สถาปัตยกรรมของการนมัสการ (The Worship Architect)

โดย กนก ลีฬหเกรียงไกร
การนมัสการมีความหมายหลายอย่างด้วยกันสำหรับคริสเตียน เช่น
  • การนมัสการมีศูนย์กลางอยู่ที่พระราชกิจของพระเยซูคริสต์ (Christocentric)
  • การนมัสการเป็นรูปแบบที่สะท้อนการสำแดงของพระเจ้าและการตอบสนองของเรา
  • การนมัสการทำให้เราระลึกถึงพันธสัญญาระหว่างกันและกันในพระกายของพระคริสต์
  • การนมัสการเป็นการกลับมาตระหนักในความเป็นตรีเอกานุภาพของพระเจ้า
  • และการนมัสการเป็นการเดินทางบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงชีวิต
เราจะเห็นว่า ความหมายของการนมัสการในวันอาทิตย์นั้นกว้างไปกว่าบรรยากาศการร้องเพลงเร็วเพลงช้า หรือเพลงจากใจซึ่งเราอาจจะคุ้นเคยและเรียกการร้องเพลงพระเจ้าว่าเป็นการนมัสการ

ในรูปแบบของการนมัสการแบบสากล (corporate worship หรือ การนมัสการในวันอาทิตย์) ซึ่งเราอาจจะคุ้นเคยบางอย่างและบางอย่างจะดูแปลกไม่คุ้นเคย หรืออาจไม่คิดว่าสิ่งนั้นรวมอยู่ในโปรแกรมการนมัสการด้วย 

รูปแบบการนมัสการที่จะนำเสนอนี้จะปรียบเทียบภาพโครงสร้างของห้องที่ประกอบไปด้วยผนัง 4 ด้าน ซึ่งแนวคิดนี้เป็นแนวคิดที่เรียกว่าสถาปัตยกรรมของการนมัสการ (The Worship Architect) ให้เราลองมาพิจารณาความหมายแต่ละอย่างร่วมกัน

1. ผนังแรก - รวบรวมฝูงแกะ (The Gathering)

เมื่อพี่น้องมาถึงที่ประชุม สิ่งแรกที่จะเกิดขึ้นคือการต้อนรับอย่างอบอุ่นในพระนามพระเยซู พระเยซูจะเป็นศูนย์กลางเสมอในการประชุม (Christocentric) ให้เราต้อนรับกันและกันโดยเริ่มจากการทักทายกันและกันด้วยความรักของพระเจ้า ศิษยาภิบาลหรือผู้นำกล่าวทักทายที่ประชุมอย่างเป็นทางการ นำใจของพี่น้องเข้าสู่การให้พระเยซูเป็นความหมายสูงสุดและลึกที่สุดในการประชุมเสมอ ให้เรารวบรวมฝูงแกะมายังผู้เลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ของเราคือพระเยซูคริสต์ ผู้นำนมัสการนำร้องเพลง พาใจสมาชิกเข้าสู่ความรู้สึกสัมผัสถึงพระคุณความรักขององค์พระเยซูคริสต์ ตระหนักในพระราชกิจของพระองค์ที่ทรงมีต่อเรา เมื่อผนังแรกพร้อมแล้วให้เราไปสู่ผนังที่สองต่อไป

2. ผนังที่สอง - การเทศนาพระวจนะพระเจ้า (The Word)
การเทศนาเป็นการนมัสการเมื่อเราเทศนาพระวจนะพระเจ้าที่สะท้อนน้ำพระทัยของพระเจ้าที่ทรงมีต่อเราเพื่อเราจะรับการเปลี่ยนแปลงชีวิตติดตามพระเยซูคริสต์อย่างแท้จริง การตอบสนองพระวจนะจนเกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิต (Life Transformation) เป็นการนมัสการอย่างแท้จริงเพราะเราได้ให้คุณค่าของพระเจ้ามากจนเราตอบสนองพระองค์จนกลายเป็นชีวิตของเรา ฉะนั้นไม่ใช่เพียงการร้องเพลงเป็นการนมัสการ การฟังเทศน์ และการตอบสนองคำเทศน์ เป็นการนมัสการด้วย


3. ผนังที่สาม - พิธีมหาสนิท (The Table of the Lord)
พิธีมหาสนิทมีความหมายโดยตรงต่อเราทุกคน เพราะพิธีนี้นำเรากลับไปสู่ควาหมายของพระกายและพระโลหิตที่พระเยซูทรงสละเพื่อเราทั้งหลายจะได้ความรอด เราจึงไม่สามารถมองข้ามพิธีมหาสนิทนี้ไปได้ คริสตจักรสมัยแรกมีกิจกรรมหลัก 2 สิ่งเท่านั้นในการประชุมคริสตจักรคือ การเทศนาสั่งสอน (The Word) และการทำพิธีมหาสนิท (The Table of the Lord)

คริสตจักรสมัยใหม่จึงไม่ควรมองข้ามพิธีนี้หรือปล่อยให้พิธีนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยพี่น้องไม่ทันเข้าใจความหมายที่แท้จริงพิธีมหาสนิทจึงถือเป็นการนมัสการพระเจ้าด้วยเพราะเป็นการนำเรากลับมาสู่พันธสัญญาระหว่างเรากับพระเจ้าซึ่งเป็นความหมายแท้ของการนมัสการ

ผนังที่สามเป็นเรื่องการตอบสนองของเราต่อพระเจ้า และต่อพระคำของพระเจ้า หลายคริสตจักรให้ลำดับของพิธีนี้หลังการเทศนาเพื่อใช้เวลาในการตอบสนองพระเจ้าอย่างแท้จริงด้วยหลากหลายวิธี เช่น รับพิธีมหาสนิท อธิษฐานถวายตัว อธิษฐานกลับใจ เชิญชวนผู้สนใจให้แสดงตัวและออกมารับเชื่อ

4. ผนังที่สี่ - การส่งท้าย (The Sending)
การส่งท้ายจะเกิดขึ้นหลังจบการประชุม ในการนมัสการตามรูปแบบสากลทั่วไปการส่งท้ายเป็นส่วนหนึ่งของการนมัสการด้วย จะช่วยให้พี่น้องจบการประชุมโดยตระหนักถึงพระเจ้าจากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในรอบนมัสการ การส่งท้ายมีหลายรูปแบบ เช่น การอ่านพระวจนะบางตอนเพื่อสื่อสารพระประสงค์พระเจ้า การกล่าวหนุนใจของศิษยาภิบาล การกล่าวคำขวัญหรือ Motto ท้าทาย การประกาศข่าว การร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าผู้อำนวยพร (Doxology)


ผมหนุนใจให้คริสตจักรเพิ่มมุมมองในการนมัสการและลองปรับใช้เพื่อเป็นพระพรต่อการประชุมในวันอาทิตย์เพื่อให้การประชุมของเราสะท้อนความหมายของการนมัสการซึ่งกว้างไปกว่าการร้องเพลงมาก


อ้างอิง:
Cherry, Constance M. The Worship Architect: A Blue Print for Designing Culturally Relevant and Biblically Faithful Services. MI: Grand Rapids, 2010.

ความคิดเห็น