พระคัมภีร์เป็นพระวจนะพระเจ้าที่ถูกเขียนมาเพื่อเรา มีประโยชน์มากมายต่อการดำเนินชีวิตคริสเตียน อาจารย์เปาโลได้กล่าวไว้ในจดหมายฝากถึงทิโมธีว่า
2 ทิโมธี 3:16–17 พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การแก้ไขสิ่งผิด และการอบรมในความชอบธรรม เพื่อคนของพระเจ้าจะมีความสามารถและพรักพร้อมเพื่อการดีทุกอย่าง
ในพระธรรมสดุดี 119 ได้บรรยายถึงพระวจนะพระเจ้าที่ให้ความหวังใจ ความชื่นชมยินดี และความมั่นคงอย่างที่สุด หากเราเชื่อไว้วางใจในพระเจ้า เช่น
10 ครั้ง บรรยายถึงความชื่นชมยินดีในพระวจนะ (สดด.119:4, 6, 24, 35, 47, 70, 77, 92, 143, 174)
10 ครั้ง บรรยายถึงความรัก ในพระวจนะ (สดด.119:4, 48, 97, 113, 119, 127, 159, 163, 165, 167)
3 ครั้ง บรรยายถึงความปรารถนาโหยหาในพระวจนะ (สดด.119:20, 40, 131)
2 ครั้ง บรรยายถึงความชื่นบานในพระวจนะ (สดด.119:111, 162)
1 ครั้ง บรรยายถึงความรู้สึกผูกพันกับพระวจนะ (สดด.119:31)
1 ครั้ง บรรยายถึงคุณค่าพระวจนะที่มากยิ่งกว่าทรัพย์สินเงินทอง (สดด.119:72)
1 ครั้ง บรรยายถึงรสชาติของพระวจนะที่หวานกว่าน้ำผึ้ง (สดด.119:103)
1 ครั้ง บรรยายถึงความรู้สึกอัศจรรย์ใจในพระวจนะ (สดด.119:129)
1 ครั้ง บรรยายถึงความรู้สึกอยากจะสรรเสริญพระเจ้าอยู่ตลอดเวลาเมื่ออ่านพระวจนะ (สดด.119:164)
1 ครั้ง บรรยายถึงความรู้สึกอยากจะร้องเพลงเมื่อได้อ่านพระวจนะ (สดด.119:172)
ท่าทีความชื่นบานในพระวจนะเป็นกรอบความคิดหรือ mindset ที่ดีมากๆ ที่จะช่วยให้เราติดสนิทกับพระเจ้า และเมื่อเราใกล้พระเจ้า พระองค์จะเป็นแหล่งแห่งกำลังทั้งสิ้นของเราในการดำเนินชีวิตบนเส้นทางแห่งความเชื่อ เมื่อความชื่นชมยินดีวางอยู่บนรากฐานที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วคือพระวจนะพระเจ้า ความชื่นชมยินดีจะไม่หวั่นไหวไปตามสถานการณ์รอบข้างที่อาจเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
พระเยซูตรัสไว้ว่าชีวิตเราหากเราวางอยู่บนรากฐานแห่งพระวจนะพระเจ้าคือการรู้และเชื่อฟังพระวจนะ เราจะมั่นคงไม่หวั่นไหว แม้จะมีพายุหรือกระแสน้ำเชี่ยวกรากในชีวิตเข้ามาบ้างก็ตาม
ลูกา 6:48–49 เขาเป็นเหมือนคนหนึ่งที่สร้างบ้าน เขาขุดลึกลงไปแล้ววางรากฐานอยู่บนศิลา เมื่อมีน้ำท่วมและมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวมาซัดบ้านนั้น มันก็ไม่หวั่นไหว เพราะถูกสร้างไว้อย่างมั่นคง ส่วนคนที่ได้ยินและไม่ทำตาม ก็เป็นเหมือนคนหนึ่งที่สร้างบ้านอยู่บนดินโดยปราศจากรากฐาน เมื่อมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวมาซัดบ้านนั้น มันก็พังทลายลงทันที และความหายนะของบ้านนั้นก็ยิ่งใหญ่
จริงๆ เราได้รับพระคัมภีร์จากหลากหลายช่องทาง เช่น การมาโบสถ์ฟังเทศนา การเรียนพระวจนะในชั้นรวี การเรียนในกลุ่มสร้างสรรค์ชีวิต (กลุ่มเซล หรือกลุ่มแคร์) การเรียนพระคัมภีร์แบบส่วนตัวกับพี่เลี้ยง หรือช่องทางออนไลน์ผ่าน CGNTV Thai เป็นต้น แต่การได้อ่านพระคัมภีร์ด้วยตัวเราเองจะสามารถจุดประกายจินตนาการของเราได้อย่างมหัศจรรย์เลย
4 วิธีการอ่านพระคัมภีร์สำหรับผู้เชื่อใหม่
1. เริ่มอ่านจากพระคัมภีร์ใหม่ แนะนำให้เริ่มต้นที่พระธรรมมัทธิว
