โดย กนก ลีฬหเกรียงไกร
ลัทธิพยานพระยะโฮวาห์ (Jehovah’s Witnesses) ก่อตั้งโดย ชาร์ลส์ เทส รัสเซลล์ (Charles Taze Russell) ในปี ค.ศ.1879 โดยออกมาจากเซ่เวนธ์เดย์เอ็ดเวนตีส อีกที ลัทธินี้มีชื่อเรียกอีกหลายชื่อ
ต่อมารัสเซลล์เกิดขัดแย้งกับกลุ่มเซ่เวนธ์เดย์ โดยเขาไม่เห็นด้วยกับการตีความพระคัมภีร์ของกลุ่มเซ่เวนธ์เดย์ เขาจึงเขียนหนังสือ The Object and Manner of the Lord’s Return (พิมพ์ในปี 1877) โดยการเอาพระคัมภีร์โยงเป็นเรื่องราวขึ้นมา ทำนายว่าพระเยซูจะกลับมาในปี 1874 แต่เมื่อไม่เป็นจริงก็เปลี่ยนเป็นปี 1914 ซึ่งพระเยซูก็ไม่ได้เสด็จมา จึงเปลี่ยนคำสอนเป็นพระเยซูกลับมาแล้วในโลกฝ่ายวิญญาณไม่ใช่ฝ่ายร่างกาย
เรื่องพระเจ้าผู้ทรงเป็นตรีเอกานุภาพ เป็นปัญหามากสำหรับพยานพระยะโฮวาห์
พยานพระยะโฮวาห์ไม่เชื่อเรื่องตรีเอกานุภาพ แต่เชื่อพระเจ้าพระเยโฮวาห์เท่านั้น และได้อธิบายความเชื่อเรื่องตรีเอกานุภาพของคริสเตียนทั่วไปว่าผิด เพราะพระคัมภีร์ไม่ได้พูดถึงคำว่าตรีเอกานุภาพ และยังอธิบายว่าที่คริสเตียนเชื่อเรื่องนี้เพราะมีฐานความคิดมาจากความเชื่อศาสนาอื่น เช่น พระเจ้าของศาสนาฮินดูมี 3 พระภาค คือ พระพรหม พระนารายณ์ พระศิวะ หรือพระเจ้าของบาบิโลน มี 3 เศียรในเศียรเดียว เป็นต้น
แต่เราพบว่า ในปฐก. 1:26 "แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ให้เรา (Let us) สร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา" พระเจ้าใช้คำที่เป็นพหูพจน์
การทรงสร้างในปฐก.1:2-3 "..และพระวิญญาณของพระเจ้าปกอยู่เหนือน้ำนั้น พระเจ้าตรัสว่า "จงเกิดความสว่าง" ความสว่างก็เกิดขึ้น" พระวิญญาณอยู่ตรงนั้นแล้ว
และใน ยอห์น 1:1 "ในปฐมกาลพระวาทะดำรงอยู่ และพระวาทะทรงสถิตอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า" ยอห์นหมายถึงพระเยซูคริสต์ซึ่งทรงมีอยู่แล้วตั้งแต่ปฐมกาล
พระเยซูเป็นปัญหาใหญ่ของพยานพระยะโฮวาห์
พยานพระยะโฮวาห์ยืนยันว่าพระเยซูเป็นทูตสวรรค์มีคาเอลมาก่อน แต่อิสยาห์ยืนยันว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า ไม่ได้ถูกสร้างโดยพระเจ้า
อิสยาห์ 9:6 ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา และการปกครองจะอยู่บนบ่าของท่าน และเขาจะขนานนามของท่านว่า “ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ และองค์สันติราช”
สถานะของพระเยซูในทัศนะของพระยานพระยะโฮวาห์จึงต่ำกว่าพระเจ้า โดยเฉพาะเมื่อพระเยซูทรงเชื่อฟังพระบิดา แทนที่จะมองว่าพระองค์ทรงถ่อมพระทัย กลับมองว่าพระองค์มีสถานะที่ต่ำกว่า อย่างไรก็ตามพระเยซูทรงยืนยันความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระเจ้าพระบิดา
ยอห์น 10:30 เรากับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ฟีลิปปี 2:6 ผู้ทรงสภาพเป็นพระเจ้า ไม่ทรงถือว่าความทัดเทียมกับพระเจ้าเป็นสิ่งที่จะต้องยึดไว้
ฟีลิปปี 2:8 พระองค์ทรงถ่อมพระองค์ลง ทรงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งมรณาบนกางเขน
โดยมองว่าพระวิญญาณเป็นเพียงพลังงานไม่ใช่ทั้งพระเจ้าและบุคคล แต่หากถ้าพระวิญญาณเป็นพลังงานจริง พระองค์จะเสียพระทัยได้อย่างไร
