โดย กนก ลีฬหเกรียงไกร
โรมบทที่ 7 เปาโลได้ให้แนวคิดที่ลึกซึ่งในทัศนะเรื่องธรรมบัญญัติ ที่เป็นเหมือนกฎของพระเจ้า (The Law of God) ที่ชาวยิวถือกันมานาน แต่เปาโลก็ยอมรับว่าทำไม่ได้ แม้ตั้งใจดีก็ตาม
การกล่าวถึงกฎของพระวิญญาณแห่งชีวิต เป็นการกล่าวเพียงครั้งเดียวในตอนนี้เท่านั้น (โรม 8:2) ถ้าเราพิจารณาบริบทจะกล่าวเพื่อใช้ในการอธิบายโต้ตอบกับกฎของพระเจ้าคือธรรมบัญญัติ และกฎของความบาปและความตาย ประเด็นสำคัญที่สุดคือการอยู่ในพระคริสต์จะช่วยให้เราหลุดจากอำนาจของกฏแห่งความบาปและความตาย
คำว่า “ใคร” จึงไม่ได้หมายถึง ผู้ต่อต้านงานที่เราตั้งใจทำเพื่อพระเจ้า ถ้าแปลความแบบนั้น จะทำให้แปลคำว่า “พระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา” ในลักษณะตามใจชอบได้ คือจะไปแปลว่าพระเจ้าอยู่ฝ่ายเรา เห็นด้วยกับงานรับใช้หรือความคิดเห็นของเรา “ฉะนั้นจึงไม่มีใครมาต้านทานได้” การแปลแบบนั้นเป็นการแปลแบบมีอคติและสร้างปัญหามาช้านานและเปิดช่องให้คิดไปเองว่าพระเจ้าอยู่ฝ่ายเราเสมอในทุกๆ ความตั้งใจดีของเรา ซึ่งนั่นปิดทางที่จะมีใครมาแนะนำอะไรก็ตาม เพราะหากคำแนะนำสวนทางกับความตั้งใจดีของเรา ก็จะมองว่าเขาเป็นคนต่อต้านเราและเราพร้อมจะยกคำว่าพระเจ้าอยู่ฝ่ายเราขึ้นต่อสู้เสมอ
โรมบทที่ 7 เปาโลได้ให้แนวคิดที่ลึกซึ่งในทัศนะเรื่องธรรมบัญญัติ ที่เป็นเหมือนกฎของพระเจ้า (The Law of God) ที่ชาวยิวถือกันมานาน แต่เปาโลก็ยอมรับว่าทำไม่ได้ แม้ตั้งใจดีก็ตาม
โรม 7:22–23 เพราะว่าส่วนลึกในใจของข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าชื่นชมในธรรมบัญญัติของพระเจ้า แต่ข้าพเจ้าเห็นมีกฎอีกอย่างหนึ่งอยู่ในกายของข้าพเจ้า ซึ่งต่อสู้กับกฎแห่งจิตใจของข้าพเจ้า และชักนำให้ข้าพเจ้าอยู่ใต้บังคับกฎแห่งบาป ซึ่งอยู่ในกายของข้าพเจ้าเปาโลให้เหตุผลว่า กฎของพระเจ้าหรือธรรมบัญญัติเป็นสิ่งดีงาม เป็นการบอกให้เรารู้อะไรคือความบาป แต่มีกฎอีกอย่างคือเมื่อเราอยู่ใต้ความบาปคือเราเองที่ถูกขายไว้ให้อยู่ใต้บาป (หมายถึงถูกขายเป็นทาสของบาป) คือกฎของความบาปและความตาย (The law of sin and death — โรม 8:2) ที่ใช้ธรรมบัญญัติหรือกฎของพระเจ้าเพื่อเป็นช่องในการปรักปรำเราว่าเราล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ซึ่งเปาโลยอมรับว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ
โรม 7:14 เรารู้ว่าธรรมบัญญัตินั้นเป็นมาโดยฝ่ายพระวิญญาณ แต่ว่าข้าพเจ้าเป็นมนุษย์ถูกขายไว้ให้อยู่ใต้บาปโรม 7:24 โอย ข้าพเจ้าเป็นคนน่าสมเพชอะไรเช่นนี้ ใครจะช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากร่างกายนี้ซึ่งเป็นของความตายได้โรม 8:2เพราะว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์ได้ทำให้ท่านพ้นจากกฎแห่งบาปและความตายประเด็นใหม่ที่เปาโลอธิบายตอนนี้ที่อยู่เหนือกฎทั้งหลายคือพระกิตติคุณความรอดทางพระเยซูคริสต์ ซึ่งเปาโลใช้คำว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิต (The law of Spirit of life)
โรม 7:25 ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้า โดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ฉะนั้นทางด้านจิตใจของข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าเชื่อฟังกฎของพระเจ้า แต่ด้านฝ่ายเนื้อหนังของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเป็นทาสของกฎแห่งบาป
