คลื่นเพ็นเทคอสต์ (Pentecostal Waves) เป็นการเคลื่อนไหวหรือช่วงสำคัญในประวัติศาสตร์การพัฒนาการของกลุ่มเพ็นเทคอสต์ ท่ามกลางกระแสหลักของกลุ่มโปรเตสแตนต์ (Main Stream) ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวของคริสเตียนที่เน้นที่การทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์และการปฏิบัติในการพูดภาษาแปลกๆ โดยนิยามเกิดขึ้นตามลำดับเหตุการณ์ซึ่งเป็นข้อสังเกตภายหลังย้อนกลับมาตั้งชื่อช่วงของคลื่น
คลื่นลูกแรก: นิกายเพ็นเทคอสต์แบบคลาสสิก (First Wave: Classical Pentecostalism)
คลื่นลูกนี้เริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ด้วยการฟื้นฟูบนถนนอาซูซา (Azusa Street) ในลอสแองเจลิสในปี 1906 ซึ่งนำโดยวิลเลียม เจ. ซีเมอร์ (William J. Seymour) เป็นจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวนิกายเพ็นเทคอสต์สมัยใหม่ โดยมองสมัยเดิมคือในพระธรรมกิจการฯ บทที่ 2 การฟื้นฟูบนถนนอาซูซาเน้นการบัพติศมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งสังเกตได้อย่างชัดเจนจากการพูดภาษาแปลกๆ การพยากรณ์ การรักษา และของประทานพระวิญญาณฯ การเคลื่อนไหวนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วและนำไปสู่การก่อตั้งนิกายเพ็นเทคอสต์ต่างๆ เช่น The Assemblies of God และ The Church of God in Christ
คลื่นลูกที่สอง: กลุ่มคาริสเมติก (Second Wave: Charismatic Movement)
คลื่นลูกที่สองเกิดขึ้นในช่วงปี 1960 และ 1970 เมื่อการปฏิบัติของนิกายเพนเทคอสต์เริ่มมีอิทธิพลต่อคริสตจักรนิกายโปรเตสแตนต์และนิกายโรมันคาทอลิกสายหลัก ขบวนการนี้เรียกกันว่าขบวนการคาริสม่า หรือกลุ่มคาริสเมติก โดยนำของประทานฝ่ายพระวิญญาณฯ มาปฏิบัติจริง เช่น การพูดภาษาแปลกๆ ซึ่งมีอยู่แล้ว การวางมือพยากรณ์ และการรักษาโรค เป็นต้น กลุ่มคาริสเมติกได้รับความนิยมจากผู้นำที่มีอิทธิพล เช่น เดนนิส เบนเน็ตต์ (Dennis Bennett) ผู้ได้รับประสบการณ์การรับบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ต่อหน้าสาธารณชนขณะที่ดำรงตำแหน่งบิชอปแห่งคริสตจักรเอพิสโกพัล ซึ่งเป็นสายหนึ่งของคริสตจักรแห่งอังกฤษ (Church of England) ดั้งเดิม จุดแตกต่างของกลุ่มคาริสเมติก กับเพ็นเทคอสคือ กลุ่มคาริสเมติกจะมาจากโปรเตสแตนต์สายหลักแต่มีประสบการณ์แบบเพ็นเทคอสต์ และไม่ต้องการเรียกตัวเองว่าเป็นเพ็นเทคอสต์
คลื่นลูกที่สาม: ขบวนการคาริสม่าแบบใหม่ (Third Wave: Neo-Charismatic Movement)
คลื่นลูกที่สาม ซึ่งเรียกอีกอย่างว่าขบวนการคาริสม่าแบบใหม่ เริ่มต้นขึ้นในช่วงปี 1980 คลื่นลูกนี้แตกต่างจากสองลูกก่อน ตรงที่เน้นที่ฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตและการรับใช้ มากกว่าที่จะเน้นที่ของประทานในแบบกลุ่มคาริสเมติก หรือคาริสม่าเพียงอย่างเดียว คลื่นลูกที่สามมีลักษณะเฉพาะคือการนมัสการที่มีพลัง การเผยพระวจนะพยากรณ์โดยการวางมือ การเน้นย้ำอย่างหนักในการเผยแพร่ประกาศพระกิตติคุณและความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงจริยธรรมทางสังคม บุคคลสำคัญในขบวนการนี้ ได้แก่ จอห์น วิมเบอร์ (John Wimber) ผู้ก่อตั้ง Vineyard Movement และ ปีเตอร์ วากเนอร์ (Peter Wagner) ผู้บัญญัติศัพท์ว่า "คลื่นลูกที่สาม"คลื่นลูกเหล่านี้แต่ละลูกมีส่วนสนับสนุนการเติบโตและความหลากหลายของนิกายเพ็นเทคอสต์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อศาสนาคริสต์ทั่วโลกในหลากหลายรูปแบบจนถึงปัจจุบัน
คำถามที่หลายคนต้องกลับมาพิจารณาคือ กลุ่มเพ็นเทคอสต์สอนผิดไหม?
วิธีการพิจารณาศาสนศาสตร์ (Theological Method) จะจำแนกเป็นการทดสอบ 3 ระดับคือ 1. หลักความเชื่อ (Dogma) 2. นิกาย (Doctrine) 3. ประเพณีนิยมในคริสตจักร (Church Traditions)
หลักความเชื่อ (Dogma) มีความสำคัญที่สุด เป็นหลักความเชื่อตามหลักข้อเชื่อของอัครทูต (Apostles' Creed) และอาธานาเชียน (Athanasius creed) หากมีความแตกต่างกันในประเด็นหลักความเชื่อก็ถือว่าไม่ใช่ศาสนาคริสต์ หากแตกต่างในประเด็นหลักการตีความแต่ไม่แตกต่างในหลักความเชื่อ ถือเป็นนิกาย และหากแตกต่างกันเพียงประเพณีนิยม ก็เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ ที่ไม่สลักสำคัญ สามารถมองข้ามได้
กลุ่มเพ็นเทคอสต์เชื่อในหลักข้อเชื่อของอัครทูต (Apostles' Creed) และอาธานาเชียน (Athanasius creed) ถือเป็นคริสเตียน ส่วนนิกายและประเพณี แตกต่างอย่างแน่นอน แต่ถือเป็นเรื่องหยุมหยิมจึงไม่ควรสรุปว่าเพ็นเทคอสต์สอนผิด แต่อาจจะสอนไม่เหมือนโปรเตสแตนต์กระแสหลักในบางเรื่องเท่านั้น
ความคิดเห็น