เอเฟซัส 4:30 "และอย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียพระทัย ด้วยพระวิญญาณนั้นท่านได้รับการประทับตราไว้สำหรับวันที่จะได้รับการไถ่"
พยานพระยะโฮวาห์ไม่เชื่อเรื่องนรก จึงสอนว่าไม่มีนรกและการพิพากษา
อย่างไรก็ตามพระคัมภีร์พูดชัดว่ามีการพิพากษามีแน่และนรกก็มีจริง
มัทธิว 10:28 อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่สามารถฆ่าจิตวิญญาณ แต่จงกลัวพระองค์ผู้ทรงสามารถทำลายทั้งจิตวิญญาณและกายในนรกได้
วิวรณ์ 19:20 แต่สัตว์ร้ายนั้นถูกจับพร้อมกับผู้เผยพระวจนะเท็จผู้ที่ทำหมายสำคัญต่อหน้ามัน และใช้หมายสำคัญนั้นล่อลวงคนทั้งหลายที่ได้รับเครื่องหมายของสัตว์ร้าย และคนทั้งหลายที่บูชารูปของมัน ทั้งสองถูกโยนลงไปทั้งเป็นในบึงไฟที่ลุกไหม้ด้วยกำมะถัน
หลักข้อเชื่อของพยานพระยะโฮวาห์จะยืนยันความเป็นพระเจ้าเดียวของพระเจ้า โดยไม่มีลักษณะของตรีเอกานุภาพ ซึ่งไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะเรื่องนี้มีการถกเถียงตั้งแต่คริสตจักรสมัยแรกซึ่งภายหลังในปี ค.ศ.325 คริสตจักรได้สรุปหลักข้อเชื่ออัครทูตซึ่งเป็นหลักข้อเชื่อของคริสตจักรสากลโดยศึกษาและสรุปเรื่องตรีเอกานุภาพไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งระหว่างทางมีบางกลุ่มคัดค้านมาโดยตลอดแต่ไม่มากนัก และหากเรามองพระคัมภีร์ด้วยใจเที่ยงธรรม เราจะพบความจริงนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
![]() |
ชาร์ลส์ เทส รัสเซลล์ ผู้ก่อตั้งพยานพระยะโฮวาห์ |
- พยานพระยะโฮวาห์ (Jehovah’s Witness)
- Watchtower Bible & Tract Society (WBTS)
- Watch Tower Organization (หอสังเกตการณ์)
- International Bible Student Association
- Millennial Dawn (ยุคพันปี)
ต่อมารัสเซลล์เกิดขัดแย้งกับกลุ่มเซ่เวนธ์เดย์ โดยเขาไม่เห็นด้วยกับการตีความพระคัมภีร์ของกลุ่มเซ่เวนธ์เดย์ เขาจึงเขียนหนังสือ The Object and Manner of the Lord’s Return (พิมพ์ในปี 1877) โดยการเอาพระคัมภีร์โยงเป็นเรื่องราวขึ้นมา ทำนายว่าพระเยซูจะกลับมาในปี 1874 แต่เมื่อไม่เป็นจริงก็เปลี่ยนเป็นปี 1914 ซึ่งพระเยซูก็ไม่ได้เสด็จมา จึงเปลี่ยนคำสอนเป็นพระเยซูกลับมาแล้วในโลกฝ่ายวิญญาณไม่ใช่ฝ่ายร่างกาย
เรื่องพระเจ้าผู้ทรงเป็นตรีเอกานุภาพ เป็นปัญหามากสำหรับพยานพระยะโฮวาห์
พยานพระยะโฮวาห์ไม่เชื่อเรื่องตรีเอกานุภาพ แต่เชื่อพระเจ้าพระเยโฮวาห์เท่านั้น และได้อธิบายความเชื่อเรื่องตรีเอกานุภาพของคริสเตียนทั่วไปว่าผิด เพราะพระคัมภีร์ไม่ได้พูดถึงคำว่าตรีเอกานุภาพ และยังอธิบายว่าที่คริสเตียนเชื่อเรื่องนี้เพราะมีฐานความคิดมาจากความเชื่อศาสนาอื่น เช่น พระเจ้าของศาสนาฮินดูมี 3 พระภาค คือ พระพรหม พระนารายณ์ พระศิวะ หรือพระเจ้าของบาบิโลน มี 3 เศียรในเศียรเดียว เป็นต้น
แต่เราพบว่า ในปฐก. 1:26 "แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ให้เรา (Let us) สร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา" พระเจ้าใช้คำที่เป็นพหูพจน์
การทรงสร้างในปฐก.1:2-3 "..และพระวิญญาณของพระเจ้าปกอยู่เหนือน้ำนั้น พระเจ้าตรัสว่า "จงเกิดความสว่าง" ความสว่างก็เกิดขึ้น" พระวิญญาณอยู่ตรงนั้นแล้ว
