John C. Maxwell กล่าวว่า "ยังไม่สำเร็จ หากปราศจากผู้สืบทอด" งานรับใช้ก็เช่นกันแม้คนรุ่นหนึ่งจะทุ่มเทเอาจริงเอาจัง แต่ความรู้สึกนี้ไม่ได้อยู่กับคนอีกรุ่นหนึ่งด้วย เท่ากับว่างานของเรายังไม่สำเร็จจริงๆ เพราะความสำเร็จที่แท้จริงต้องสานต่อได้ แม้รูปแบบอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่หัวใจและภาระใจจะยังคงรักษาให้ร้อนรนในทางพระเจ้าเช่นเดิม
![]() |
รายการ Christian Life Talk "ทำอย่าไรให้เด็กและคนรุ่นใหม่ไม่พรากจากทางพระเจ้า" |
ผู้ใหญ่หลายคนอาจะมองว่าคนรุ่นเขาร้อนรนกับพระเจ้ามากจนทำให้เกิดคริสตจักรเป็นรูปเป็นร่างได้ในปัจจุบัน คนรุ่นต่อไปจะทำได้หรือเปล่า น่าเป็นห่วงวิญญาณและความตั้งใจยังจะร้อนรนเหมือนเขาไหม
โรม 12:11
"… จงมีจิตใจกระตือรือร้นด้วยพระวิญญาณ จงปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า"
พระคัมภีร์ให้แนวคิดเรื่องความกระตือรือร้นเพื่อพระเจ้าตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 แล้ว หากเราที่อยู่ในศตวรรษที่ 21 ยังสามารถรับการถ่ายทอดความกระตือรือร้นนี้มาได้ เราก็น่าจะมีความเชื่อว่าความกระตือรือร้นจะสามารถถ่ายทอดต่อไปยังคนรุ่นต่อไปได้เช่นเดียวกัน ที่เป็นได้เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ในเรา ไม่ใช่เพราะความพยายามกระตุ้นสร้างให้เกิดสภาพที่ดูเหมือนกระตือรือร้นโดยใช้รูปแบบภายนอกเป็นตัววัด
คนรุ่นใหม่ในคริสตจักรมาจากลูกหลานที่เกิดขึ้นจากสมาชิกและเติบโตขึ้นในบรรยากาศคริสเตียน บางคนก็เป็นคนรุ่นใหม่ที่เข้ามารู้จักพระเจ้า แน่นอนคริสตจักรประกอบไปด้วยคนกลุ่มกลุ่มวัย ผู้ใหญ่ต้องระลึกไว้เสมอว่าเราจำเป็นต้องผนวกพี่น้องทุกกลุ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชุมชนของพระเจ้า
ประเด็นที่น่าคิดหากเราต้องการผนึกกำลังคนรุ่นใหม่เข้ามา
1. พ่อแม่และพี่น้องในคริสตจักรต้องรักษาแบบอย่างที่มีความหมายในทางพระเจ้า
คุณค่าแท้ของแบบอย่างคือใจที่รักพระเจ้า อยากติดตามพระเจ้าจากใจจริง และรับใช้เพื่อถวายเกียรติพระองค์ แบบอย่างไม่ได้เป็นสิ่งที่พยายามแสดงออกให้ตัวเองดูดีหรือมีความชอบธรรมสูงส่งกว่าพี่น้อง แต่เป็นชีวิตแท้จริงที่อยากติดตามพระเจ้าอย่างสุดใจ วินัยในการเดินกับพระเจ้าจึงสำคัญ เริ่มต้นจากครอบครัว และท่ามกลางพี่น้องในคริสตจักร เช่น วินัยในการเฝ้าเดี่ยว การมีวินัยในการร่วมสามัคคีธรรมกับพี่น้อง มาโบสถ์ เข้ากลุ่มสร้างชีวิตอย่างสม่ำเสมอ หากทุกคนทำอย่างนั้น คนทุกวัยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่จะมีเพื่อนรุ่นเดียวกันที่รับใช้พระเจ้าไปด้วยกันอย่างต่อเนื่อง
2. ปลูกฝังให้พระเจ้าอยู่ในชีวิตของคนรุ่นใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ
หลีกเลี่ยงการบังคับหรือทำให้กลัว ผู้ใหญ่ในคริสตจักรน่าจะแนะนำ ให้มุมมอง อธิบายอย่างสุดความสามารถ ฟังเขาและให้ความเห็น หนุนใจให้เขาลองร่วมรับใช้ เช่น การเล่นดนตรีนมัสการ, ใช้สื่อสมัยใหม่ช่วยโบสถ์, หนุนใจให้ประกาศ เลี้ยงดู รับใช้พระเจ้า ให้ทำจากการเห็นคุณค่า ไม่ใช่ถูกบังคับ และที่สำคัญอย่าลืมชื่นชมเมื่อเขาได้ทำสิ่งเหล่านั้น
