คริสตจักรสุขภาพดีเป็นอย่างไร

เมื่อขึ้นต้นด้วยองค์กรที่วางอยู่บนความเชื่อ การเลือกจุดเน้นในพระคัมภีร์ ประสบการณ์ส่วนตัว ประเพณีนิยม ต้นทางคำสอนของนิกายย่อย ทำให้คริสตจักรเกิดความหลากหลายแตกต่างกัน แม้แต่นิกายเดียวกันก็ยังมีรายละเอียดบางอย่างไม่ตรงกัน บางครั้งก็แปลกๆ กันเอง หรือบางครั้งก็ถึงกลับแปลกๆ ในสายตาของสังคมทั่วไป


คนไทยอาจคุ้นเคยกับคริสตศาสนาในมุมของพิธีกรรมมากกว่าคุณลักษณะทางจริยธรรมที่เป็นวิถีชีวิตคริสตชน เนื่องด้วยพิธีกรรมเหล่านั้นมีความเป็นสากลซึ่งพบได้คล้ายคลึงกันในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงโลกภาพยนตร์ทั่วไปหากมีการโยงถึงพิธีกรรมบางอย่างในศาสนาคริสต์ แต่หากเราพิจารณาถึงอิทธิพลทางจริยธรรมหรือวิถีแห่งความรักที่เสียสละตามอย่างพระเยซูคริสต์ ชีวิตชุมชนคริสเตียนในคริสตจักรไม่อาจแบ่งแยกระหว่างพิธีกรรมและความประพฤติที่สะท้อนมโนธรรมที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยพระเจ้าตามหลักพระคัมภีร์ได้ ซึ่งนั่นเป็นน้ำพระทัยพระเจ้าที่ทรงประสงค์ให้เกิดขึ้นในคริสตจักรของพระองค์ แม้ทุกคริสตจักรจะตระหนักในสิ่งนี้ แต่ความเติบโตเป็นเรื่องที่ต้องการเวลาและความตั้งใจกว่าจะได้ชื่อว่าเป็นคริสตจักรที่มีสุขภาพดีฝ่ายวิญญาณ

คริสตจักรสุขภาพดีจริงๆ นอกจากวางอยู่บนพระคริสต์และพระคัมภีร์แล้ว ยังมีประเด็นบางอย่างที่สามารถสังเกตได้โดยเฉพาะคริสตจักรร่วมสมัยในปัจจุบัน

1) เน้นพระเยซูคริสต์เป็นหลัก

ในคริสตจักรที่มีสุขภาพดีเราสามารถสังเกตได้อย่างชัดเจนถึงบรรยากาศการกล่าวถวายเกียรติยกย่องพระเยซูในที่ประชุมอย่างชัดเจน มีเน้นการดำเนินชีวิตร่วมกับพระเยซู สนับสนุนให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า เช่น เน้นการอธิษฐาน การนมัสการ การศึกษาพระคัมภีร์ การหนุนใจให้ออกไปรับใช้โดยทั้งหมดตระหนักถึงการถวายเกียรติพระเยซูคริสต์ผู้เป็นศูนย์กลางของคริสตจักร

การเน้นพระเยซูคริสต์ยังหมายถึงการให้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระองค์ด้วยโดยเฉพาะมิติของตรีเอกภาพที่ทรงเป็นพระภาคที่สองในตรีเอกานุภาพ ทรงเป็นผู้ไถ่บาปโดยสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ทรงฟื้นคืนพระชนม์ในวันที่สาม ทรงเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ และเรากำลังรอคอยต้อนรับการเสด็จกลับมาของพระองค์อีกครั้ง (1 โครินธ์ 15:3-6)

ในส่วนของพิธีกรรมเราจะพบได้ชัดเจนบ่อยครั้งเมื่อคริสตจักรนำเข้าสู่พิธีมหาสนิทและอธิบายอย่างชัดเจนถึงพระราชกิจการไถ่ของพระองค์บนไม้กางเขน ซึ่งเป็นหัวใจในการประชุมนมัสการทุกวันอาทิตย์ (มัทธิว 26:26-29)

2) ให้ความสำคัญกับพระมหาบัญญัติ คือรักพระเจ้าและรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง

