โครินธ์ 9:7)

การสร้างชีวิตสมาชิกสำคัญกว่าเงินถวาย เป็นความยั่งยืนมากกว่าการเน้นให้ถวายโดยไม่เข้าใจความหมายอย่างลึกซึ้ง ความจริงเมื่อเราสอนพระคัมภีร์จนสมาชิกเติบโตขึ้นเขาก็จะถวายอย่างเข้าใจ และจะเต็มไปด้วยเสรีภาพฝ่ายวิญญาณมากกว่าการยึดในกฎเกณฑ์ต่างๆ

อ.เปาโลเป็นตัวอย่างที่ดีในการสร้างคนในเรื่องการถวาย เขายอมที่จะไม่รับการสนับสนุนในการทำพันธกิจจากพี่น้องคริสตจักรเมืองโครินธ์ เพื่อไม่ต้องการให้ชาวโครินธ์เข้าใจผิดเรื่องข่าวประเสริฐว่า อ.เปาโลมาหาประโยชน์จากเขา (1 โครินธ์ 9:11-12; 2 โครินธ์ 11:9)  แต่อ.เปาโลรับการสนับสนุนจากพี่น้องคริสตจักรฟีลิปปี (ฟีลิปปี 4:15-16) เพราะเขาให้ด้วยใจอยากมีส่วนสนับสนุนงานพันธกิจของเปาโล และให้อย่างเต็มกำลัง ด้วยความเต็มใจ

4อธิบายถึงความจำเป็นในด้านการเงินเพื่อให้คริสตจักรสามารถดำเนินงานได้ตามวัตถุประสงค์ทั่วไปและเจาะจงในโอกาสต่างๆ

คริสตจักรจำเป็นต้องสื่อสารความตั้งใจในการรับใช้ในเรื่องต่างๆ และชี้แจงความจำเป็นในการเงินเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว อธิษฐานขอพระวิญญาณทรงนำร่วมกันแล้วฝากความหวังใจให้กับพระเจ้าอย่างแท้จริง เหตุผลหนึ่งที่ต้องสื่อสารเพราะงานรับใช้ในคริสตจักรเป็นงานของทุกคน และทุกคนควรมีส่วนร่วมไม่มากก็น้อยตามของประทานความสามารถ รวมทั้งปัจจัยตางๆ ที่จะเข้ามาสนับสนุนด้วย

คริสตจักรสมัยแรกมีการสื่อสารเรื่องนี้อย่างชัดเจน เมื่อพระวิญญาณเปิดเผยแก่ผู้เผยพระวจนะอากาบัสถึงการกันดารอาหาร คริสตจักรตัดสินใจเรี่ยไรเงินเพื่อช่วยเหลือพี่น้อง มีการตั้งเปาโลและบารนาบัสให้ดูแลเงินบริจาค และสื่อสารไปยังทุกคริสตจักรให้มาช่วยกัน (กิจการฯ 11:26-30; โรม 15:26-28; 1 โครินธ์ 16:1-4; 2 โครินธ์ 8:1-9)

เปาโลเมื่อจะเดินทางก็สื่อสารขอให้พี่น้องช่วยสนับสนุนเปาโลในการทำพันธกิจ ตลอดพระธรรมกิจการฯ จดหมายฝากของเปาโลได้กล่าวถึงเรื่องนี้และเต็มไปด้วยการขอบพระคุณ

5. แสดงความขอบคุณแก่ผู้ที่มีส่วนถวาย

หากเรารู้สึกงุ่นง่านใจ หงุดหงิด ไม่สบายใจ ขาดสันติสุข เมื่อพบว่าสมาชิกไม่ถวายสิบลด หรือถวายน้อยกว่า 10% ของรายได้ที่เราประเมิน แม้เราจะพูดว่าสิบลดไม่ใช่กฎธรรมบัญญัติก็ตาม แต่ความรู้สึกของเรากลับรู้สึกเป็นเหมือนกฎที่สมาชิกที่ดีพึงปฏิบัติ หรือถือว่าเป็นเรื่องอนุบาลที่ทุกคนต้องผ่าน ถ้าเรารู้สึกแบบนั้น เรามักจะละเลยการแสดงความขอบคุณแก่ผู้ที่มีส่วนในการถวาย

คริสตจักรควรตระหนักว่าการถวายเป็นสิ่งที่มาจากความเต็มใจ ด้วยใจขอบพระคุณ และอยากมีส่วนร่วมของสมาชิกในค่าใช้จ่ายของคริสตจักร