3. อธิบายให้คณะผู้นำในโบสถ์ให้ตระหนักถึงเรื่องนี้ และเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น
คริสตจักรเป็นชุมชน มีผู้ใหญ่ คณะผู้ปกครอง คณะธรรมกิจ ซึ่งทุกคนมีใจรักโบสถ์และมีประสบการณ์มากมายในการรับใช้พระเจ้า ผู้นำในคริสตจักรต้องช่วยกันทำความเข้าใจและตกลงร่วมกันทุกกลุ่มทุกคณะเพื่อให้เกิดการเปิดกว้างให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีบทบาทที่สำคัญๆ ในโบสถ์ และยอมรับให้โอกาสแม้คนรุ่นใหม่อาจจะผิดพลาดบ้าง หรือคณะธรรมกิจอาจะไม่เข้าใจหรือไม่ชอบข้อสรุปหรือสไตล์ โบสถ์ต้องให้โอกาสเสมอ เรื่องนี้ต้องตกลงด้วยกัน
"บางคริสตจักรเปิดกว้างมากในเรื่องดนตรี จนมีการแจกที่อุดหูด้านหน้าประตูเพื่อให้ผู้ใหญ่ที่ไม่ชอบการนมัสการเสียงดังให้อุดเอาไว้ ผมรู้สึกชื่นชมโบสถ์แบบนี้มากเพราะสะท้อนว่าทุกวัยให้ความร่วมมือ พยายามเข้าใจกัน"
4. สอนพระคัมภีร์ให้ลึก
อย่าคิดว่าคนรุ่นใหม่ไม่เข้าใจ เราอาจแปลกใจก็ได้ว่าสิ่งที่เขาเข้าใจอาจเป็นสิ่งที่เราไม่เข้าใจเสียด้วยซ้ำ วัยนี้มีสติปัญญามาก และเมื่อนักเทศน์เทศนาในโบสถ์ นักเทศน์ต้องพยายามปรับตัว เปลี่ยนวิธีการสื่อสารให้ร่วมสมัย เรื่องนี้ถือเป็นความท้าทายที่ผู้ใหญ่ต้องก้าวไปพร้อมๆ กับคนรุ่นใหม่
![]() |
การเทศนาที่ร่วมสมัยต้องเน้นการสื่อสารที่กระชับฉับไว |
ผมจำได้ว่าสมัยผมรับใช้ใหม่ๆ โบสถ์สอนว่าห้ามฟังเพลงร็อค ห้ามฟังเพลงชาวโลก ห้ามดูหนังดูละคร การแต่งกายต้องผูกไท หรือใส่สูทมาโบสถ์ ทั้งหมดนี้เป็นวัฒนธรรมทั้งสิ้น แก่นของความเชื่อเป็นสิ่งที่ต้องยึดถือ นอกเหนือจากนั้นคริสตจักรควรผ่อนคลายลง พยายามเข้าใจ สร้างความเป็นมิตร อาจจะ tone down เรื่องการแต่งกายมาโบสถ์ ปรับระดับภาษา ปรับวิธีการนำเสนอบนเวที อาจะเติมพลังเข้าประเด็น กระชับฉับไวเข้าไป ได้พระคัมภีร์เหมือนกัน แต่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นต้น
คริสตจักรที่อายุเกิน 20 ปี ต้องหันมาสนใจเรื่องนี้อย่างยิ่ง
โพลล์สำรวจความเห็นของคริสเตียนทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 15–22 พ.ย. 2021 จำนวนผู้ตอบ 417 คน ด้วยคำถาม "คุณคิดว่าบรรยากาศและสภาพแวดล้อมของคริสตจักรช่วยให้เด็กและคนรุ่นใหม่เดินติดตามพระเจ้าและรับใช้พระเจ้าอย่างเข้มแข็งได้หรือไม่" พบว่า
78.7% ช่วยได้
15.8% พอช่วยได้
3.6% ไม่แน่ใจ
1.9% ไม่ช่วยเลย
ผลของโพลล์ชี้ให้เห็นว่าบรรยากาศและสภาพแวดล้อมของคริสตจักรส่วนใหญ่ 78.7% ช่วยให้เด็กและคนรุ่นใหม่เดินติดตามพระเจ้าและรับใช้พระเจ้าอย่างเข้มแข็ง โดย 15.8% คิดว่าพอช่วยได้ 5.5% ยังคงไม่แน่ใจและคิดว่าไม่ได้ช่วยเลย
ประเทศไทยกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงวัยมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่คริสตจักรควรทำคือการประสานกับคนรุ่นใหม่อย่างใกล้ชิด ให้โอกาสร่วมรับใช้หรือตัดสินใจในงานที่สำคัญๆ ปรับยืดหยุ่นรูปแบบวัฒนธรรมองค์กรหากเป็นอุปสรรค เพื่อให้คนรุ่นใหม่มีเวทีแสดงความคิดเห็น ไม่รู้สึกแปลกแยก และตระหนักถึงการเป็นส่วนหนึ่งในชุมชนคริสตจักรอย่างต่อเนื่องเสมอ
ความคิดเห็น