โดย กนก ลีฬหเกรียงไกร
เอเสเคียล 34:8-10 พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า เรามีชีวิตอยู่แน่นอนอย่างไร เพราะว่า แกะของเราได้กลายเป็นเหยื่อ และแกะของเรากลายเป็นอาหารของสัตว์ป่าทั้งหมดเพราะไม่มีผู้เลี้ยงแกะ และเพราะพวกผู้เลี้ยงแกะของเราไม่ได้ค้นหาแกะของเรา แต่ผู้เลี้ยงแกะพวกนั้นเลี้ยงตัวเขาเอง และไม่ได้เลี้ยงแกะของเรา เพราะฉะนั้น ผู้เลี้ยงแกะทั้งหลาย จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เราเป็นปฏิปักษ์กับพวกผู้เลี้ยงแกะ และเราจะเรียกร้องเอาแกะของเราจากมือพวกเขา และให้เขาหยุดเลี้ยงแกะ พวกผู้เลี้ยงแกะจะไม่ได้เลี้ยงตัวเองอีกต่อไป เราจะช่วยแกะของเราให้พ้นจากปากของพวกเขา เพื่อไม่ให้แกะเป็นอาหารของเขา
พระเจ้าตักเตือนพิพากษาผู้เลี้ยงที่ไม่ดูแลแกะของพระองค์ ในบริบทตอนนี้หมายรวมถึง กษัตริย์ ปุโรหิต ธรรมาจารย์ ผู้เผยพระวจนะ และบรรดาผู้อาวุโสในยูดาห์ที่ควรทำหน้าที่เลี้ยงดูประชากรอิสราเอลให้มีชีวิตอยู่ในทางพระเจ้า แต่กลับทำในสิ่งตรงกันข้าม คือ เลี้ยงตัวเอง เอาเปรียบเบียดเบียนประชาชน
ในพระธรรมเอเสเคียล บทที่ 22 พูดถึงการเอาเปรียบหญิงม่ายลูกกำพร้า การริบสมบัติอย่างไม่เป็นธรรม การปล่อยให้เกิดเหตุการณ์มลทินมากมาย การข่มขืนล่วงประเวณี รับสินบน ปล่อยกู้และคิดดอกเบี้ยพี่น้องแบบเอาเปรียบ ทำลายชีวิตเพื่อเอากำไรอธรรม ผู้เผยพระวจนะก็แอบอ้างพระนามพระยาเวห์เพื่อทำตามใจตนเองทั้งๆ ที่พระเจ้าไม่ได้ตรัส บีบบังคับคนยากจนและคนต่างด้าว เป็นต้น
พระเจ้ามักเปรียบเทียบประชากรของพระองค์เหมือนดังแกะ เปโตรได้เตือนผู้เลี้ยงไว้ในทำนองเดียวกันให้เลี้ยงดูฝูงแกะให้ดี
1 เปโตร 5:2-3 จงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ท่ามกลางพวกท่าน โดยเอาใจใส่ดูแล ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจ แต่ด้วยความเต็มใจ ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ไม่ใช่ด้วยใจโลภในทรัพย์สิ่งของ แต่ด้วยใจกระตือรือร้น และไม่เป็นเหมือนผู้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มขี่ผู้ที่อยู่ในความดูแล แต่ให้เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น
ฉะนั้นหากเรารู้ตัวว่าเราเป็นผู้เลี้ยง (หมายถึงศิษยาภิบาลและผู้อภิบาลแกะในระดับต่างๆ) สิ่งที่เราต้องตระหนักคือ
1. แกะเป็นของพระเจ้า
2. ดูแลแกะตามพระประสงค์ของพระเจ้า ด้วยความเต็มใจ
3. ไม่เอาเปรียบแกะ เช่น มองแกะเป็นแหล่งหาประโยชน์ ทั้งเงินถวาย คนที่จะมายอมรับยกย่องเราให้การยอมรับสถานภาพพิเศษในสังคมแก่เรา หรือใช้ประโยชน์แกะผ่านสิทธิอำนาจที่พระเจ้าประทานเพื่อเรื่องส่วนตัว
4. เป็นแบบอย่างในทางพระเจ้า แล้วนำด้วยแบบอย่าง ไม่ใช่บีบบังคับแกะ
พระเจ้าผู้เป็นเจ้าของแกะจะเปิดโปงผู้เลี้ยงอธรรม การพิพากษาจะมา การงานที่ลับจะถูกเผยในที่แจ้ง เวลานั้นพระองค์จะเป็นปฏิปักษ์แก่ผู้เลี้ยง (อสค.34:10) ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวครับ
พระเยซูตรัสกับเปโตร และเราก็รับอย่างนั้นด้วย "ท่านรักเราหรือ จงเลี้ยงแกะของเรา" ทำให้เราคิดไปได้ว่า ถ้าไม่ได้เริ่มจากความรักที่เรามีต่อพระองค์แล้ว แกะจะถูกเลี้ยงด้วยท่าทีที่ถูกต้องได้อย่างไร ขอพระเจ้าอวยพระพรผู้เลี้ยงทุกท่านครับ
