พระธรรมเอเฟซัส 4:11-12 ได้บรรยายถึงของประทานผู้นำที่เป็นตัวบุคคลเพื่อเตรียมธรรมิกชนในการปรนนิบัติรับใช้ในคริสตจักร ภาษาอังกฤษใช้คำว่า The office of fivefold หรือ Fivefold ministry
เอเฟซัส 4:11-12 และพระองค์เองประทานให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์ เพื่อเตรียมธรรมิกชนสำหรับการปรนนิบัติและการเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์
ลักษณะของประทานบุคคลจากพระคัมภีร์ข้อนี้
1. อัครทูต (Apostle) เป็นผู้ก่อตั้งและวางรากฐานคริสตจักรมากมายด้วยความชำนาญ
2. ผู้เผยพระวจนะ (Prophet) เป็นผู้นำทิศนำทางคริสตจักรโดยการสำแดงจากพระเจ้า
3. ผู้ประกาศ (Evangelist) เป็นผู้ประกาศนำคนมาเชื่อและเตรียมผู้ประกาศ
4. ศิษยาภิบาล (Pastor) เป็นผู้ดูแลอภิบาลสมาชิกในคริสตจักรท้องถิ่น
5. อาจารย์ (Teacher) เป็นผู้สอนพระคัมภีร์และวางรากฐานพระคัมภีร์ให้แก่คริสตจักร
"อย่างไรก็ตามของประทานศิษยาภิบาลและอาจารย์ตามไวยากรณ์เป็นคำเดียวกัน ซึ่งหากถือตามนี้จะมี 4 บุคคลแทน"
แนวคิดเรื่องพันธกิจของของประทานผู้นำในยุคศตวรรษที่ 20-21
แนวคิดนี้เป็นหนึ่งในกระแสคลื่นลูกที่ 3 ของโปรเตสแตนต์ ที่เกิดขึ้นประมาณปี ค.ศ.1996 มีการเน้นการเผยพระวจนะพยากรณ์แบบวางมือเป็นคนๆ การนมัสการที่มีทีมนมัสการและเล่นด้วยเครื่องดนตรีที่ทันสมัย และพันธกรของประทานผู้นำทั้ง 5 ที่เสนอแนวคิดโดยกลุ่ม “ปฏิรูปอัครทูตใหม่ (New Apostolic Reformation-NAR)”
กลุ่มนี้สอนว่าพระเจ้ากำลังนำการรื้อฟื้นกลับมาของของประทานผู้นำทั้ง 5 โดยเฉพาะอย่างยิ่งของประทานอัครทูตและผู้เผยพระวจนะ และได้วางเครือข่ายโครงสร้างผู้นำอัครทูตทั่วโลกโดยแต่งตั้งอัครทูตตามภูมิศาสตร์ ให้ขึ้นตรงกับอัครทูตเป็นชั้นๆ จนมาถึงอัครทูตใหญ่ 12 คนในระดับโลก ซึ่งให้คุณค่าเทียบเท่าอัครทูต 12 คนที่พระเยซูคริสต์ได้แต่งตั้งขึ้น และท่ามกลาง 12 อัครทูตใหม่นี้ จะมี 1 อัครทูตคือผู้ก่อตั้งกลุ่มปฏิรูปอัครทูตใหม่ (NAR) เป็นประธาน (Presiding Apostle)
อย่างไรก็ตามแนวคิดนี้ไม่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่กลับเสื่อมถอยลงตามอายุขัย เมื่อผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากไปกลุ่มนี้ค่อยๆ เสื่อมความนิยมไปและมีการรื้อฟื้นเป็นช่วงๆ ผู็รับใช้ในกลุ่มนี้ที่มีชื่เสียงได้แก่ C. Peter Wagner, Benny Hinn, Beni Johnson เป็นต้น
การรับใช้ตามของประทานผู้นำทั้ง 5 หรือ 4 ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะเรื่องเป็นของประทานบุคคลที่พระเจ้ามอบให้แก่คริสตจักรที่ระบุไว้ในพระคัมภีร์ แต่การกล่าวอ้างในเชิงโครงสร้างหรือการสร้างเครือข่ายอัครทูต เป็นสิ่งที่น่ากังวล เพราะศีรษะที่แท้จริงของคริสตจักรคือพระเยซูคริสต์ และพี่น้องทุกคนต่างหากที่ร่วมกันทำให้เกิดผลตามของประทานและหน้าที่ที่พระเจ้าทรงแต่งตั้งไว้
