ลูกา 14:28-29 ด้วยว่าในพวกท่านมีผู้ใดเมื่อปรารถนาจะสร้างตึก จะไม่นั่งลงคิดราคาดูเสียก่อนว่าจะมีพอสร้างให้สำเร็จได้หรือไม่ เกรงว่าเมื่อลงรากแล้ว และกระทำให้สำเร็จไม่ได้ คนทั้งปวงที่เห็นจะเยาะเย้ยเขา
![]() |
ไม่ต้องถึงขนาดเยาะเย้ยครับ เอาว่าถ้าเราจะสร้างอาคารโบสถ์หรือปรับปรุงอาคาร เราควรมีมุมมองอย่างไร
1. พิจารณากำลังถวาย ความเติบโตในความรับผิดชอบโดยรวมของสมาชิกคริสตจักร เพราะกำลังถวายขึ้นอยู่กับความร่วมใจของพี่น้องเป็นหลัก
2. พิจารณาสไตล์โบสถ์ สร้างโบสถ์ให้เหมาะกับลักษณะการใช้ชีวิตของพี่น้อง ไม่มากไม่น้อยเกิน เช่น บางแห่งสมาชิกไม่คุ้นกับแอร์ก็ไม่ต้องคิดเรื่องแอร์ บางแห่งต้องมีลิฟท์ก็คิดเรื่องลิฟท์ หรือบางแห่งต้องมีที่จอดรถยนต์ก็คิดเรื่อง
ที่จอดรถ เป็นต้น ทั้งหมดต้องกลมกลืนกับลักษณะการใช้ชีวิตของพี่น้องในโบสถ์เป็นสำคัญ
3. ลักษณะอาคารขึ้นอยู่กับกำลังถวายของสมาชิกโบสถ์ อย่ามองว่าสร้างไปก่อน สร้างให้เกินความเชื่อแล้วค่อยหาพี่น้องนอกโบสถ์มาช่วยถวาย เพราะแม้หากทำได้ การบำรุงรักษาอาคารอาจทำไม่ได้เพราะไม่ได้มาจากกำลังถวายจริงๆ ของสมาชิกที่ถวายเป็นปกติ การขอเงินถวายจากคนนอกจึงควรเป็นทางเลือกสุดท้าย
4. ตัดสินใจสร้างโบสถ์ ถ้า
ขั้นที่ 1 รายได้ประจำ > รายจ่ายประจำ (ถ้าพอให้พิจารณาขั้นต่อไป)
ขั้นที่ 2 รายได้สะสม > 70% ของราคาที่ดิน + อาคาร (ถ้าพิจารณาแล้วผ่านให้ไปขั้นที่ 3)
ขั้นที่ 3 รายได้ประจำ > ค่าดำเนินการประจำทั้งหมด (ถ้าองค์ประกอบครบก็ลงมือสร้างได้เลย)
ค่าดำเนินการประจำ หมายถึง รายจ่ายประจำ+ค่าใช้จ่ายประเมินเมื่อมีอาคารแล้ว เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ อาจหมายถึงเงินผ่อน และดอกเบี้ยจ่ายต่อเดือนด้วย
5. ตัดสินใจเช่าอย่างมีเป้าหมาย โดย
ขั้นที่ 1 มีรายได้ประจำ > รายจ่ายประจำ
ขั้นที่ 2 มีรายได้ประจำ > ค่าดำเนินการประจำ
ขั้นที่ 3 เก็บรายได้สะสมถึง 70% ของราคาที่ดิน + อาคาร
แม้คริสตจักรจะไปด้วยความเชื่อในการทรงนำของพระเจ้า แต่การลงทุนสร้างอาคารหรือปรับปรุงอะไรควรมีความเข้าใจเรื่องจังหวะการเติบโตในความรับผิดชอบในการถวายของสมาชิกในโบสถ์ สไตล์สมาชิกโบสถ์ และการบริหารการเงินสักหน่อย มิฉะนั้นการเงินอาจฝืดเคือง สมาชิกรู้สึกกดดัน หรือหนักขนาดเป็นหนี้ก้อนโตกันเลยครับ
2. พิจารณาสไตล์โบสถ์ สร้างโบสถ์ให้เหมาะกับลักษณะการใช้ชีวิตของพี่น้อง ไม่มากไม่น้อยเกิน เช่น บางแห่งสมาชิกไม่คุ้นกับแอร์ก็ไม่ต้องคิดเรื่องแอร์ บางแห่งต้องมีลิฟท์ก็คิดเรื่องลิฟท์ หรือบางแห่งต้องมีที่จอดรถยนต์ก็คิดเรื่อง
ที่จอดรถ เป็นต้น ทั้งหมดต้องกลมกลืนกับลักษณะการใช้ชีวิตของพี่น้องในโบสถ์เป็นสำคัญ
3. ลักษณะอาคารขึ้นอยู่กับกำลังถวายของสมาชิกโบสถ์ อย่ามองว่าสร้างไปก่อน สร้างให้เกินความเชื่อแล้วค่อยหาพี่น้องนอกโบสถ์มาช่วยถวาย เพราะแม้หากทำได้ การบำรุงรักษาอาคารอาจทำไม่ได้เพราะไม่ได้มาจากกำลังถวายจริงๆ ของสมาชิกที่ถวายเป็นปกติ การขอเงินถวายจากคนนอกจึงควรเป็นทางเลือกสุดท้าย
4. ตัดสินใจสร้างโบสถ์ ถ้า
ขั้นที่ 1 รายได้ประจำ > รายจ่ายประจำ (ถ้าพอให้พิจารณาขั้นต่อไป)
ขั้นที่ 2 รายได้สะสม > 70% ของราคาที่ดิน + อาคาร (ถ้าพิจารณาแล้วผ่านให้ไปขั้นที่ 3)
ขั้นที่ 3 รายได้ประจำ > ค่าดำเนินการประจำทั้งหมด (ถ้าองค์ประกอบครบก็ลงมือสร้างได้เลย)
ค่าดำเนินการประจำ หมายถึง รายจ่ายประจำ+ค่าใช้จ่ายประเมินเมื่อมีอาคารแล้ว เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ อาจหมายถึงเงินผ่อน และดอกเบี้ยจ่ายต่อเดือนด้วย
5. ตัดสินใจเช่าอย่างมีเป้าหมาย โดย
ขั้นที่ 1 มีรายได้ประจำ > รายจ่ายประจำ
ขั้นที่ 2 มีรายได้ประจำ > ค่าดำเนินการประจำ
ขั้นที่ 3 เก็บรายได้สะสมถึง 70% ของราคาที่ดิน + อาคาร
แม้คริสตจักรจะไปด้วยความเชื่อในการทรงนำของพระเจ้า แต่การลงทุนสร้างอาคารหรือปรับปรุงอะไรควรมีความเข้าใจเรื่องจังหวะการเติบโตในความรับผิดชอบในการถวายของสมาชิกในโบสถ์ สไตล์สมาชิกโบสถ์ และการบริหารการเงินสักหน่อย มิฉะนั้นการเงินอาจฝืดเคือง สมาชิกรู้สึกกดดัน หรือหนักขนาดเป็นหนี้ก้อนโตกันเลยครับ
ความคิดเห็น