1. ให้การถวายเกียรติพระเจ้า เป็นแรงบันดาลใจในทุกสิ่งเสมอ
2 เธสะโลนิกา 1:12
เพื่อพระนามของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะได้รับพระเกียรติเพราะท่านทั้งหลาย และท่านจะได้รับเกียรติเพราะพระองค์ ตามพระคุณแห่งพระเจ้าของเรา และแห่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า
การรับใช้พระเจ้าเป็นการให้เกียรติปรนนิบัติผู้ที่เรารับใช้คือพระเจ้า สายตาของเราจ้องไปที่พระเจ้ามากกว่าการเปรียบเทียบกับผู้รับใช้ด้วยกัน ขณะเดียวกันหากจะทำอะไรบางอย่างเพื่อเป็นการรับใช้ แรงบันดาลใจสูงสุดของเราคือเพื่อให้พระเจ้าจะได้รับเกียรติเสมอ ทัศนคตินี้จะช่วยทำให้เรามีท่าทีและแรงจูงใจที่ดี สำคัญมากยิ่งกว่าการทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน
![]() |
2. คิดจะริเริ่มทำอะไร ต้องคิดว่าจะสร้างใครมาสานต่อ
ลูกา 6:12-13
ในเวลาต่อมาพระเยซูเสด็จไปที่ภูเขาเพื่อจะอธิษฐาน พระองค์ทรงอธิษฐานต่อพระเจ้าตลอดทั้งคืน พอถึงรุ่งเช้า พระองค์ทรงเรียกพวกสาวกมา แล้วทรงเลือกสาวกสิบสองคนผู้ซึ่งพระองค์ทรงให้ชื่อว่าอัครทูต
เวลาของเรามีความจำกัด หากพระเจ้าเรียกให้เราทำบางสิ่งใหม่ๆ อย่าทำคนเดียว ใช้โอกาสฝึกฝนพี่น้องและฝูงแกะที่พระเจ้ามอบหมายให้ เชิญชวนให้ร่วมทำไปด้วยกันตามภาระใจ และเมื่อถึงเวลาหนึ่งให้เรามอบหมายให้บางคนเพื่อสานต่อเจตนารมณ์
3. เตือนใครให้เตือนส่วนตัว ชมใครให้ชมออกสื่อไปเลย
โคโลสี 4:6
จงให้ถ้อยคำของท่านทั้งหลายประกอบด้วยเมตตาคุณเสมอ ปรุงด้วยเกลือให้มีรส เพื่อท่านจะได้รู้ว่าควรจะตอบแต่ละคนอย่างไร
จริงๆ สำหรับคนไทยและคนเอเชีย การทำให้คนเสียหน้าต่อคนมากมาย ไม่ว่าจะถูกหรือผิดไม่ใช่สิ่งดีแน่นอน ถ้าอยากให้เขาเปลี่ยนแปลงเรื่องอะไร คุยเป็นการส่วนตัวจะดีกว่า ไม่ใช่อยากแค่พูดสิ่งที่เราคิดเท่านั้น ในมุมกลับกันหากจะชมใครก็ชมไปเลยครับ ไม่มีอะไรเสียหาย อย่าไปคิดแทนว่าเขาจะเหลิง
4. ถ้อยคำที่ประกอบด้วยความเมตตา ช่วยให้คนกลับมาตั้งตัวได้มากกว่าการพูดจากันแรงๆ
กาลาเทีย 6:1
พี่น้องทั้งหลาย แม้จับใครที่ละเมิดประการใดได้ พวกท่านซึ่งอยู่ฝ่ายพระวิญญาณ จงช่วยคนนั้นด้วยใจสุภาพอ่อนโยนให้เขากลับตั้งตัวใหม่ โดยคิดถึงตัวเอง เกรงว่าท่านจะถูกทดลองด้วย
การดุด่ามีแต่จะทำให้เกิดความเจ็บช้ำน้ำใจ อาจจะเหมาะสำหรับบางคนที่ดื้อๆ ไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้น จำเป็นต้องเตือนให้หนักแน่นชัดเจน อย่างไรก็ดี เราก็ไม่ควรตัดสินว่าทุกคนจะต้องเป็นอย่างนั้นตลอดเวลา พูดจากันดีๆ ประกอบด้วยความเมตตาจะดีกว่า
5. มอบโอกาสที่สองแก่คนที่ตั้งใจจริงเสมอ
ฟีเลโมน 1:17–18
เพราะฉะนั้นหากท่านถือว่าข้าพเจ้าเป็นเพื่อนร่วมงาน ก็จงรับเขาไว้เหมือนที่รับข้าพเจ้า ถ้าเขาทำผิดต่อท่านหรือเป็นหนี้อะไรไว้ จงคิดเอาจากข้าพเจ้า
โอเนสิมัส ทาสของฟีเลโมน เขาทำผิดจริงและได้รับโทษแล้ว อาจารย์เปาโลนำให้เขาเชื่อวางใจในพระเยซูขณะอยู่ในคุก เขากลับใจจริง ในที่สุดอาจารย์เปาโลก็ขอร้องฟีเลโมนให้มอบโอกาสที่สองแก่เขาเพราะเขาพิสูจน์ตัวแล้ว และตั้งใจจริงที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต เราเองก็เช่นกัน อย่าขังใครไว้ในจิตใจเราตลอดเวลา ให้โอกาสแก่คนที่กลับใจจริงเสมอ
1 โครินธ์ 4:17
เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงใช้ทิโมธีลูกที่รักของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นคนซื่อสัตย์ในองค์พระผู้เป็นเจ้ามาหาพวกท่าน เพื่อช่วยให้ระลึกถึงหลักการดำเนินชีวิตของข้าพเจ้าในพระคริสต์ ตามที่ข้าพเจ้าสอนอยู่ในคริสตจักรทุกแห่ง
อย่าเก็บงานหวงเอาไว้ทำคนเดียว แต่เลือกผู้รับใช้ที่มีของประทานและปลดปล่อยศักยภาพเขาให้ทำงานรับใช้ในงานที่มีความสำคัญจนกระทั่งเขาสามารถแทนเราได้ในที่สุด
การสร้างคนจะช่วยให้เราไม่ยุ่งอยู่ตลอดเวลา หรือไม่ได้ทำให้เราว่างงานไม่มีอะไรทำ แต่กลับกันเราจะได้ทำในสิ่งที่พระเจ้าเรียกจนเกิดความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในของประทานของเราจริงๆ
7. การใช้เวลากับลูกเป็นการลงทุนที่มีคุณค่ามาก
1 ทิโมธี 3:4
ปกครองครอบครัวของตนได้ดี อบรมบุตร ธิดา ให้มีความนอบน้อมด้วยความเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง
แบบอย่างชีวิตของผู้ปกครองจะต้องรู้จักปกครองครอบครัวให้ดี ให้มีความนอบนอบ มีชีวิตในทางพระเจ้า วันข้างหน้าหากเราไม่อยู่แล้ว เขายังคงเป็นคนที่ติดตามพระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อเสมอ นี่เป็นความปรารถนาของพ่อแม่ทุกคน แต่ทั้งหมดต้องเริ่มที่การให้เวลาอย่างมีคุณค่า
หากเราเป็นคนโสดหรือยังไม่มีลูก การให้เวลากับเพื่อน หรือพี่น้องโดยเฉพาะแกะที่พระเจ้าฝากให้เราดูแล จะเป็นสิ่งที่งดงาม เป็นการลงทุนชีวิตที่คุ้มค่ามาก
ความคิดเห็น