ทัศนะต่อแนวคิดเรื่องของประทานผู้นำทั้ง 5 (Fivefold Ministry)
1. พระคริสต์เป็นศีรษะของคริสตจักร ไม่ใช่ของประทานผู้นำทั้ง 5
พระคัมภีร์ให้แนวคิดที่หนักแน่นและชัดเจนว่าพระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร ไม่มีใครสามารถตั้งตัวเป็นศีรษะของคริสตจักรได้นอกจากพระคริสต์
เอเฟซัส 4:15 แต่ให้เรายึดความจริงด้วยใจรัก เพื่อจะจำเริญขึ้นทุกอย่างสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะ คือพระคริสต์
โคโลสี 1:18 พระองค์ทรงเป็นศีรษะของกาย คือคริสตจักร พระองค์ทรงเป็นปฐม เป็นผู้แรกที่ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย เพื่อพระองค์จะได้ทรงเป็นเอกในสรรพสิ่งทั้งปวง
ความจริงเราทุกคนเป็นอวัยวะของร่ายกาย หมายความว่าแม้แต่ละคนจะมีของประทาน ตะลันต์ หรือความสามารถแตกต่างกัน แต่ก็เป็นกายเดียวกันที่ประสานกันด้วยความรัก และมีพระเยซูคริสต์ทรงเป็นศีรษะของกายนั้น
1 โครินธ์ 12:27 ฝ่ายท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์ และต่างก็เป็นอวัยวะของพระกายนั้น
2. เราแสวงหาพระเจ้าผู้ประทานของขวัญ ไม่ใช่แสวงหาของขวัญ
ของประทานเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานแก่คริสตจักร ทั้งของประทานที่เป็นอย่างๆ จนถึงประทานผู้นำทั้ง 5 เราต้องเชื่อว่าพระเจ้าประทานพระคุณเพียงพอต่อคริสตจักร
1 โครินธ์ 12:18 แต่พระเจ้าได้ทรงตั้งอวัยวะไว้ในร่างกายตามชอบพระทัยของพระองค์
พระคริสต์เป็นผู้บริหารจัดการบทบาทในพระวรกายตามน้ำพระทัยของพระองค์ เราจึงสามารถไว้วางในพระเจ้าได้ว่าคริสตจักรจะไม่ขาดของประทานที่จำเป็นเพื่อการปรนนิบัติรับใช้ตามพระมหาบัญชา ให้เราเชื่อไว้วางใจในพระเจ้า ตระหนักว่าพระเยซูทรงเป็นศีรษะ
2 โครินธ์ 9:8 และพระเจ้าทรงฤทธิ์อาจประทานของดีทุกสิ่งอย่างอุดมแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อให้ท่านมีทุกสิ่งทุกอย่างเพียงพอสำหรับตัวเสมอ ทั้งจะมีสิ่งของบริบูรณ์สำหรับงานที่ดีทุกอย่างด้วย
หากคริสตจักรหรือกลุ่มของเราขาดของประทานอะไร ให้ความสนใจของเราพุ่งไปที่พระเจ้าก่อน ไม่ใช่มองมาที่ความสามารถของมนุษย์ ให้เราแสวงหาพระเจ้าผู้ประทานของประทานหรือแสวงหาการช่วยเหลือพิเศษจากมนุษย์ก่อน
3. คริสตจักรควรเน้นการสร้างชีวิตสมาชิกให้ไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ มากว่าการพยายามแสวงหาการอยู่ภายใต้ของประทานทั้ง 5
ไม่มีตัวอย่างในพระคัมภีร์ที่คริสตจักรสมัยแรกพยายามแสวงหาการอยู่ภายใต้ของประทานทั้ง 5 เราพบแต่ของประทานทั้ง 5 รับใช้อยู่ท่ามกลางพี่น้องในคริสตจักร
กิจการฯ 13:1-3 คราวนั้นในคริสตจักรที่อยู่ในเมืองอันทิโอก มีบางคนที่เป็นผู้พยากรณ์และอาจารย์ มีบารนาบัส สิเมโอนที่เรียกว่านิเกอร์ กับลูสิอัสชาวเมืองไซรีน มานาเอนผู้ได้รับการเลี้ยงดูเติบโตขึ้นด้วยกันกับเฮโรดเจ้าเมือง และเซาโล เมื่อคนเหล่านั้นกำลังนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าและถืออดอาหาร พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ตรัสสั่งว่า "จงตั้งบารนาบัสกับเซาโลไว้สำหรับการซึ่งเราเรียกให้เขาทำนั้น" เมื่อถืออดอาหารอธิษฐาน และวางมือบนบารนาบัสกับเซาโลแล้ว เขาก็ใช้ท่านไป
