วันที่ 31 ธันวาคม กับ 1 มกราคม แม้จะต่างกันแค่วันเดียว และอาจไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรเป็นพิเศษ แต่เราสามารถใช้ประโยชน์จากวันใหม่ ปีใหม่ ในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ได้เสมอ พระธรรมสุภาษิตให้ข้อคิดเรื่องชีวิตไว้อย่างมากมาย และที่แน่นอนให้ข้อคิดเพื่อความสำเร็จไว้ด้วย
![]() |
สุภาษิต 1:7 ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นจุดเริ่มต้นของความรู้ คนโง่ย่อมดูหมิ่นปัญญาและการสั่งสอน
ในมุมปฏิบัติเราจะดำเนินชีวิตอย่างไรให้เต็มไปด้วยพระพร?
1) อย่ารักความเพลิดเพลิน
สุภาษิต 21:17 คนที่รักความบันเทิงจะเป็นคนจน คนที่รักเหล้าองุ่นและน้ำมันจะไม่มั่งคั่ง
สุภาษิต 20:13 อย่ารักการนอน เกรงว่าเจ้าจะยากจน จงลืมตาของเจ้า แล้วเจ้าจะได้กินอิ่ม
2) ขยันทำงาน ไม่ปิดกั้นตัวเองด้วยเงื่อนไขหรือข้อแม้มากมาย
สุภาษิต 22:13 คนเกียจคร้านพูดว่า “มีสิงโตอยู่ข้างนอก ข้าจะถูกฆ่ากลางลานเมือง”
สุภาษิต 10:4 มือที่เกียจคร้านทำให้ยากจน แต่มือที่ขยันขันแข็งทำให้มั่งคั่ง
สุภาษิต 13:4 ความต้องการของคนเกียจคร้านก็มีอยู่ แต่จะไม่ได้อะไรเลย ส่วนความต้องการของคนขยันจะได้รับการตอบสนองอย่างจุใจ
Chart นี้ให้แนวคิดที่น่าสนใจ หากงานใช้ความสามารถของเราน้อยเกินไป เราจะรู้สึกเบื่อหน่าย (Boredom) หากงานมีแรงกดดันพอดีๆ กับความสามารถเรา เราทำได้สบายๆ เป็น Comfort Zone ของเรา แต่หากแรงกดดันในงานท้าทายความสามารถเราอีกสักหน่อย เราจะเริ่มเหยียด และเริ่มเครียด (Stretch and Strain) จุดนั้นเป็นจุดที่เราจะพัฒนาตัวเองขึ้นไปได้อีก แต่อาจจะไม่ต้องถึงขนาดเครียดจนวิกฤต (Crisis) คืองานยากเกินความสามารถจนเกินไป แต่ที่แน่ๆ อุปสรรคสร้างเราให้เก่งขึ้น แต่ความสบายๆ ไม่ได้สร้างเรางานทุกงานมีความท้าทายในตัวอยู่แล้ว หากเราสามารถฝ่าฟันอุปสรรคในงานนั้นได้ จะสร้างคุณค่าในตัวเราได้มากขึ้น ความขยัน การทำงานหนักยังคงเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ แม้เราจะ Work Smart แต่ Work Hard ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ควรทำคู่กันไป
3) ยกระดับการศึกษาของเราในทุกๆ ด้าน
สุภาษิต 2:4-5 ถ้าเจ้าแสวงหาปัญญาเหมือนหาเงิน และเสาะหาเธออย่างหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ แล้วเจ้าจะเข้าใจความยำเกรงพระยาห์เวห์ และพบความรู้ของพระเจ้า
สุภาษิต 1:32 เพราะการที่คนรู้น้อยหันเหจากทางที่ถูกต้องก็นำความพินาศมาสู่ตนเอง และการที่คนโง่หลงเพลิดเพลินก็ทำลายตนเอง
