ทัศนะของผมเกี่ยวกับโรมบทที่ 6–8 เรื่องกฎของพระเจ้า

โดย กนก ลีฬหเกรียงไกร
โรมบทที่ 7 เปาโลได้ให้แนวคิดที่ลึกซึ่งในทัศนะเรื่องธรรมบัญญัติ ที่เป็นเหมือนกฎของพระเจ้า (The Law of God) ที่ชาวยิวถือกันมานาน แต่เปาโลก็ยอมรับว่าทำไม่ได้ แม้ตั้งใจดีก็ตาม
โรม 7:22–23 เพราะ​ว่า​ส่วน​ลึก​ใน​ใจ​ของ​ข้าพเจ้า​นั้น ข้าพเจ้า​ชื่น​ชม​ใน​ธรรม​บัญญัติ​ของ​พระ​เจ้า​ แต่​ข้าพเจ้า​เห็น​มี​กฎ​อีก​อย่าง​หนึ่ง​อยู่​ใน​กาย​ของ​ข้าพเจ้า ซึ่ง​ต่อสู้​กับ​กฎ​แห่ง​จิตใจ​ของ​ข้าพเจ้า และ​ชัก​นำ​ให้​ข้าพเจ้า​อยู่​ใต้​บังคับ​กฎ​แห่ง​บาป ซึ่ง​อยู่​ใน​กาย​ของ​ข้าพเจ้า​
เปาโลให้เหตุผลว่า กฎของพระเจ้าหรือธรรมบัญญัติเป็นสิ่งดีงาม เป็นการบอกให้เรารู้อะไรคือความบาป แต่มีกฎอีกอย่างคือเมื่อเราอยู่ใต้ความบาปคือเราเองที่ถูกขายไว้ให้อยู่ใต้บาป (หมายถึงถูกขายเป็นทาสของบาป) คือกฎของความบาปและความตาย (The law of sin and death — โรม 8:2) ที่ใช้ธรรมบัญญัติหรือกฎของพระเจ้าเพื่อเป็นช่องในการปรักปรำเราว่าเราล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ซึ่งเปาโลยอมรับว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ
โรม 7:14 เรา​รู้​ว่าธรรม​บัญญัติ​นั้น​เป็นมา​โดย​ฝ่าย​พระ​วิญญาณ แต่​ว่า​ข้าพเจ้า​เป็น​มนุษย์​ถูก​ขาย​ไว้​ให้​อยู่​ใต้​บาป​โรม 7:24 โอย ข้าพเจ้า​เป็น​คน​น่า​สมเพช​อะไร​เช่นนี้ ใคร​จะ​ช่วย​ข้าพเจ้า​ให้​พ้น​จาก​ร่างกาย​นี้​ซึ่ง​เป็น​ของ​ความ​ตาย​ได้​โรม 8:2เพราะ​ว่า​กฎ​ของ​พระ​วิญ​ญาณ​แห่ง​ชีวิต​ใน​พระ​เยซู​คริสต์​ได้​ทำ​ให้​ท่าน​พ้น​จาก​กฎ​แห่ง​บาป​และ​ความ​ตาย
ประเด็นใหม่ที่เปาโลอธิบายตอนนี้ที่อยู่เหนือกฎทั้งหลายคือพระกิตติคุณความรอดทางพระเยซูคริสต์ ซึ่งเปาโลใช้คำว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิต (The law of Spirit of life)
โรม 7:25 ข้าพเจ้า​ขอบ​พระ​คุณ​พระ​เจ้า โดย​ทาง​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เรา ฉะนั้น​ทางด้าน​จิตใจ​ของ​ข้าพเจ้า​นั้น ข้าพเจ้า​เชื่อ​ฟัง​กฎ​ของ​พระ​เจ้า แต่​ด้าน​ฝ่าย​เนื้อ​หนัง​ของ​ข้าพเจ้า ข้าพเจ้า​เป็น​ทาส​ของ​กฎ​แห่ง​บาป​
โรม 8:2 เพราะ​ว่า​กฎ​ของ​พระ​วิญญาณ​แห่ง​ชีวิต​ใน​พระ​เยซู​คริสต์​ ได้​ทำ​ให้​ข้าพเจ้า​พ้น​จาก​กฎ​แห่ง​บาป​และ​ความ​ตาย​
กฎของพระวิญญาณแห่งชีวิต (The law of Spirit of life) จึงหมายถึงพระกิตติคุณหรือข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ที่มีผลต่อระบบธรรมบัญญัติ และธรรมชาติของความบาปและความตายของมนุษย์ ซึ่งในโรมบทที่ 8 ได้อธิบายเพิ่มเติบไว้อย่างน่าสนใจ