พระเยซูทรงตอบเขาว่า "จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่านด้วยสุดจิตของท่าน" และด้วยสุดความคิดของท่าน นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อสำคัญอันดับแรก ข้อที่สองก็เหมือนกัน คือ "จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง" (มัทธิว 22:37-39)

คุณสมบัติสำคัญที่จะพบได้อย่างเป็นธรรมชาติในชุมชนคริสเตียนคือความรัก พระเยซูตรัวไว้ว่า หากเรารักกันและกัน ทุกคนจะรู้ว่าเราเป็นสาวกผู้ติดตามพระองค์ (ยอห์น 13:35) ความรักในชุมชนของพระเจ้าไปด้วยกันกับการอดทนต่อ และการให้อภัยกัน อย่างไรดีไม่ได้มองข้ามความผิด ความรักแบบพระเจ้าจะตักเตือน หนุนใจ เชิญชวน และความรักยังแสดงออกถึงการควบคุมวินัยหากไม่กลับใจ และแน่นนอนเมื่อกลับใจแล้ว ความรักก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ทุกคนพร้อมจะให้อภัยและให้โอกาสเสมอ (1 โครินธ์ 13:4-8) นี่เป็นคริสตจักรที่มีสุขภาพฝ่ายจิตวิญญาณดี

3) สมาชิกตั้งใจเปลี่ยนแปลงชีวิตตามหลักพระคัมภีร์

ชีวิตจริงเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงสนพระทัยมากกว่าแค่ชีวิตในวันอาทิตย์ซึ่งง่ายที่จะแสดงออกในความบริสุทธิ์ชอบธรรมที่ข้างในจิตใจไม่มีใครรู้ พระคัมภีร์สอนให้เราเห็นความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงที่เกิดจากจริยธรรมภายในจิตใจ และมีผลต่อทุกอย่างในชีวิตของผู้เชื่อไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบทบาท สถานภาพ เกิดขึ้นทุกเวลาไม่เพียงแค่วันอาทิตย์เท่านั้น ชีวิตของสมาชิกสะท้อนความตั้งใจในการเปลี่ยนแปลงในทางความชอบธรรมของพระเจ้าเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับคริสตจักรซึ่งต้องพึ่งพาพระเจ้าในการเปลี่ยนแปลงนี้ (โรม 6:19-22, 12:2)

การเปลี่ยนแปลงจริยธรรมภายในเป็นกระบวนการที่เกิดจากการเห็นคุณค่าในพระเจ้าและตอบสนองร่วมมือกับพระองค์ด้วยความเต็มใจตัดสินใจเลือกเส้นทางที่ถูกต้องชอบธรรมมากกว่าการทำตามใจตนเอง เรื่องนี้ใช้เวลามากที่สุด แต่ผลที่เปลี่ยนแปลงจะเป็นผลถาวรนิรันดร์ (1 เปโตร 1:22; ทิตัส 3:5-7) อย่างไรก็ดี เพียงแค่สมาชิกมีความรู้สึกอย่างเปลี่ยนแปลงชีวิตตามหลักการพระคัมภีร์ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว แม้ความจริงยังต้องการโอกาสและการเรียนรู้อีกพอสมควรในการเปลี่ยนแปลง

4) มีพันธกิจออกไปแตะคนนอกโบสถ์

พันธกิจหมายถึงงานรับใช้ (Ministry) คือทุกงานที่เสริมสร้างชีวิต-ของชุมชนและสังคมเชื่อมโยงกับพระมหาบัญชาคือการประกาศสร้างสาวกจากจุดที่เราอยู่จนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก (มัทธิว 28:18-20) และสำแดงพระมหาบัญญัติ คือรักพระเจ้าและรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง (มัทธิว 22:37-39)

คริสตจักรที่มีสุขภาพฝ่ายวิญญาณที่ดีจะมีมุมมองพระกิตติคุณแบบองค์รวม (Holistic Gospel) คือมองพันธกิจไกลออกไปจากตัวเองไปแตะคนนอกคริสตจักรและเป็นพรต่อสังคม เช่น ทำงานพันธกิจเพื่อคนเมืองงานเยียวยาปัญหาสังคม พันธกิจช่วยแก้ปัญหาครอบครัว พันธกิจดูแลเด็กกำพร้า พันธกิจช่วยผู้คนให้หลุดจากสภาพปัญหาสังคมอย่างโสเภณี คนจรจัด คนยากไร้ ผู้ขายหรือเสพยาเสพติด พันธกิจเรือนจำ เป็นต้น 