ความจริงเมื่อคริสตจักรได้รับการสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นอะไร สิ่งที่ควรทำคือการขอบคุณทางใดทางหนึ่งกลับไป อ.เปาโลเมื่อได้รับการสนุนดูแลในงานพันธกิจจากพี่น้องที่คริสตจักรฟีลิปปี อ.เปาโลเขียนจดหมายไปขอบคุณ คริสตจักรก็เช่นกันหากได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องสมาชิก อย่าให้เรามองข้ามในเรื่องนี้ เพราะการมองข้ามการขอบพระคุณอาจเป็นตัวสะท้อนได้ว่าเรายังถือกฎบัญญัติในเรื่องสิบลดอยู่ซึ่งเป็นสิ่งที่พี่น้องต้องปฏิบัติมิฉะนั้นเขาจะถูกแช่งสาป หรือกลายเป็นความห่วงใยว่าเขาจะประสบเคราะห์กรรม มีแต่สิ่งเลวร้ายเข้ามาในชีวิตหากเขาไม่ถวายสิบลดเป็นต้น (กาลาเทีย 3:13) ซึ่งไม่ควรคิดแบบนั้น

6. เชิญชวนสมาชิกทุกคนให้เข้าส่วนในงานรับใช้ร่วมกัน

การให้สมาชิกมีส่วนในคริสตจักรจะทำให้เขาได้สามารถปลดปล่อยศักยภาพของประทาน นำมาซึ่งพระพรเป็นส่วนตัวและพี่น้องในภาพรวม ซึ่งเป็นน้ำพระทัยพระเจ้าและเป็นวิธีการของพระเจ้าที่เราพบได้ในงานปรนนิบัติในพระวิหารหรือพระกายของพระคริสต์ในคริสตจักรท้องถิ่น เมื่อสมาชิกทุกคนทำหน้าที่ในคริสตจักร เขาจะเห็นความจำเป็นหลายเรื่องที่ต้องการการดูแล การถวายจะเกิดขึ้นจากความเข้าใจ เพราะเขาจะกลายเป็นผู้ถวายและผู้ที่ใช้เงินถวายเพื่อการดีทั้งสิ้นในงานของพระเจ้าด้วย

ใจที่ผูกติดกับพระคริสต์และคริสตจักรของพระองค์จะทำให้เกิดเสถียรภาพอย่างแท้จริงทั้งชีวิตกับพระเจ้ารวมไปถึงการเงินของคริสตจักรด้วย

สรุป

คริสตจักรเป็นของพระเยซูคริสต์ เราที่เป็นคริสเตียนกำลังทำงานร่วมกับพระองค์โดยการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เสถียรภาพและความมั่นคงสูงสุดของคริสตจักรจึงอยู่ที่พระองค์ คือทั้งสิ้นในพระองค์ ซึ่งรวมถึง ความคิด สติปัญญา เป้าหมายการรับใช้ การบริหารจัดการ และการเงิน มุมมองการรับใช้ที่เราควรมีคือให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางในทุกสิ่งเป็นลำดับแรก แล้วใช้วิธีการของพระองค์ในการรับใช้ในคริสตจักร เพื่อเราจะเห็นความเติบโตที่แท้จริงจากภายในสมาชิกและไม่มีสิ่งใดเป็นเครื่องกีดขวางที่ถูกสร้างด้วยความคิดของมนุษย์

ในมุมปฏิบัติ เสถียรภาพที่แท้จริงของคริสตจักรจึงไม่ได้อยู่ที่เงินถวายสิบลดของสมาชิก แต่ความมั่นคงที่แท้จริงอยู่ที่พระคริสต์ในคริสตจักรและความเติบโตฝ่ายวิญญาณในชีวิตของสมาชิกแต่ละคน อย่าฝากความหวังใจของคริสตจักรไว้ที่การเงินหรือสิ่งอื่นใดนอกจากพระคริสต์ วางใจในพระองค์แล้วพระองค์จะดูแลคริสตจักรของพระองค์ ให้เราสัตย์ซื่อรับใช้พระเจ้า ทำสิ่งที่ควรทำอย่างเต็มที่สุดความสามารถ แล้วมอบความหวังใจทั้งสิ้นให้อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์

เสถียรภาพในคริสตจักรอยู่ที่พระคริสต์ และความเข้าใจในการถวายชีวิตของสมาชิกในคริสตจักรจะเพิ่มเสถียรภาพทางการเงินได้มากกว่าการถวายสิบลด เรื่องนี้อาจเป็นการจุดประกายในการประยุกต์การรับใช้ในคริสตจักรที่ให้พระคริสต์เป็นศูนย์กลางในเรื่องของการเงิน

รายการอ้างอิง

[1] Allen, Roland. (2006). Missionary Methods: St.Paul’s or Ours?, Cambridge: The Lutterworth Press.

[2] Anderson, Ray S. (2001). The Shape of Practical Theology: Empowering ministry with theological praxis. Downers Grove: InterVarsity Press.

[3] Croteau, David A. (2010). You Mean I Don’t Have to Tithe?: A Deconstruction of Tithing and a Reconstruction of Post-Tithe Giving. Wipf and Stock Publishers.

[4] DeFazio, James. (2007). The Tithe. Xulon Press.

[5] Leslie T. Lyall. (1965). A Passion for the Impossible: The Continuing Story of the Mission Hudson Taylor Began. London: OMF Books.

[6] Parker, Joel P. (2003). Tithing in the Age of Grace. Trafford Publishing.

[7] Willimon, William H. (2002). Pastor: The Theology and Practice of Ordained Ministry. Abingdon Press.

ความคิดเห็น