และใน ยอห์น 1:1 "ในปฐมกาลพระวาทะดำรงอยู่ และพระวาทะทรงสถิตอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า" ยอห์นหมายถึงพระเยซูคริสต์ซึ่งทรงมีอยู่แล้วตั้งแต่ปฐมกาล
พระเยซูเป็นปัญหาใหญ่ของพยานพระยะโฮวาห์
![]() |
ลักษณะการตรึงกางเขนในทัศนะของพยานพระยะโฮวาห์ |
อิสยาห์ 9:6 ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา และการปกครองจะอยู่บนบ่าของท่าน และเขาจะขนานนามของท่านว่า “ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ และองค์สันติราช”
สถานะของพระเยซูในทัศนะของพระยานพระยะโฮวาห์จึงต่ำกว่าพระเจ้า โดยเฉพาะเมื่อพระเยซูทรงเชื่อฟังพระบิดา แทนที่จะมองว่าพระองค์ทรงถ่อมพระทัย กลับมองว่าพระองค์มีสถานะที่ต่ำกว่า อย่างไรก็ตามพระเยซูทรงยืนยันความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระเจ้าพระบิดา
ยอห์น 10:30 เรากับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ฟีลิปปี 2:6 ผู้ทรงสภาพเป็นพระเจ้า ไม่ทรงถือว่าความทัดเทียมกับพระเจ้าเป็นสิ่งที่จะต้องยึดไว้
ฟีลิปปี 2:8 พระองค์ทรงถ่อมพระองค์ลง ทรงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งมรณาบนกางเขน
ทัศนะเรื่องความเป็นพระเจ้าของพระเยซูที่เท่าเทียมกับพระบิดาและพระวิญญาณ เป็นทัศนะที่ต้องระมัดระวังให้ดี เพราะหากเราไม่มองพระเยซูเป็นพระเจ้า พระโลหิตของพระองค์คงมีความหมายเท่ากับโลหิตของมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพลังงานเท่านั้นในทัศนะของพยานพระยะโฮวาห์
โดยมองว่าพระวิญญาณเป็นเพียงพลังงานไม่ใช่ทั้งพระเจ้าและบุคคล แต่หากถ้าพระวิญญาณเป็นพลังงานจริง พระองค์จะเสียพระทัยได้อย่างไร
เอเฟซัส 4:30 "และอย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียพระทัย ด้วยพระวิญญาณนั้นท่านได้รับการประทับตราไว้สำหรับวันที่จะได้รับการไถ่"
พยานพระยะโฮวาห์ไม่เชื่อเรื่องนรก จึงสอนว่าไม่มีนรกและการพิพากษา
อย่างไรก็ตามพระคัมภีร์พูดชัดว่ามีการพิพากษามีแน่และนรกก็มีจริง
มัทธิว 10:28 อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่สามารถฆ่าจิตวิญญาณ แต่จงกลัวพระองค์ผู้ทรงสามารถทำลายทั้งจิตวิญญาณและกายในนรกได้
วิวรณ์ 19:20 แต่สัตว์ร้ายนั้นถูกจับพร้อมกับผู้เผยพระวจนะเท็จผู้ที่ทำหมายสำคัญต่อหน้ามัน และใช้หมายสำคัญนั้นล่อลวงคนทั้งหลายที่ได้รับเครื่องหมายของสัตว์ร้าย และคนทั้งหลายที่บูชารูปของมัน ทั้งสองถูกโยนลงไปทั้งเป็นในบึงไฟที่ลุกไหม้ด้วยกำมะถัน
หลักข้อเชื่อของพยานพระยะโฮวาห์จะยืนยันความเป็นพระเจ้าเดียวของพระเจ้า โดยไม่มีลักษณะของตรีเอกานุภาพ ซึ่งไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะเรื่องนี้มีการถกเถียงตั้งแต่คริสตจักรสมัยแรกซึ่งภายหลังในปี ค.ศ.325 คริสตจักรได้สรุปหลักข้อเชื่ออัครทูตซึ่งเป็นหลักข้อเชื่อของคริสตจักรสากลโดยศึกษาและสรุปเรื่องตรีเอกานุภาพไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งระหว่างทางมีบางกลุ่มคัดค้านมาโดยตลอดแต่ไม่มากนัก และหากเรามองพระคัมภีร์ด้วยใจเที่ยงธรรม เราจะพบความจริงนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความคิดเห็น