7 อุปสรรคที่ทำให้พี่น้องต่างคริสตจักรอาจจะระแวงกัน

สังคมมีความขัดแย้งมากพอแล้วไม่ว่าจะมีคริสเตียนอยู่หรือไม่อยู่ในสังคมนั้นๆ แม้โดยอุดมคติเราอยากเห็นคริสเตียนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แต่ความเป็นจริงเมื่ออยู่ต่างคริสตจักร ต่างคณะนิกาย ต่างถิ่น ต่างวัฒนธรรม เมื่อมาพบกันอาจเกิดความระแวงไม่ไว้วางใจกัน แท้จริงเรื่องนี้เกิดขึ้นตลอดประวัติศาสตร์คริสตจักร สมัยอัครทูตมีผู้สอนผิดจาริกไปทั่วเพื่อล่อลวงผู้เชื่อให้หลงผิด มีอัครทูตเทียมเท็จสอนผิดไปจากพระคัมภีร์ มีกลุ่มความเชื่อที่สอนพระคัมภีร์แต่สอนไม่ถูกต้องเช่น กลุ่มนอสติก และกลุ่มเอเรียส เป็นต้น
ที่อาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซู พระองค์ทรงย้ำในหลายๆ เรื่องโดยเฉพาะความรักความเป็นหนึ่งเดียวกัน
Ray Bakke ให้ความเห็นไว้ว่าอุปสรรคการสื่อสารกันระหว่างพี่น้องต่างโบสถ์เกิดขึ้นเสมอแม้ในปัจจุบัน แม้ลึกๆ คริสเตียนจะตระหนักว่าต่างคนก็ต่างเป็นลูกพระเจ้าเหมือนกัน ให้เรามาดู 7 อุปสรรคที่ทำให้พี่น้องต่างคริสตจักรอาจะระแวงกัน แต่ขอให้เราเรียนรู้เพื่อเราจะพยายามที่สุดที่จะปรับตัวของเราให้ไม่เป็นอุปสรรคเหล่านี้
1. เวลาของเราหมดไปกับการกิจกรรมในโบสถ์ของเราที่เต็มไปด้วยโปรแกรมมากมาย (Hyperactive church program) จนไม่สามารถเงยหน้ามาดูพี่น้องต่างคริสตจักรได้

2. หลายครั้งเราไม่มีเวลาและไม่มีใครกล้าคิดที่จะรวบรวมพี่น้องต่างคริสตจักรเพื่อสังสรรค์แบบไม่เป็นทางการ เช่นทานข้าว เล่นกีฬา หรืออธิษฐานด้วยกันเป็นครั้งคราว เพราะกลัวว่าจะถูกพี่น้องในคริสตจักรมองเป็นเรื่องเสียเวลาและเกรงว่าจะไม่มีใครมา

3. บางคริสตจักรมีหลักข้อเชื่อหรือพฤติกรรมที่ดูคุกคามดุดัน เช่น เจอกันแทนที่จะยินดีก็มักใช้คำถามเชิงตรวจสอบหลักข้อเชื่อ จับผิดคำพูด โอ้อวดจุดแข็งจำนวนสมาชิกในคริสตจักร หรือบางคนก็อาจแสดงสีหน้าไม่เป็นมิตร เป็นต้น

4. คริสเตียนบางคนไม่กล้าไปร่วมสังสรรค์สามัคคีธรรมกับพี่น้องต่างคริสตจักรเพราะคิดว่าตัวเองมีความรู้พระคัมภีร์ไม่มากพอ กลัวจะพูดถูกพูดผิด และจะทำให้เสียหน้าท่ามกลางพี่น้องต่างคริสตจักร

5. บางครั้งการรับใช้อย่างเอาจริงเอาจังทำให้เรามองคริสตจักรอื่นเป็นคู่แข่งมากกว่าพี่น้องร่วมพระกายพระคริสต์

6. การแยกกันของนิกายตลอดประวัติศาสตร์คริสตจักรทำให้เกิดการรับใช้เพื่อโปรโมทนิกายของตนเองให้โดดเด่นกว่าคนอื่น เมื่อมาพบกับพี่น้องต่างนิกายก็มองกันด้วยความระแวงสงสัย

7. รากภาษาและวัฒนธรรมย่อยที่แตกต่างกันจนเกินไปจนไม่สามารถเข้าไปทำความรู้จักกันอย่างต่อเนื่องได้

การประสานเป็นหนึ่งเดียวอาจจะไม่ใช่ประเด็นเดียวที่เราควรให้น้ำหนักมากกว่าการรับใช้พระเจ้าในคริสตจักรท้องถิ่นและการประกาศข่าวประเสริฐไปในพื้นที่วัฒนธรรมของเรา แต่การทำความรู้จักในหมู่พี่น้องคริสเตียนแม้อยู่คนละกลุ่มหรือมีแนวทางที่แตกต่างกันเป็นสิ่งดีมาก เราอาจสามารถรับใช้ร่วมกัน รักษาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในพระวรกายของพระคริสต์ สร้างความรักความไว้วางใจในหมู่พี่น้องในพื้นที่เดียวกัน

เราต้องตระหนักร่วมกันว่า พระเยซูได้สอนเราไว้ให้เรารักกันและกันและอัครทูตเปาโลได้หนุนใจให้คริสเตียนรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน (ยอห์น 13:34-35; 1 ยอห์น 3:23; เอเฟซัส 2:14, 4:3; ฟิลิปปี 2:2)

สิ่งที่เราควรทำคือเราอาจต้อง "สงวนจุดต่าง ประสานจุดร่วม" คือหากมีความต่างกันที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดหลักข้อเชื่อสำคัญเรื่องพระเยซูคริสต์ ก็อาจมองข้ามไปก่อน และประสานจุดร่วมคือการหนุนใจกัน การรู้จักกัน การรักกันฉันพี่น้อง เป็นสิ่งที่พระคัมภีร์สอนและคริสเตียนทุกคนปฏิบัติอยู่แล้ว ก็ขอให้นำสิ่งนี้มาปฏิบัติต่อกันและกันด้วยแม้จะมาจากต่างคริสตจักรก็ตาม

ฉะนั้นบางครั้งบางคราวเราอาจจะพบว่ามีการจัด Christian Networking ซึ่งเป็นการพบกันแบบไม่เป็นทางการ ไม่มีโครงสร้างอภิบาลใดใด เพียงแต่มารู้จักกัน เข้าใจกัน ช่วยเหลือกันฉันพี่น้อง เราจะตระหนักว่าการรับใช้ของเราจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแต่จะมีพี่น้องคอยช่วยเหลือ เอาใจช่วย และอธิษฐานเผื่อเราด้วย ซึ่งเป็นพรต่อเรามากเลยทีเดียวครับ

อ้างอิง
Bakke, Ray. The Urban Christian. IL: Intervarsity Press, 1987. 

ความคิดเห็น

Yuiws กล่าวว่า
Good points. Thanks for sharing.