เอเสเคียล 34:8-10 พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า เรามีชีวิตอยู่แน่นอนอย่างไร เพราะว่า แกะของเราได้กลายเป็นเหยื่อ และแกะของเรากลายเป็นอาหารของสัตว์ป่าทั้งหมดเพราะไม่มีผู้เลี้ยงแกะ และเพราะพวกผู้เลี้ยงแกะของเราไม่ได้ค้นหาแกะของเรา แต่ผู้เลี้ยงแกะพวกนั้นเลี้ยงตัวเขาเอง และไม่ได้เลี้ยงแกะของเรา เพราะฉะนั้น ผู้เลี้ยงแกะทั้งหลาย จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เราเป็นปฏิปักษ์กับพวกผู้เลี้ยงแกะ และเราจะเรียกร้องเอาแกะของเราจากมือพวกเขา และให้เขาหยุดเลี้ยงแกะ พวกผู้เลี้ยงแกะจะไม่ได้เลี้ยงตัวเองอีกต่อไป เราจะช่วยแกะของเราให้พ้นจากปากของพวกเขา เพื่อไม่ให้แกะเป็นอาหารของเขา
พระเจ้าตักเตือนพิพากษาผู้เลี้ยงที่ไม่ดูแลแกะของพระองค์ ในบริบทตอนนี้หมายรวมถึง กษัตริย์ ปุโรหิต ธรรมาจารย์ ผู้เผยพระวจนะ และบรรดาผู้อาวุโสในยูดาห์ที่ควรทำหน้าที่เลี้ยงดูประชากรอิสราเอลให้มีชีวิตอยู่ในทางพระเจ้า แต่กลับทำในสิ่งตรงกันข้าม คือ เลี้ยงตัวเอง เอาเปรียบเบียดเบียนประชาชน
ในพระธรรมเอเสเคียล บทที่ 22 พูดถึงการเอาเปรียบหญิงม่ายลูกกำพร้า การริบสมบัติอย่างไม่เป็นธรรม การปล่อยให้เกิดเหตุการณ์มลทินมากมาย การข่มขืนล่วงประเวณี รับสินบน ปล่อยกู้และคิดดอกเบี้ยพี่น้องแบบเอาเปรียบ ทำลายชีวิตเพื่อเอากำไรอธรรม ผู้เผยพระวจนะก็แอบอ้างพระนามพระยาเวห์เพื่อทำตามใจตนเองทั้งๆ ที่พระเจ้าไม่ได้ตรัส บีบบังคับคนยากจนและคนต่างด้าว เป็นต้น
พระเจ้ามักเปรียบเทียบประชากรของพระองค์เหมือนดังแกะ เปโตรได้เตือนผู้เลี้ยงไว้ในทำนองเดียวกันให้เลี้ยงดูฝูงแกะให้ดี
1 เปโตร 5:2-3 จงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ท่ามกลางพวกท่าน โดยเอาใจใส่ดูแล ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจ แต่ด้วยความเต็มใจ ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ไม่ใช่ด้วยใจโลภในทรัพย์สิ่งของ แต่ด้วยใจกระตือรือร้น และไม่เป็นเหมือนผู้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มขี่ผู้ที่อยู่ในความดูแล แต่ให้เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น
ฉะนั้นหากเรารู้ตัวว่าเราเป็นผู้เลี้ยง (หมายถึงศิษยาภิบาลและผู้อภิบาลแกะในระดับต่างๆ) สิ่งที่เราต้องตระหนักคือ
1. แกะเป็นของพระเจ้า
2. ดูแลแกะตามพระประสงค์ของพระเจ้า ด้วยความเต็มใจ
3. ไม่เอาเปรียบแกะ เช่น มองแกะเป็นแหล่งหาประโยชน์ ทั้งเงินถวาย คนที่จะมายอมรับยกย่องเราให้การยอมรับสถานภาพพิเศษในสังคมแก่เรา หรือใช้ประโยชน์แกะผ่านสิทธิอำนาจที่พระเจ้าประทานเพื่อเรื่องส่วนตัว
4. เป็นแบบอย่างในทางพระเจ้า แล้วนำด้วยแบบอย่าง ไม่ใช่บีบบังคับแกะ
พระเจ้าผู้เป็นเจ้าของแกะจะเปิดโปงผู้เลี้ยงอธรรม การพิพากษาจะมา การงานที่ลับจะถูกเผยในที่แจ้ง เวลานั้นพระองค์จะเป็นปฏิปักษ์แก่ผู้เลี้ยง (อสค.34:10) ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวครับ
พระเยซูตรัสกับเปโตร และเราก็รับอย่างนั้นด้วย "ท่านรักเราหรือ จงเลี้ยงแกะของเรา" ทำให้เราคิดไปได้ว่า ถ้าไม่ได้เริ่มจากความรักที่เรามีต่อพระองค์แล้ว แกะจะถูกเลี้ยงด้วยท่าทีที่ถูกต้องได้อย่างไร ขอพระเจ้าอวยพระพรผู้เลี้ยงทุกท่านครับ
ความคิดเห็น