เรื่องราวของหอบาเบลถูกบันทึกไว้ในพระธรรมปฐมกาลบทที่ 10–11 ลูกหลานของโนอาห์กระจายออกไปหลังน้ำท่วมโลก สายตระกูลหนึ่งของโนอาห์คือฮาม ฮามมีลูกชื่อคูช ลูกของคูชคนหนึ่งคือนิมโรด ผู้เป็นพรานเก่งกล้าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ผู้สร้างเมืองบาบิโลน สมัยนั้นผู้คนอาศัยอยู่ที่เดียวกันที่ทุ่งราบในดินแดนชินาร์แห่งนี้
ที่มาของของการสร้างหอบาเบลได้ถูกบันทึกไว้ในปฐมกาลบทที่ 11 ข้อ 4 “มาเถิด ให้เราสร้างเมืองสำหรับเรา และสร้างหอให้ยอดเทียมฟ้า ให้เราทำชื่อเสียงไว้ เพื่อเราจะไม่ถูกทำให้กระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดิน” พระเจ้าไม่ทรงเห็นด้วยกับเหตุผลของเขา พระองค์ทรงลงมาและทำให้ภาษาของเขาวุ่นวายจนสื่อสารกันไม่ได้ ในที่สุดเขาไม่สามารถสร้างเมืองและหอบาเบลได้อีกต่อไป คนทั้งปวงจึงกระจายไปจนทั่วผืนแผ่นดิน
เรื่องราวในพระคัมภีร์เหมือนจะให้ข้อมูลเพียงเท่านี้ แต่เรื่องนี้มีการค้นคว้าต่อจนได้เกร็ดความรู้บางอย่างจากนักศาสนศาสตร์ นักโบราณคดี และนักภาษาศาสตร์ ให้เราลองมาพิจารณากันครับ
1. บาเบล Babel เป็นคำผสมระหว่างคำว่า Bab หมายถึงประตู และ El หมายถึงพระเจ้า (god) ความหมายรวมคือ Gate of god หรือประตูของพระเจ้า คำว่าบาเบล ยังเป็นคำคล้องกับภาษาฮีบรู balal หมายถึง ความโกลาหล
3. หอบาเบลมีบางอย่างที่น่าสนใจ การสร้างหอบาเบลมีเหตุผลแน่ชัดว่า “ให้เราทำชื่อเสียงไว้” ทัศนะของ Stedman และ Boice อธิบายเหตุผลของหอบาเบลว่า (1) เป็นการพัฒนาปรัชญาของมนุษยชาติคือการยกย่องความยิ่งใหญ่ของความเป็นมนุษย์ที่อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง (2) เป็นการสร้างระบบความเชื่อของตนเองที่ไม่ยกย่องพระเจ้าอีกต่อไป เราพบได้จากสิ่งก่อสร้างยุคโบราณของบาบิโลน บนสุดของสิ่งก่อสร้างจะมีรูปสลักจักรราศี (Zodiac) ซึ่งถือเป็นระบบความเชื่อหรือศาสนาแรกที่เป็นการประดิษฐ์ของมนุษยชาติ (3) เพื่อประกาศว่าต่อไปนี้มนุษย์จะควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างเองรวมทั้งพระเจ้าด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในอภิปรัชญาของสังคมศาสตร์ ไม่ยอมให้พระเจ้าเป็นเจ้านายอีกต่อไป หอบาเบลจึงเป็นสัญลักษณ์ของการปลดแอกของมวลมนุษยชาติจากพระเจ้าพระผู้สร้างของเขา
4. ในภาษาเดิม คำว่า สูงเทียมฟ้า ให้ความหมายว่า top will reach into the heavens คือสร้างให้ยอดสูงขึ้นไปจนถึงสวรรค์ และในภาษาฮีบรู Boice ให้ทัศนะว่า ยอดของหอบาเบลถูกสร้างเพื่อถวายแด่สวรรค์เพื่อเป็นการนมัสการ Morris ให้ทัศนะในมุมของนักโบราณคดีว่าสิ่งก่อสร้างใหญ่โตของโลกโบราณในบาบิโลนจะสะท้อนความเชื่อเรื่องโหราศาสตร์ (Astrology) และจักรราศี (Zodiac) อย่างชัดเจน ความหมายของจักรราศีในที่นี้หมายถึงการแบ่งท้องฟ้าดวงดาวเป็นส่วนๆ และให้ส่วนต่างๆ กำหนดความเป็นไปของมนุษย์แทนที่จะเป็นพระเจ้า สัญลักษณ์ต่างๆ ของจักรราศีล้วนมีต้นกำเนิดจากบาบิโลนโบราณทั้งสิ้น