ในตอนนี้เราจะเห็นว่ามีบรรยากาศที่เป็นปกติมาก คือที่คริสตจักรอันทิโอกมีผู้พยากรณ์และอาจารย์ มีการนมัสการพระเจ้า มีการอดอาหาร มีการรับใช้โดยการทรงนำของพระวิญญาณ และเมื่อพระวิญญาณทรงแต่งตั้งบารนาบัสกับเซาโลสำหรับการซึ่งพระวิญญาณเรียกให้เขาทำ เขาก็ออกไป ตอนนี้ไม่ได้พยายามอธิบายว่ามีการวางมือแต่งตั้งให้ใครมีตำแหน่งอัครทูต แต่เป็นการเน้นที่การรับใช้ตามน้ำพระทัยพระเจ้ามากกว่า
หากเราไว้วางใจในพระเจ้า สัตย์ซื่อกับพระองค์ในการสร้างสาวก เราจะเห็นบางคนที่มีของประทานผู้นำเกิดขึ้นและเป็นพรอย่างมากในคริสตจักร ให้เราแสวงหาพระเจ้าเสมอ
4. ของประทานผู้นำทั้ง 5 มาจากสมาชิกของคริสตจักรที่มีสุขภาพฝ่ายวิญญาณดี
สมาชิกในคริสตจักรจึงต้องรับการสร้างสาวกให้จำเริญขึ้นในลักษณะชีวิตที่ดีงามแบบพระคริสต์อย่างเป็นธรรมชาติจนสามารถค้นพบของประทานของตน และคริสตจักรก็ปลดปล่อยของประทานนั้นๆ ตามโอกาสที่เหมาะสม
อัครทูตในคริสตจักรเยรูซาเล็มได้เลือก 7 คนจากสมาชิกเพื่อทำหน้าที่มัคนายกเพื่อแบ่งเบาภาระของอัครทูตในเรื่องการบริหารจัดการ
กิจการฯ 6:3 เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลายจงเลือกเจ็ดคนในพวกท่าน ที่มีชื่อเสียงดีประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และสติปัญญา เราจะตั้งเขาให้ดูแลการงานนี้
ต่อมาสเทเฟน และฟีลิป ผู้ที่ถูกเลือกให้เป็นมัคนายก เสมือนได้กลายเป็น 1 ในของประทานผู้นำทั้ง 5 คือเป็นผู้ประกาศด้วย หากจะยึดตามแนวคิดนี้
กิจการฯ 6:8 ฝ่ายสเทเฟนประกอบด้วยพระคุณและฤทธิ์เดชจึงทำการมหัศจรรย์ และทำการเป็นนิมิตใหญ่ท่ามกลางประชากร
กิจการฯ 8:6 ประชาชนก็พร้อมใจกันฟังถ้อยคำที่ฟีลิปได้ประกาศ เพราะเขาได้ยินท่านพูด และได้เห็นหมายสำคัญซึ่งท่านได้กระทำนั้น
เราจึงเชื่อไว้วางใจในพระเจ้าว่าพระองค์จะทรงประทานของประทานให้คริสตจักรอย่างเพียงพอในการรับใช้ตามช่วงการเติบโตของคริสตจักร แต่สมาชิกทุกคนต้องทำหน้าที่รับใช้อย่างเต็มที่ตามบทบาทและของประทานเพื่อคริสตจักรจะจำเริญขึ้นอย่างมีสุขภาพดี
5. คริสตจักรจะเกิดผลอย่างเต็มที่เมื่อของประทานทั้งหมดทำหน้าที่ในพระวรกาย
เอเฟซัส 4:16 คือเนื่องจากพระองค์นั้น ร่างกายทั้งสิ้นที่ติดต่อสนิทและประสานกันโดยทุกๆ ข้อต่อ ที่ทรงประทานได้จำเริญเติบโตขึ้นด้วยความรัก เมื่ออวัยวะทุกอย่างทำงานตามความเหมาะสมแล้ว
ของประทานผู้นำทั้ง 5 หรือ 4 ไม่ใช่ฮีโร่ของคริสตจักร เพราะแม้จะมีของประทานผู้นำทั้ง 5 หรือ 4 ในคริสตจักรแต่อวัยวะอื่นไม่ทำหน้าที่ ของประทานผู้นำก็ไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์เช่นกัน
ความคิดเห็น