การกล่าวถึงกฎของพระวิญญาณแห่งชีวิต เป็นการกล่าวเพียงครั้งเดียวในตอนนี้เท่านั้น (โรม 8:2) ถ้าเราพิจารณาบริบทจะกล่าวเพื่อใช้ในการอธิบายโต้ตอบกับกฎของพระเจ้าคือธรรมบัญญัติ และกฎของความบาปและความตาย ประเด็นสำคัญที่สุดคือการอยู่ในพระคริสต์จะช่วยให้เราหลุดจากอำนาจของกฏแห่งความบาปและความตาย
โรม 6:14 บาป​จะ​ไม่​ครอบ​งำ​พวก​ท่าน​ต่อ​ไป เพราะ​ว่า​ท่าน​ไม่​อยู่​ใต้​ธรรม​บัญ​ญัติ แต่​อยู่​ใต้​พระ​คุณ
กาลาเทีย 3:24–26 เพราะ​ฉะนั้น​ธรรม​บัญ​ญัติ​จึง​เป็น​ผู้​ควบ​คุม​ของ​เรา จน​พระ​คริสต์​เสด็จ​มา เพื่อ​เรา​จะ​ถูก​ชำระ​ให้​ชอบ​ธรรม​โดย​ความ​เชื่อ แต่​เมื่อ​ความ​เชื่อ​นั้น​ได้​มา​แล้ว เรา​จึง​ไม่​ได้​อยู่​ใต้​บัง​คับ​ของ​ผู้​ควบ​คุม​อีก​ต่อ​ไป​แล้ว เพราะ​ว่า​พวก​ท่าน​ทุก​คน​เป็น​บุตร​ของ​พระ​เจ้า​โดย​ความ​เชื่อ​ใน​พระ​เยซู​คริสต์
ประเด็นที่น่าสนใจอีกเรื่องคือในโรมบทที่ 8 ช่วงท้ายที่เป็นข้อสรุปตั้งแต่ โรมบที่ 6–8 เรื่องกฏของธรรมบัญญัติ ความบาป และความตาย ที่ทำให้เราติดกับดักจนกระทั่งเราได้พบกับพระคุณความรอดทางพระเยซูคริสต์
โรม 8:31 ถ้า​อย่าง​นั้น สิ่ง​เหล่า​นี้​เรา​จะ​ว่า​อย่าง​ไร? ถ้า​พระ​เจ้า​ทรง​อยู่​ฝ่าย​เรา ใคร​จะ​ขัดขวาง​เรา​ได้?
ในบริบทนี้คำว่า “พระ​เจ้า​ทรง​อยู่​ฝ่าย​เรา” หมายถึงพระคุณของพระเยซูคริสต์ที่ทรงไถ่บาปเรา ทำให้เราหลุดจากการลงโทษจากกฏของธรรมบัญญัติ ความบาป และความตาย
โรม 8:1 เพราะ​ฉะ​นั้น​ไม่​มี​การ​ลง​โทษ​คน​ที่​อยู่​ใน​พระ​เยซู​คริสต์
และคำว่า “ใคร” จึงหมายถึง กฏของธรรมบัญญัติ ความบาป และความตาย และขยายความเพิ่มอีกคือในข้อ 37–39 ที่ไม่สามารถทำให้เราขาดจากพระเยซูคริสต์ได้
โรม 8:38–39 เพราะ​ข้าพ​เจ้า​แน่​ใจ​ว่า แม้​ความ​ตาย หรือ​ชีวิต หรือ​บรร​ดา​ทูต​สวรรค์ หรือ​เทพ​เจ้า หรือ​สิ่ง​ซึ่ง​มี​อยู่​ใน​ปัจ​จุ​บัน​นี้ หรือ​สิ่ง​ซึ่ง​จะ​มี​ใน​ภาย​หน้า หรือ​ฤทธิ์​เดช​ทั้ง​หลาย หรือ​ซึ่ง​สูง หรือ​ซึ่ง​ลึก หรือ​สิ่ง​ใดๆ อื่น​ที่​ได้​ทรง​สร้าง​แล้ว​นั้น จะ​ไม่​สา​มารถ​ทำ​ให้​เรา​ขาด​จาก​ความ​รัก​ของ​พระ​เจ้า ซึ่ง​มี​อยู่​ใน​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เรา​ได้

คำว่า “ใคร” จึงไม่ได้หมายถึง ผู้ต่อต้านงานที่เราตั้งใจทำเพื่อพระเจ้า ถ้าแปลความแบบนั้น จะทำให้แปลคำว่า “พระ​เจ้า​ทรง​อยู่​ฝ่าย​เรา” ในลักษณะตามใจชอบได้ คือจะไปแปลว่าพระเจ้าอยู่ฝ่ายเรา เห็นด้วยกับงานรับใช้หรือความคิดเห็นของเรา “ฉะนั้นจึงไม่มีใครมาต้านทานได้” การแปลแบบนั้นเป็นการแปลแบบมีอคติและสร้างปัญหามาช้านานและเปิดช่องให้คิดไปเองว่าพระเจ้าอยู่ฝ่ายเราเสมอในทุกๆ ความตั้งใจดีของเรา ซึ่งนั่นปิดทางที่จะมีใครมาแนะนำอะไรก็ตาม เพราะหากคำแนะนำสวนทางกับความตั้งใจดีของเรา ก็จะมองว่าเขาเป็นคนต่อต้านเราและเราพร้อมจะยกคำว่าพระเจ้าอยู่ฝ่ายเราขึ้นต่อสู้เสมอ
สงครามครูเสดก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน คำที่ฮิตมากในตอนนั้นคือ God wills it อะไรๆ ก็อ้างว่าเพราะเป็นพระประสงค์พระเจ้า สุดท้ายก็รบราฆ่าฟันคนเห็นต่างไป 200 ปี

Eaton, Michael. No Condemnation: A Theology of Assurance of Salvation. Intervarsity Press, 2011.

ความคิดเห็น