สยามแต่ปางก่อน 35 ปีในบางกอกของหมอบรัดเลย์

หมอบรัดเลย์ หมอมิชชันนารีอเมริกันผู้มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย (สยาม) ในด้านการแพทย์แผนใหม่และริเริ่มการพิมพ์ครั้งแรกในประเทศสยาม หมอบรัดเลย์เดินทางเข้ามายังสยามประเทศตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 วันแรกที่มาถึง หมอบรัดเลย์ถึงขนาดท้อแท้สิ้นหวังเพราะมองไปที่ไหนก็มีแต่ความยากจน สกปรก ล้าหลัง ผู้คนก็ไม่คุ้น ถูกมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร บรรยากาศทำให้หมอบรัดเลย์ต้องทบทวนตัวเองว่าการที่มาที่นี่เพราะต้องการถวายเกียรติพระเจ้านำคนไทยให้มารู้จักเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์


ปัญหาแรกๆ ที่หมอบรัดเลย์พบในช่วงแรกคือการปรับตัว เพราะอากาศที่สยามร้อนมาก นกและแมลงเยอะ โดยเฉพาะยุงที่มีอย่างมากมายและอันตราย มีไข้มาลาเรีย ไข้เหลือง โรคเฉพาะถิ่นที่คร่าชีวิตคนสยามและมิชชันนารีไปมากคืออหิวาตกโรค จนกระทั่งไข้ทรพิษหรือฝีดาษ

หมอบรัดเลย์เป็นคนแรกที่นำการปลูกฝีด้วยฝีวัวจากฝีวัวที่นำเข้ามาจากอเมริกาจนกระทั่งช่วยชีวิตคนไทยได้อย่างมากมาย จากที่ต้องตายวันละเป็นพันๆ ทั้งจากอหิวาตกโรคและฝีดาษ กลายเป็นรอดชีวิตอยู่ได้อย่างปกติสุข แพทย์สมัยสมัยแบบตะวันตกจึงถูกตั้งมั่นในประเทศสยามจนถึงทุกวันนี้

หนังสือสยามแต่ปางก่อน 35 ปีในบางกอกของหมอบรัดเลย์ บันทึกเหตุการณ์ที่มีความสำคัญที่หมอบรัดเลย์พบเห็นตลอด 35 ปีที่รับใช้พระเจ้าที่นี่ มีการเดินทางกลับไปอเมริกาครั้งหนึ่งช่วงสั้นๆ

เรื่องราวของหมอบรัดเลย์ที่เราได้ยินเกี่ยวกับการแพทย์ถูกเขียนไว้เพียงส่วนหนึ่งในหนังสือเล่มนี้เท่านั้น ผมถือว่าน้อยเลยทีเดียว น่าจะแค่ 10% ของทั้งเล่ม สิ่งที่ถูกกล่าวถึงไว้มากกว่าคือความรู้สึกนึกคิดของหมอบรัดเลย์ต่อการตัดสินใจเป็นมิชชันนารีมายังประเทศสยาม เรื่องราวความสัมพันธ์ของหลากหลายผู้คนทั้งภรรยา ลูกๆ ญาติที่อเมริกา

หมอบรัดเลย์ยังได้บันทึกเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ดีงามผูกพันกับพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.3) เจ้าฟ้ามงกุฎ (พระนามเดิมของ ร.4) เจ้าฟ้าน้อย (พระนามเดิมของสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ วังหน้า) คณะทูต และความรู้สึกขัดแย้งบาดหมางใจกับมิชชันนารีร่วมคณะ มิชชันนารีนอกคณะ นักธุรกิจฝรั่ง กับตันเรือกลไฟ และผู้คนอีกมากมาย มีทั้งเรื่องคดีความของตนที่ถูกฟ้องจากการหมิ่นประมาทจากทูตฝรั่งเศสจนเกือบหมดตัว คดีความจากการถูกกล่าวหาจากเพื่อนมิชชันนารี และความอ่อนแอของท่านเองที่เป็นคนไม่มีมนุษยสัมพันธ์ต่อผู้อื่น

ปัญหาของผู้รับใช้ที่หมอบรัดเลย์บันทึกไว้ในสมัยนั้น ทั้งปัญหาท่าทีที่ไม่ถูกต้องในการรับใช้ ความไม่อดทนทิ้งงานรับใช้ ภาระใจที่มีบ้างไม่มีบ้าง ผู้รับใช้ที่เปลี่ยนนิมิตเพราะถูกผลประโยชน์ดึงบ้าง โกงกิน การทะเลาะกันโกหก ใส่ร้าย พูดจาแรง และอีกมากมาย ปัจจุบันยังคงมีอยู่ท่ามกลางสังคมคริสเตียนไม่เปลี่ยนแปลง คงเป็นเพราะมนุษย์ก็คือมนุษย์บาป มีทั้งด้านดีและด้านมืด อ่านแล้วได้กำลังใจว่าปัญหาที่พบ อดีตเขาก็เป็น ก็น่าจะทุกยุคสมัย ทำให้ผมรู้สึกวางใจในพระเจ้ามากขึ้น เพราะในความไม่สมบูรณ์พระเจ้ายังทรงครอบครองและนำความหวังใจมาถึงเราตลอดประวัติศาสตร์

23 มิถุนายน วันหมอบรัดเลย์

หมอบรัดเลย์สิ้นชีพที่สยามและร่างฝังไว้ที่สุสานโปรเตสแตนต์ ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ จนถึงทุกวันนี้

"สยามแต่ปางก่อน 35 ปีในบางกอกของหมอบรัดเลย์" เขียนโดยนายแพทย์แดน บีช บรัดเลย์ รวบรวมโดย วิลเลียม แอล. บรัดเลย์ เหลนของหมอบรัดเลย์ เล่มที่ผมอ่านเป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 3 พิมพ์เดือน มิ.ย. 2567 เป็นหนังสือใหม่ ความหนา 552 หน้า ระดับความยาก: ปานกลาง เหมาะสำหรับคริสเตียน นักศึกษาพระคัมภีร์ และผู้ที่สนใจหนังสือแนวประวัติศาสตร์สังคมไทยสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ลองหามาอ่านดูครับ

ความคิดเห็น