“กิจวัตรชีวิตล้วน (พอ) อธิบายได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ไม่แน่หากเราได้เข้าใจเหตุผลของมัน เราอาจจะสามารถตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ในการดำเนินชีวิตได้ดีขึ้น”
มีผลวิจัยทางการแพทย์มากมายในหนังสือเล่มนี้ที่จะตอบคำถามสุขภาพร่างกายและจิตใจได้หลายเรื่อง
เช่น การตื่นนอน 6:00-7:00 น. จะดีที่สุดเพราะเป็นช่วงที่ฮอร์โมนคอร์ติซอลอยู่ในระดับสูงสุด พร้อมช่วยให้เราตื่นอย่างเต็มที่ (หน้า 15)
วิตามินเสริมแทบไม่ช่วยให้เรามีชีวิตยืนยาวเลยเพราะอาหารปกติมีวิตามินที่เพียงอยู่แล้ว กลับกันการอัดวิตามินมากเกินไปจะทำให้ร่างกายไม่ถูกกระตุ้นให้ฟื้นฟูตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ กลายเป็นผลเสียมากกว่าผลดี (หน้า 41)
งานวิจัยยังบอกว่า การเดินทางไปกลับที่ดีระหว่างบ้านและที่ทำงาน คือการเดินทางที่นานพอให้เรามีเวลาที่จะแบ่งเขตแดนทางจิตวิทยาระหว่างชีวิตที่บ้านและที่ทำงาน ซึ่ง 15 นาที คือเวลาที่เหมาะสมที่สุด (หน้า 53)
เวลาทองของสมองคือ 2-3 ชั่วโมงแรกของการทำงาน ควรใช้ให้คุ้ม ไม่ควรเช็คอีเมล ดูโซเชี่ยล พวกนั้นให้ไปทำช่วงบ่าย หลัง 14:30 น. (หน้า 64)
การทานอาหารเที่ยงและทำงานไปด้วย จะเกิดภาวะประสิทธิภาพสมองตกฮวบ ภายใน 2 ชั่วโมง ทางที่ดี พักเที่ยงให้ลุกออกจากที่ เดินไปหาอะไรทานดีกว่า (หน้า 90)
งานวิจัยเปิดเผยอีกว่าสมองเราชอบเข้าข้างตัวเอง วัยรุ่นชอบมองตัวเองอย่างภูมิใจว่าอายุมากกว่าอายุจริง 3-5 ปี ส่วนวัย 32 ปีขึ้นไป มักประเมินอายุอ่อนกว่าความเป็นจริง เช่น คนอายุ 50 มองตัวเอง 40 เป็นต้น (หน้า 121)
เราไม่ได้ใช้สมองแค่ 10% เราใช้ทั้งหมดสลับไปสลับมาขึ้นอยู่กับตอนนั้นเรากำลังทำอะไรอยู่ (หน้า 136)
เราควรออกกำลังกายช่วงเย็นมากกว่าช่วงเช้า เพราะร่ายกายจะมีประสิทธิภาพสูงสุด เวลาที่เหมาะสมคือ 16:00-19:00 น. (หน้า 150)
คุณเชื่อไหมว่า BMI ก็ไม่ถูกซะทีเดียว (หน้า 191)
อยากเปลี่ยนนิสัย ต้องทำนิสัยใหม่ ๆ ต่อเนื่อง 66 วัน ไม่ใช่ 21 วันอย่างที่นักจิตวิทยาปี 1960 อ้างไว้ (หน้า 213)
เริ่มสนุกแล้วใช่ไหมครับ ยังมีอะไรอีกเยอะแยะที่เราจะเซอร์ไพรส์จากงานวิจัยใหม่ล่าสุดในนี้
“The science of living วิทยาศาสตร์ของการใช้ชีวิต” (ปกแข็ง) โดยคุณหมอ Stuart Farrimond หนังสือใหม่ปี 2565 ความหนา 256 หน้า ระดับความยาก: ง่ายถึงปานกลาง เหมาะสำหรับผู้รักสุขภาพ ชอบความรู้ใหม่ ๆ ไม่เบื่องานวิจัย ลองหาซื้อมาอ่านดูนะครับ เป็นประโยชน์มากอาจจะช่วยตอบคำถามคาใจของเราในบางเรื่องก็เป็นได้ครับ แนะนำครับ
ความคิดเห็น