โรม 8:2 เพราะว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์ ได้ทำให้ข้าพเจ้าพ้นจากกฎแห่งบาปและความตายกฎของพระวิญญาณแห่งชีวิต (The law of Spirit of life) จึงหมายถึงพระกิตติคุณหรือข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ที่มีผลต่อระบบธรรมบัญญัติ และธรรมชาติของความบาปและความตายของมนุษย์ ซึ่งในโรมบทที่ 8 ได้อธิบายเพิ่มเติบไว้อย่างน่าสนใจ
การกล่าวถึงกฎของพระวิญญาณแห่งชีวิต เป็นการกล่าวเพียงครั้งเดียวในตอนนี้เท่านั้น (โรม 8:2) ถ้าเราพิจารณาบริบทจะกล่าวเพื่อใช้ในการอธิบายโต้ตอบกับกฎของพระเจ้าคือธรรมบัญญัติ และกฎของความบาปและความตาย ประเด็นสำคัญที่สุดคือการอยู่ในพระคริสต์จะช่วยให้เราหลุดจากอำนาจของกฏแห่งความบาปและความตาย
โรม 6:14 บาปจะไม่ครอบงำพวกท่านต่อไป เพราะว่าท่านไม่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ แต่อยู่ใต้พระคุณ
กาลาเทีย 3:24–26 เพราะฉะนั้นธรรมบัญญัติจึงเป็นผู้ควบคุมของเรา จนพระคริสต์เสด็จมา เพื่อเราจะถูกชำระให้ชอบธรรมโดยความเชื่อ แต่เมื่อความเชื่อนั้นได้มาแล้ว เราจึงไม่ได้อยู่ใต้บังคับของผู้ควบคุมอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าพวกท่านทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้าโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ประเด็นที่น่าสนใจอีกเรื่องคือในโรมบทที่ 8 ช่วงท้ายที่เป็นข้อสรุปตั้งแต่ โรมบที่ 6–8 เรื่องกฏของธรรมบัญญัติ ความบาป และความตาย ที่ทำให้เราติดกับดักจนกระทั่งเราได้พบกับพระคุณความรอดทางพระเยซูคริสต์
โรม 8:31 ถ้าอย่างนั้น สิ่งเหล่านี้เราจะว่าอย่างไร? ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเราได้?ในบริบทนี้คำว่า “พระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา” หมายถึงพระคุณของพระเยซูคริสต์ที่ทรงไถ่บาปเรา ทำให้เราหลุดจากการลงโทษจากกฏของธรรมบัญญัติ ความบาป และความตาย
โรม 8:1 เพราะฉะนั้นไม่มีการลงโทษคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์และคำว่า “ใคร” จึงหมายถึง กฏของธรรมบัญญัติ ความบาป และความตาย และขยายความเพิ่มอีกคือในข้อ 37–39 ที่ไม่สามารถทำให้เราขาดจากพระเยซูคริสต์ได้
โรม 8:38–39 เพราะข้าพเจ้าแน่ใจว่า แม้ความตาย หรือชีวิต หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือเทพเจ้า หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งซึ่งจะมีในภายหน้า หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย หรือซึ่งสูง หรือซึ่งลึก หรือสิ่งใดๆ อื่นที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้น จะไม่สามารถทำให้เราขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้
คำว่า “ใคร” จึงไม่ได้หมายถึง ผู้ต่อต้านงานที่เราตั้งใจทำเพื่อพระเจ้า ถ้าแปลความแบบนั้น จะทำให้แปลคำว่า “พระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา” ในลักษณะตามใจชอบได้ คือจะไปแปลว่าพระเจ้าอยู่ฝ่ายเรา เห็นด้วยกับงานรับใช้หรือความคิดเห็นของเรา “ฉะนั้นจึงไม่มีใครมาต้านทานได้” การแปลแบบนั้นเป็นการแปลแบบมีอคติและสร้างปัญหามาช้านานและเปิดช่องให้คิดไปเองว่าพระเจ้าอยู่ฝ่ายเราเสมอในทุกๆ ความตั้งใจดีของเรา ซึ่งนั่นปิดทางที่จะมีใครมาแนะนำอะไรก็ตาม เพราะหากคำแนะนำสวนทางกับความตั้งใจดีของเรา ก็จะมองว่าเขาเป็นคนต่อต้านเราและเราพร้อมจะยกคำว่าพระเจ้าอยู่ฝ่ายเราขึ้นต่อสู้เสมอ
สงครามครูเสดก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน คำที่ฮิตมากในตอนนั้นคือ God wills it อะไรๆ ก็อ้างว่าเพราะเป็นพระประสงค์พระเจ้า สุดท้ายก็รบราฆ่าฟันคนเห็นต่างไป 200 ปี
Eaton, Michael. No Condemnation: A Theology of Assurance of Salvation. Intervarsity Press, 2011.
ความคิดเห็น