โดย กนก ลีฬหเกรียงไกร
17 ต.ค.1967 ผู่อี๋ (Puyi, 1906-1967) จักรพรรดิองค์สุดท้ายได้จากไปด้วยมะเร็งไตและโรคหัวใจ รวมสิริอายุได้ 61 พรรษา แต่พระศพถูกฝังในสุสานธรรมดาจนกระทั่งปี 1995 ทางการได้อนุญาตให้ย้ายเถ้ากระดูกไปฝังที่สุสานราชวงศ์ชิงใกล้กับสุสานของ จักรพรรดิกวางสู (Guang Xu) ได้
ผู่อี๋เป็นจักรพรรดิหุ่นเชิดจากการสถาปนาของซูสีไทเฮา ขณะนั้นเป็นยุคล่าอาณานิคม บ้านเมืองลุกเป็นไฟ อังกฤษชนะจีนได้ในสงครามฝิ่น เกิดการจราจลในยุคนายพลเรืองอำนาจ (Warlord) จนกระทั่งซุนยัดเซนร่วมมือกับกองกำลังประชาชนสามารถเปลี่ยนจีนให้กลายเป็นระบอบสาธารณรัฐสำเร็จโดยให้นายพล หยวน ซื่อข่าย นายพลที่คุมกองกำลังมากที่สุดในเวลานั้นเป็นประธานาธิบดี
แต่หยวน ซื่อข่าย กลับพยายามรื้อฟื้นระบอบจักรพรรดิตั้งตัวเองเป็นราชวงศ์ใหม่ จนเหตุการณ์วุ่นวาย นั่งบัลลังก์จักรพรรดิได้เพียงปีเดียวก็ป่วยถึงอสัญกรรม ความวุ่นวายจึงไม่สงบจนกระทั่งยุคก๊กมินตั๋ง ตอนนั้นผู่อี๋ยังเด็ก ไม่รู้ถึงความเปลี่ยนแปลงแปลงใดใดจนกระทั่งถูกพรรคก๊กมินตั๋งบังคับให้สละราชสมบัติ ผู่อี๋จึงต้องร่อนเรพเนจรออกจากวังไปแต่กระนั้นก็เสพสุขมากมากมายด้วยเงินจากการขายสมบัติอันล้ำค่าของราชวงศ์
ผู่อี๋ถูกใช้โดยกองทัพญี่ปุ่นให้เป็นจักรพรรดิหุ่นเชิดในแคว้นแมนจูกัวช่วงหนึ่ง หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายให้แก่รัสเซีย ผู่อี๋หนีไปรัสเซีย แต่ก็ถูกส่งกลับมายังจีนในขณะที่เหมาเจ๋อตุง ชนะก๊กมินตั๋งไปแล้ว ผู่อี๋ถูกจับเข้าคุกและอบรมบ่มนิสัยให้เป็นพลเมืองในระบอบคอมมิวนิสต์ ซึ่งเขาก็ปรับตัวได้ดีจนถูกปล่อยออกจากคุก และถูกส่งมาทำงานเป็นชาวสวนในวังของตัวเอง จากนั้นผู่อี๋แต่งงานใหม่ ต่อมาเขาถูกยกขึ้นเป็นผู้นำวงในของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจนวาระสุดท้ายของชีวิต
ตลอดประวัติศาสตร์จีนจะมีเรื่องราวแห่งความยิ่งใหญ่เมื่อต้นราชวงศ์ และเรื่องราวแห่งความเศร้าสร้อยเมื่อจบราชวงศ์แบบนี้เสมอ
![]() |
ผู้อี๋ในวัย 3 ขวบ (ยืน) ปี ค.ศ.1909 |
![]() |
สุสานเล็กๆ ของผู่อี๋ |
![]() |
นายพลหยวน ซี่อข่าย |
![]() |
ชีวิตในแคว้นแมนจูกัว |
ตลอดประวัติศาสตร์จีนจะมีเรื่องราวแห่งความยิ่งใหญ่เมื่อต้นราชวงศ์ และเรื่องราวแห่งความเศร้าสร้อยเมื่อจบราชวงศ์แบบนี้เสมอ
ความคิดเห็น