5. ความมุ่งหมายในความชั่วร้ายของมนุษย์ทำให้เกิดการเยี่ยมเยียนของพระเจ้า พระเจ้าทรงลงมาและหยุดความตั้งใจที่ผิดนี้โดยการทำให้ภาษาของเขาวุ่นวายไป Mozeson และ Ben ให้ทัศนะในมุมของนักภาษาศาสตร์ว่า ภาษาต่างๆ ของโลกสามารถย้อนกลับไปเพื่อหาต้นตอของภาษาได้ 70 ภาษา (super-languages) จึงเป็นไปได้ว่าที่หอบาเบลภายหลังที่พระเจ้าทำลายภาษาของเขา มีภาษาใหม่เกิดขึ้น 70 ภาษาทันที
หอบาเบล ทำให้เราต้องกลับมาทบทวนตัวเองว่าการงานของเราแม้จะเป็นการรับใช้พระเจ้าหรือการงานอะไรก็ตาม เราทำเพื่อพระนามพระเจ้าหรือเพื่อนามของเราจะได้รับเกียรติ ทำเพื่อตัวเองจะเป็นที่ยกย่องหรือพระเจ้าเป็นที่ยกย่อง การเยี่ยมเยียนของพระเจ้าในการงานที่แรงจูงใจของเราไม่ถูกต้อง เป็นการเยี่ยมเยียนที่น่าสะพรึงกลัวนะครับ หอบาเบลเป็นตัวอย่างหนึ่งในตอนนี้
อ้างอิง
[1] Boice, James M. Notes on Nimrod and Babel: The First World Empire.
[2] Dolphin, Lambert. The Tower of Babel and The Confusion of Languages.
[3] Morris, Henry M. The Confusion of Tongues.
[4] Mozeson, Issac and Ben, Josua. The Origin of Speeches: From the Language of Eden to our Bable after Babble, 2004.
[5] Stedman, Ray C. The Beginnings. Waco Books, 1978.
ที่มาของของการสร้างหอบาเบลได้ถูกบันทึกไว้ในปฐมกาลบทที่ 11 ข้อ 4 “มาเถิด ให้เราสร้างเมืองสำหรับเรา และสร้างหอให้ยอดเทียมฟ้า ให้เราทำชื่อเสียงไว้ เพื่อเราจะไม่ถูกทำให้กระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดิน” พระเจ้าไม่ทรงเห็นด้วยกับเหตุผลของเขา พระองค์ทรงลงมาและทำให้ภาษาของเขาวุ่นวายจนสื่อสารกันไม่ได้ ในที่สุดเขาไม่สามารถสร้างเมืองและหอบาเบลได้อีกต่อไป คนทั้งปวงจึงกระจายไปจนทั่วผืนแผ่นดิน
ปฐมกาล 11:6-7
แล้วพระยาห์เวห์ตรัสว่า “ดูสิ คนเหล่านี้เป็นชนชาติเดียวหมด มีภาษาเดียว นี่เป็นเพียงเบื้องต้นของสิ่งที่พวกเขาจะทำ และบัดนี้ไม่มีอะไรยับยั้งทุกสิ่งที่พวกเขาคิดจะทำ มาเถิด ให้เราลงไป ทำให้ภาษาของพวกเขาวุ่นวายที่นั่น เพื่อไม่ให้พวกเขาเข้าใจภาษาของกันและกันได้”
1. บาเบล Babel เป็นคำผสมระหว่างคำว่า Bab หมายถึงประตู และ El หมายถึงพระเจ้า (god) ความหมายรวมคือ Gate of god หรือประตูของพระเจ้า คำว่าบาเบล ยังเป็นคำคล้องกับภาษาฮีบรู balal หมายถึง ความโกลาหล