การยกระดับการศึกษาในมุมเศรษฐศาสตร์ ช่วยยกระดับรายได้ของเราให้สูงขึ้น เราควรพัฒนาการศึกษาของเราในทุกๆ ด้าน เช่น ถ้ายังเรียนเรียนให้จบ ถ้าเรียนจบแล้วลองพิจารณายกระดับการเรียนให้สูงขึ้น การเรียนพระคัมภีร์ให้เรียนอย่างเป็นระบบ อ่านหนังสือที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนามุมมองและทักษะชีวิต ไม่หยุดที่จะเรียนรู้เพราะการเรียนรู้ช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ทำให้เราได้รับพรมากขึ้นในที่สุด
4) ถ่อมใจรับฟัง
ลักษณะชีวิตที่ดี ทำให้เราได้รับพรด้วย ถ้าเราถ่อมใจฟัง เราก็จะเรียนรู้ แต่ถ้าเราเอาแต่ยึดมั่นความคิดตัวเอง คนอื่นก็ไม่รู้จะแนะนำเราอย่างไร
สุภาษิต 9:8 อย่าตักเตือนคนชอบเยาะเย้ย เพราะเขาจะเกลียดเจ้า จงตักเตือนคนมีปัญญา และเขาจะรักเจ้า
สุภาษิต 1:5 คนมีปัญญาจะได้ยินและเพิ่มพูนการเรียนรู้ และคนที่มีความเข้าใจจะได้การชี้แนะ
5) สังเกตการทรงนำของพระเจ้าเสมอ
ถ้าพระเจ้านำ ให้ทำอย่างเต็มที่ ถ้าพระเจ้าไม่ได้นำ อย่าเข้าไป
สดุดี 127:1 ถ้าพระยาห์เวห์มิได้ทรงสร้างบ้าน บรรดาผู้ที่สร้างก็เหนื่อยเปล่า ถ้าพระยาห์เวห์มิได้ทรงเฝ้ารักษานคร คนยามตื่นอยู่ก็เหนื่อยเปล่า
ปีที่ผ่านมานักลงทุนในระดับโลกต้องประสบวิกฤตเงินคริปโต หลายคนเป็นหนี้เป็นสิน สูญเสียมูลค่าทรัพย์สินจากการลงทุนไปมาก เราจำเป็นต้องสังเกตการทรงนำของพระเจ้าให้ดี อย่าใช้การคาดเดา ลงมือศึกษาเรื่องต่างๆ ให้ดี หาผู้ให้คำปรึกษา และแน่นอนอธิษฐานพึ่งพาพระเจ้า ขอการทรงนำ
อย่างไรก็ตามหากเราพิจารณาแล้วอย่างดีจนมั่นใจในการทรงนำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงทุนหรือเรื่องการทำงานบางสิ่งบางอย่าง ให้เราตัดสินใจลงมือทำทันที เพราะหลายครั้งปัญหาของคนเราหลายครั้งคือการแช่งาน ไม่ตัดสินใจ ลังเล คิดเยอะแต่ไม่ได้เริ่ม
กษัตริย์ซาโลมอนผู้แต่งสุภาษิตยังแต่งปัญญาจารย์ และให้ข้อคิดไว้ว่า
ปัญญาจารย์ 11:4 ผู้ใดมัวสังเกตลมก็จะไม่หว่านพืช และผู้ใดมัวจ้องมองเมฆก็จะไม่เกี่ยวข้าว
มองภาพให้ออก ลงรายละเอียดงานให้ชัด เขียนออกมาให้มากที่สุด ใช้เครื่องมือช่วย เช่น ปฏิทินออนไลน์, to-do list เมื่อลงมือทำอะไร ไม่ล้มความตั้งใจง่ายๆ อย่าขึ้นๆ ลงๆ ตามอารมณ์หรือความสะดวก
"Consistency is more important than intensity" การมีเสถียรภาพอย่างต่อเนื่องสำคัญกว่าการลงแรงทำครั้งเดียวแล้วหายไปเลย พระพรเป็นเรื่องปลายทาง ความเข้าใจในกระบวนการที่นำมาซึ่งพระพรสำคัญกว่า อย่าโฟกัสที่พระพร ให้โฟกัสกระบวนการแต่ละวันของเรา
ความคิดเห็น
Now in Thai as well:
https://www.youtube.com/playlist?list=PLZl6JGhBKq-7Z3r3cgQ57X3PmamVh8sxT