พันธกิจทุกประเภทถึงจุดหนึ่งจะช่วยให้ผู้คนหลุดจากปัญหาและเห็นคุณค่าของพระเจ้าผู้อยู่เบื้องหลังการทำดีของคริสเตียนจนเกิดความเชื่อและวางใจในพระองค์ในที่สุด

มัทธิว 5:13-16 "ท่าน​ทั้ง​หลายเป็น​เกลือ​แห่ง​โลก ถ้า​เกลือ​นั้น​หมด​รส​เค็ม​ไป​แล้ว จะ​ทำ​ให้​กลับ​เค็ม​อีก​ได้​อย่าง​ไร ตั้ง​แต่​นั้น​ไป​ก็​ไม่​เป็น​ประ​โยชน์​อะไร มี​แต่​จะ​ถูก​ทิ้ง​เสีย​ให้​คน​เหยียบ​ย่ำ ท่าน​ทั้งหลาย​เป็น​ความ​สว่าง​ของ​โลก นคร​ซึ่ง​อยู่​บน​ภูเขา​จะ​ถูก​ปิด​บัง​ไว้​ไม่​ได้ เมื่อ​จุด​ตะ​เกียง​แล้ว​ไม่​มี​ผู้ใด​เอา​ถัง​ครอบ​ไว้ ย่อม​ตั้ง​ไว้​บน​เชิง​ตะเกียง จะ​ได้​ส่อง​สว่าง​แก่​ทุก​คน​ที่​อยู่​ใน​บ้าน​นั้น ทำ​นอง​เดียว​กัน​พวก​ท่าน​จง​ส่อง​สว่าง​แก่​คน​ทั้ง​ปวง เพื่อ​ว่า​เมื่อ​เขา​ทั้ง​หลาย​ได้​เห็น​ความ​ดี​ที่​ท่าน​ทำ พวก​เขา​จะ​ได้​สรร​เสริญ​พระ​บิดา​ของ​ท่าน​ผู้​สถิต​ใน​สวรรค์"

โดยทั่วไปคริสตจักรที่มีสุขภาพดีจะมีหลักแห่งความเชื่อที่ถูกต้อง (Dogma) หลักข้อเชื่อที่ดี (Doctrine) และความเห็นร่วมจนกลายเป็นประเพณีที่ทำต่อๆ กันมาในคริสตจักร (Opinions or Church Tradition) จุดนี้เองทำให้คริสตจักรแตกต่างกันไป เพราะคริสตจักรคือผู้คน ผู้คนย่อมมีความชอบและความเห็นที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งส่งผลให้เกิดเรื่องปลีกย่อยทำให้คริสตจักรแตกต่างกันไป บางคนอาจจะมองว่าแปลกจากความชอบของตน เช่น วิธีการประกาศที่แตกต่าง วิธีการอธิษฐานด้วยเสียงดังเสียงหรือเบา วิธีการอธิษฐานเผื่อให้หายโรคด้วยการวางมือหรือการไม่วางมือ การพูดหรือไม่พูดภาษาแปลกๆ การโหยหาคำเผยพระวจนะ การมุ่งเน้นเรื่องอัศจรรย์ในคริสตจักร หรือกลับสู่อิสราเอลนิยม ฯลฯ 

อย่างไรก็ตามคริสตจักรที่เน้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย อาจไม่ส่งเสริมให้สมาชิกมีสุขภาพดีในฝ่ายวิญญาณและในที่สุดจะกลายเป็นคริสตจักรที่ไม่มีสุขภาพที่ดีหากจะพิจารณากันด้วยความเที่ยงตรงจริงๆ

อ้างอิง

Ammerman, Nancy. (1988). Studying Congregations. Abingdon Press.

Charry, Ellen T. (1999). By The Renewing of Your Minds: The Pastoral Function of Christian Doctrine. Oxford University Press.

Hovorun, Cyril. (2015). Meta-Ecclesiology: Chronicles on Church Awareness. Palgrave Macmillan.

Hwa, Chow Lien (1981). The Minister as Theologians.

ความคิดเห็น