3. หอบาเบลมีบางอย่างที่น่าสนใจ การสร้างหอบาเบลมีเหตุผลแน่ชัดว่า “ให้เราทำชื่อเสียงไว้” ทัศนะของ Stedman และ Boice อธิบายเหตุผลของหอบาเบลว่า (1) เป็นการพัฒนาปรัชญาของมนุษยชาติคือการยกย่องความยิ่งใหญ่ของความเป็นมนุษย์ที่อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง (2) เป็นการสร้างระบบความเชื่อของตนเองที่ไม่ยกย่องพระเจ้าอีกต่อไป เราพบได้จากสิ่งก่อสร้างยุคโบราณของบาบิโลน บนสุดของสิ่งก่อสร้างจะมีรูปสลักจักรราศี (Zodiac) ซึ่งถือเป็นระบบความเชื่อหรือศาสนาแรกที่เป็นการประดิษฐ์ของมนุษยชาติ (3) เพื่อประกาศว่าต่อไปนี้มนุษย์จะควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างเองรวมทั้งพระเจ้าด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในอภิปรัชญาของสังคมศาสตร์ ไม่ยอมให้พระเจ้าเป็นเจ้านายอีกต่อไป หอบาเบลจึงเป็นสัญลักษณ์ของการปลดแอกของมวลมนุษยชาติจากพระเจ้าพระผู้สร้างของเขา
4. ในภาษาเดิม คำว่า สูงเทียมฟ้า ให้ความหมายว่า top will reach into the heavens คือสร้างให้ยอดสูงขึ้นไปจนถึงสวรรค์ และในภาษาฮีบรู Boice ให้ทัศนะว่า ยอดของหอบาเบลถูกสร้างเพื่อถวายแด่สวรรค์เพื่อเป็นการนมัสการ Morris ให้ทัศนะในมุมของนักโบราณคดีว่าสิ่งก่อสร้างใหญ่โตของโลกโบราณในบาบิโลนจะสะท้อนความเชื่อเรื่องโหราศาสตร์ (Astrology) และจักรราศี (Zodiac) อย่างชัดเจน ความหมายของจักรราศีในที่นี้หมายถึงการแบ่งท้องฟ้าดวงดาวเป็นส่วนๆ และให้ส่วนต่างๆ กำหนดความเป็นไปของมนุษย์แทนที่จะเป็นพระเจ้า สัญลักษณ์ต่างๆ ของจักรราศีล้วนมีต้นกำเนิดจากบาบิโลนโบราณทั้งสิ้น
5. ความมุ่งหมายในความชั่วร้ายของมนุษย์ทำให้เกิดการเยี่ยมเยียนของพระเจ้า พระเจ้าทรงลงมาและหยุดความตั้งใจที่ผิดนี้โดยการทำให้ภาษาของเขาวุ่นวายไป Mozeson และ Ben ให้ทัศนะในมุมของนักภาษาศาสตร์ว่า ภาษาต่างๆ ของโลกสามารถย้อนกลับไปเพื่อหาต้นตอของภาษาได้ 70 ภาษา (super-languages) จึงเป็นไปได้ว่าที่หอบาเบลภายหลังที่พระเจ้าทำลายภาษาของเขา มีภาษาใหม่เกิดขึ้น 70 ภาษาทันที
หอบาเบล ทำให้เราต้องกลับมาทบทวนตัวเองว่าการงานของเราแม้จะเป็นการรับใช้พระเจ้าหรือการงานอะไรก็ตาม เราทำเพื่อพระนามพระเจ้าหรือเพื่อนามของเราจะได้รับเกียรติ ทำเพื่อตัวเองจะเป็นที่ยกย่องหรือพระเจ้าเป็นที่ยกย่อง การเยี่ยมเยียนของพระเจ้าในการงานที่แรงจูงใจของเราไม่ถูกต้อง เป็นการเยี่ยมเยียนที่น่าสะพรึงกลัวนะครับ หอบาเบลเป็นตัวอย่างหนึ่งในตอนนี้
อ้างอิง
[1] Boice, James M. Notes on Nimrod and Babel: The First World Empire.
[2] Dolphin, Lambert. The Tower of Babel and The Confusion of Languages.
[3] Morris, Henry M. The Confusion of Tongues.
[4] Mozeson, Issac and Ben, Josua. The Origin of Speeches: From the Language of Eden to our Bable after Babble, 2004.
[5] Stedman, Ray C. The Beginnings. Waco Books, 1978.
ความคิดเห็น