โดย กนก ลีฬหเกรียงไกร
“โซเชียลมีเดีย เฟสบุ๊คเป็นที่นิยมสูงสุด เป็นที่ที่เราหวงแหนไลฟ์สไตล์ของเรา ไม่มีใครสั่งเราไม่ให้โพสต์หรือโพสต์เรื่องอะไรได้ เรามีสิทธิ์เต็มรูปแบบในพื้นที่ของเรา” ฟังดูคุ้นๆ ไหมครับ
นานมาแล้วสมัยผมเชื่อพระเจ้าใหม่ๆ ผมได้อ่านหนังสือเก่ามากเล่มหนึ่ง “ใจฉันคือบ้านพระคริสต์” เล่มละ 10 บาท ตอนนี้ไม่แน่ใจว่ายังมีขายหรือเปล่า หนังสือเล่มนี้เปรียบเทียบใจของเราเหมือนบ้านหลังหนึ่งที่มีหลายห้อง
บางทีรูปแบบในลักษณะนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ชีวิตของเราที่เราอยากทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเองโดยที่ “ไม่ติดอะไร” ไม่ติดจริยธรรม ไม่ติดศาสนา ไม่ติดคนอื่นจะสะดุด หรือไม่ติดแม้กระทั่งพระเจ้าว่ายังไง
เฟสของเราก็เช่นกัน บางทีเราก็หวงแหนมาก พื้นที่ตรงนี้เป็นของเรา ขอเถอะ อย่ามาพูดอะไรทั้งนั้น ขอเถอะๆ
ถ้าใจเรายังไม่พร้อม อย่าเพิ่งอ่านสิ่งต่อไปนี้ แต่หากเราคิดว่าพระเยซูจะเข้ามาในพื้นที่ไหนก็ได้ของเรา มากดูกันว่าเราจะทำอย่างไรให้เฟสของเราสะท้อนความเป็นลูกพระเจ้ามากกว่าสะท้อนความสุดกู่ในตัวตนของเรา
1. โซเชี่ยลมีเดียไม่ใช่เวทีของเรา แต่เป็นอีกช่องทางที่เราสามารถรับใช้พี่น้องได้
2. ใช้โซเชี่ยลมีเดียเป็นช่องทางพูดคุยกับพี่น้องและคนรอบข้าง ด้วยความตระหนักว่าเขาเป็นผู้คนที่มีชีวิตจิตใจ (ซึ่งก็มีจริงๆ และเราก็มีด้วย)
3. อย่าให้ความเห็นของเราสะท้อนความไม่ถูกต้องทางจริยธรรมไปเรื่อยๆ ผ่านการ comment, share, like เราต้องนำเสนอความถูกต้อง ผ่านแว่นตาจริยธรรมในทางพระเจ้าที่อยู่ในเรา
6. เป็นตัวของตัวเอง อย่ากังวลจนเกินไป ทำให้ดีที่สุด เหมือนชีวิตคนเรามีถูกบ้างผิดพลาด เป็นเรื่องธรรมดา เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ครับ
ขอพระเจ้าประทานสติปัญญาให้แก่พี่น้องทุกคนในการใช้สื่อต่างๆ ไม่เพียงแต่เฟสบุ๊ค แต่เป็นสื่อโซเชี่ยลมีเดียซึ่งมีความหลากหลายมากในปัจจุบัน ขอพระเจ้าอวยพรครับ
“โซเชียลมีเดีย เฟสบุ๊คเป็นที่นิยมสูงสุด เป็นที่ที่เราหวงแหนไลฟ์สไตล์ของเรา ไม่มีใครสั่งเราไม่ให้โพสต์หรือโพสต์เรื่องอะไรได้ เรามีสิทธิ์เต็มรูปแบบในพื้นที่ของเรา” ฟังดูคุ้นๆ ไหมครับ
นานมาแล้วสมัยผมเชื่อพระเจ้าใหม่ๆ ผมได้อ่านหนังสือเก่ามากเล่มหนึ่ง “ใจฉันคือบ้านพระคริสต์” เล่มละ 10 บาท ตอนนี้ไม่แน่ใจว่ายังมีขายหรือเปล่า หนังสือเล่มนี้เปรียบเทียบใจของเราเหมือนบ้านหลังหนึ่งที่มีหลายห้อง
เมื่อพระเยซูเข้ามาในบ้าน เรามักจะแสดงห้องที่สวยที่สุดให้พระเยซูได้นั่ง และนั่งตรงนั้นห้ามเดินไปเดินมา!ในที่สุดเราจะพบว่า เรามักปิดซ่อนล็อคประตูห้องที่เราไม่อยากให้พระเยซูเข้าไปเยี่ยมชม เพราะ…นั่นสิ เพราะอะไร?
บางทีรูปแบบในลักษณะนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ชีวิตของเราที่เราอยากทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเองโดยที่ “ไม่ติดอะไร” ไม่ติดจริยธรรม ไม่ติดศาสนา ไม่ติดคนอื่นจะสะดุด หรือไม่ติดแม้กระทั่งพระเจ้าว่ายังไง
เฟสของเราก็เช่นกัน บางทีเราก็หวงแหนมาก พื้นที่ตรงนี้เป็นของเรา ขอเถอะ อย่ามาพูดอะไรทั้งนั้น ขอเถอะๆ
ถ้าใจเรายังไม่พร้อม อย่าเพิ่งอ่านสิ่งต่อไปนี้ แต่หากเราคิดว่าพระเยซูจะเข้ามาในพื้นที่ไหนก็ได้ของเรา มากดูกันว่าเราจะทำอย่างไรให้เฟสของเราสะท้อนความเป็นลูกพระเจ้ามากกว่าสะท้อนความสุดกู่ในตัวตนของเรา
1. โซเชี่ยลมีเดียไม่ใช่เวทีของเรา แต่เป็นอีกช่องทางที่เราสามารถรับใช้พี่น้องได้
2. ใช้โซเชี่ยลมีเดียเป็นช่องทางพูดคุยกับพี่น้องและคนรอบข้าง ด้วยความตระหนักว่าเขาเป็นผู้คนที่มีชีวิตจิตใจ (ซึ่งก็มีจริงๆ และเราก็มีด้วย)
3. อย่าให้ความเห็นของเราสะท้อนความไม่ถูกต้องทางจริยธรรมไปเรื่อยๆ ผ่านการ comment, share, like เราต้องนำเสนอความถูกต้อง ผ่านแว่นตาจริยธรรมในทางพระเจ้าที่อยู่ในเรา
“สุดท้ายนี้พี่น้องทั้งหลาย ขอจงใคร่ครวญดูสิ่งเหล่านี้คือ สิ่งที่เป็นจริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ควรแก่การสรรเสริญ รวมทั้งถ้ามีสิ่งใดที่ยอดเยี่ยม สิ่งใดที่น่ายกย่อง” ฟีลิปปี 4:84. คำเตือนของพระเยซูน่าสนใจ
“ส่วนเราบอกพวกท่านว่า คำที่ไม่เป็นสาระทุกคำซึ่งมนุษย์พูดนั้น มนุษย์จะต้องรับผิดชอบถ้อยคำเหล่านั้นในวันพิพากษา” มัทธิว 12:365. อย่าลืมว่าผลพระวิญญาณสะท้อนความเติบโตในชีวิตคริสเตียนเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ ณ พื้นที่ใดในโลกจริงหรือโลกเสมือน (virtual reality) ก็ตาม
6. เป็นตัวของตัวเอง อย่ากังวลจนเกินไป ทำให้ดีที่สุด เหมือนชีวิตคนเรามีถูกบ้างผิดพลาด เป็นเรื่องธรรมดา เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ครับ
ขอพระเจ้าประทานสติปัญญาให้แก่พี่น้องทุกคนในการใช้สื่อต่างๆ ไม่เพียงแต่เฟสบุ๊ค แต่เป็นสื่อโซเชี่ยลมีเดียซึ่งมีความหลากหลายมากในปัจจุบัน ขอพระเจ้าอวยพรครับ
ความคิดเห็น