พระธรรมมัทธิวเป็นเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ เมื่อเราได้มาเชื่อวางใจในพระองค์ การได้รู้จักประวัติและสิ่งที่พระองค์ทำจะยิ่งทำให้เรามั่นใจมากขึ้นว่าความเชื่อที่เรามีอยู่บนฐานของความจริงอย่างแน่นอน
2. อ่านช้าๆ ค่อยๆ พิจารณาไม่ต้องรีบร้อน
ให้พระวจนะพูดกับเรา เป็นประสบการณ์ที่ดีที่เราจะค่อยๆ อ่าน รับรู้พระคำพระเจ้าด้วยความซาบซึ้งใจ
3. อ่านอย่างต่อเนื่องทุกวัน
ลองตั้งใจอ่านทีละบท ทีละข้ออย่างต่อเนื่องจนจบทั้งเล่มดู พระคัมภีร์ใหม่มี 27 เล่ม ตั้งแต่มัทธิวไปจนถึงวิวรณ์ จากนั้นกลับมาอ่านพระคัมภีร์เดิม 39 เล่ม ตั้งแต่ปฐมกาลจนจบมาลาคี ถ้าเป็นพระคัมภีร์กระดาษรวมพระคัมภีร์เดิมและใหม่จะประมาณ 1,700 หน้า (ขึ้นอยู่กับเวอร์ชั่น) ลองกะๆ ดูว่าถ้าอ่านวันละ 4–5 หน้าอย่างต่อเนื่องทุกวันก็น่าจะจบได้ใน 1 ปี เชื่อว่าคุณทำได้แน่นอน
4. แบ่งปันความประทับใจ
แต่ละเล่มเราจะเห็นเลขกำกับเป็นเลขบท เนื้อหาจะเห็นเลขข้อกำกับไว้ บทไหนข้อไหนประทับใจ ให้เราแบ่งปันไปให้เพื่อนๆ เพื่อเพิ่มความประทับใจในพระวจนะไปด้วยกัน
1. ไม่เป็นไรอ่านผ่านไปก่อน
บางทีประโยคหรือเนื้อหาต่อไปอาจจะไขความสงสัยได้ แต่ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่ต้องซีเรียส คริสเตียนทุกระดับต่างก็มีข้อสงสัย ข้อไม่เข้าใจกันทั้งนั้น อ่านไปก่อนอย่าเพิ่งถอย
2. ถามเพื่อนๆ หรือพี่ๆ ที่โบสถ์
ประโยชน์ของการไปโบสถ์นอกจากจะได้นมัสการพระเจ้า ฟังคำเทศนา เรียนรวี เรายังมีเพื่อนๆ หรือพี่ๆ ที่สามารถสอบถามเพื่อความเข้าใจพระคัมภีร์ได้ ถ้าบางเรื่องยากหน่อยจะเดินไปหาศิษยาภิบาลก็ไม่มีปัญหานะ
3. ซื้อพระคัมภีร์ฉบับศึกษามาอ่าน
จุดเด่นของพระคัมภีร์ฉบับกระดาษคือจะมีคำอธิบายก่อนเข้าเนื้อหา เราสามารถอ่านบทนำเพื่อเข้าใจภาพรวมในแต่ละเล่มได้ แนะนำให้ซื้อฉบับมาตรฐาน ปี 2011 (THV11) ราคาประมาณ 1,000 บาท
4. หาหนังสืออธิบายพระคัมภีร์มาประกอบ
มีหนังสืออธิบายพระคัมภีร์หรือคู่มือพระคัมภีร์จากหลายสำนักพิมพ์เลย เช่น
หนังสืออธิบายพระคัมภีร์ชุด BKC (The Bible Knowledge Commentary) ของศูนย์ทีรันนัส พระคัมภีร์ใหม่ 1 ชุดมี 8 เล่ม พระคัมภีร์เดิม 1 ชุดเต็มมี 20 เล่ม ซื้อได้ในราคาประมาณ 1,200 และ 2,900 บาท
หรือหนังสืออรรธถาธิบายพระคัมภีร์ของ วอร์เรน ดับเบิลยู วีเอิร์สบี กนกบรรณสาร ราคาเล่มละประมาณ 100–200 บาท
หรือสมาคมพระคริสตธรรมไทย จะมีหนังสือประเภทนี้จำหน่าย ราคาเล่มละ 200–300 บาท
ทั้งหมดสามารถหาซื้อ หรืออ่านในห้องสมุดสถาบันพระคริสตธรรมหรือคริสตจักรได้
5. ศึกษาผ่านช่องทางออนไลน์
แนะนำให้ฟังจากช่องทางของคริสตจักรที่เราเป็นสมาชิกอยู่ก่อน จากนั้นอาจไปฟังจากช่อง CGNTV Thai, CBN, อ่านบทความจากเพจ ChristLike.co เป็นต้น นอกนั้นขอให้ปรึกษาศิษยาภิบาลหรือผู้รู้ก่อนครับ
สรุป
พระคัมภีร์จะได้หลักการที่ดีที่สุดที่คริสเตียนจะเชื่อฟังและปฏิบัติตาม หากเราได้อ่าน ศึกษา ตั้งคำถาม หาคำตอบ และนำไปปฏิบัติ ชีวิตเราจะดำเนินไปอย่างมั่นคงบนเส้นทางแห่งความเชื่อนี้อย่างแน่นอน
1 ทิโมธี 4:16 จงเอาใจใส่ทั้งตัวท่านและคำสอนของท่าน จงประพฤติสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอ เพราะเมื่อทำอย่างนี้แล้ว ท่านจะสามารถช่วยทั้งตัวท่าน และทุกคนที่ฟังท่านให้รอดได้
ความคิดเห็น