ถอยไปสัก 20 ปีที่แล้ว ผู้นำคริสตจักรไทยมักเป็นผู้นำสไตล์ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จด้วยความหวังดี (Benevolent Dictator) คือเป็นผู้นำสไตล์พ่อรักพระเจ้า พ่อรู้ดีทุกอย่าง ใครไม่เห็นด้วยก็โกรธ ต่อว่า เกรี้ยวกราดใส่ อ้างความเป็นผู้นำเพื่อปิดปากไม่ให้พูดต่อ
ผู้นำแบบนี้จะคิดเองตัดสินใจเองทั้งหมดแม้จะมีทีมงานรอบข้างก็ตาม ส่วนทีมก็จะเป็นสไตล์ต้องเห็นด้วยแบบ yes man ไม่อย่างนั้นอยู่ไม่ได้ คริสตจักรไทยช่วงหนึ่งจึงเปราะบาง แตกง่าย ผู้นำรุ่นนั้นก็สั่งและไม่ฟังความเห็นใคร
หลักที่มักถูกยกขึ้นมาเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาใช้ความรุนแรงกับสมาชิกได้คือหลักสิทธิอำนาจ และข้อพระคัมภีร์ที่ยิ่งทำให้มั่นใจ เช่น
มากกว่านั้น เปาโลแนะนำทิตัสในบริบทเจาะจงคือใช้สำหรับเตือนชาวครีตที่มีความประพฤติไม่ดี จึงต้องเตือนแรงๆ "ในพวกเขาเองมีคนหนึ่งเป็นผู้เผยธรรมได้กล่าวว่า 'ชาวครีตเป็นคนพูดปดเสมอ เป็นเหมือนอย่างสัตว์ร้าย เป็นคนเกียจคร้านกินเติบ'" (ทิตัส 1: 12)
การเตือนควรพิจารณาท่าทีและเรื่องที่เตือนด้วย ท่าทีคือเตือนด้วยความรักแม้ว่าจะเตือนอย่างหนักแน่นก็ตาม ส่วนเรื่องที่เตือนก็หลากหลายตามสถานการณ ์แต่ต้องเป็นเรื่องที่เสริมสร้างชีวิตผู้นั้น ไม่ใช่เรื่องที่เขาไม่ตามใจเรา
ปัจจุบันผู้นำสไตล์นี้ใช้ไม่ได้แล้ว เพราะสมาชิกไม่ตามผู้นำที่สั่งห้วนๆ เจ้าอารมณ์ แต่จะตามผู้นำที่สอน รับฟังด้วยใจจริง และสนับสนุนเขาให้เติบโตในทางพระเจ้า รูปแบบการนำของผู้นำรุ่นใหม่จึงควรเป็นผู้นำสไตล์สนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนชีวิต (Transformational Leader) ซึ่งจะเน้นการนำเพื่อประโยชน์ของสมาชิกและเน้นที่คุณค่าของการติดตามพระคริสต์มากกว่าสั่งโดยไม่ให้เหตุผลหรือไม่รับฟัง
พระคัมภีร์เคยเขียนเตือนเรื่องนี้ไว้สำหรับผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณ
อ้างอิง
ผู้นำแบบนี้จะคิดเองตัดสินใจเองทั้งหมดแม้จะมีทีมงานรอบข้างก็ตาม ส่วนทีมก็จะเป็นสไตล์ต้องเห็นด้วยแบบ yes man ไม่อย่างนั้นอยู่ไม่ได้ คริสตจักรไทยช่วงหนึ่งจึงเปราะบาง แตกง่าย ผู้นำรุ่นนั้นก็สั่งและไม่ฟังความเห็นใคร
หลักที่มักถูกยกขึ้นมาเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาใช้ความรุนแรงกับสมาชิกได้คือหลักสิทธิอำนาจ และข้อพระคัมภีร์ที่ยิ่งทำให้มั่นใจ เช่น
ทิตัส 1:13 คำพยานของเขาเป็นความจริง เพราะฉะนั้นท่านจงว่ากล่าวเขาให้แรงๆ เพื่อให้พวกเขามีความเชื่อที่ถูกต้อง
ทิตัส 2:15 จงใช้ข้อความข้างบนนี้พูด เตือนสติและตักเตือนพวกเขาด้วยอำนาจอย่างเต็มที่ อย่าให้ใครสบประมาทท่านได้ซึ่งหากเราศึกษาตามบริบทในตอนนี้แล้วเราจะพบว่าการเตือนตอนนี้หมายถึงการเตือนตามหลักคำสอนที่ถูกต้อง และเพื่อให้อยู่ในหลักของพระคัมภีร์ "ฝ่ายท่านจงสั่งสอนให้สอดคล้องกับคำสอนอันมีหลัก" (ทิตัส 2:1)
มากกว่านั้น เปาโลแนะนำทิตัสในบริบทเจาะจงคือใช้สำหรับเตือนชาวครีตที่มีความประพฤติไม่ดี จึงต้องเตือนแรงๆ "ในพวกเขาเองมีคนหนึ่งเป็นผู้เผยธรรมได้กล่าวว่า 'ชาวครีตเป็นคนพูดปดเสมอ เป็นเหมือนอย่างสัตว์ร้าย เป็นคนเกียจคร้านกินเติบ'" (ทิตัส 1: 12)
การเตือนควรพิจารณาท่าทีและเรื่องที่เตือนด้วย ท่าทีคือเตือนด้วยความรักแม้ว่าจะเตือนอย่างหนักแน่นก็ตาม ส่วนเรื่องที่เตือนก็หลากหลายตามสถานการณ ์แต่ต้องเป็นเรื่องที่เสริมสร้างชีวิตผู้นั้น ไม่ใช่เรื่องที่เขาไม่ตามใจเรา
ปัจจุบันผู้นำสไตล์นี้ใช้ไม่ได้แล้ว เพราะสมาชิกไม่ตามผู้นำที่สั่งห้วนๆ เจ้าอารมณ์ แต่จะตามผู้นำที่สอน รับฟังด้วยใจจริง และสนับสนุนเขาให้เติบโตในทางพระเจ้า รูปแบบการนำของผู้นำรุ่นใหม่จึงควรเป็นผู้นำสไตล์สนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนชีวิต (Transformational Leader) ซึ่งจะเน้นการนำเพื่อประโยชน์ของสมาชิกและเน้นที่คุณค่าของการติดตามพระคริสต์มากกว่าสั่งโดยไม่ให้เหตุผลหรือไม่รับฟัง
พระคัมภีร์เคยเขียนเตือนเรื่องนี้ไว้สำหรับผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณ
1 เปโตร 5:2–3 "จงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ท่ามกลางพวกท่าน ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจ แต่ด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ด้วยใจโลภในทรัพย์สิ่งของ แต่ด้วยใจกระตือรือร้น และไม่เป็นเหมือนผู้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มขี่ผู้ที่อยู่ในความดูแล แต่ให้เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น"น่าคิดนะครับพี่น้อง
อ้างอิง
- Cooper, Michael. The Transformational Leadership of the Apostle Paul. Christian Education Journal, Spring 2005.
- McKinley, David. Servant Leadership. Bangkok: AGST Alliance & BBS, 2018.
- Research in Thai church leadership model. Types of Effective Leaders, 2018.
ความคิดเห็น