โดย กนก ลีฬหเกรียงไกร
ยุคนี้ถ้าสินค้าหรือแบรนด์ไม่เปลี่ยนแปลงให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค แบรนด์จะไม่มีอนาคตแน่นอน
แล้วการตอบโจทย์ในที่นี้หมายถึงอะไร?
1. ผู้บริโภครู้ว่าจะซื้อไปเพื่อทำอะไรหรือด้วยวัตถุประสงค์อะไรกับสินค้านั้นๆ
เป็นหลักของ Job-to-be-done คือสินค้าซื้อแล้วตัวสินค้าหรือบริการใช้ทำอะไร เช่น ซื้อเสื้อเหลืองไปใส่เพราะที่ทำงานเขาอยากให้ใส่ ซื้อเสื้อยืดสีพื้นเนื้อผ้าดีๆ เพื่อความสบายคล่องตัว ซื้อแบรนด์ที่ราคาไม่แพงแต่ยังมีอารมณ์แฟชั่น มีความเท่ห์อยู่
2. ใครได้ใครเสีย
แบรนด์ได้มากกว่าหรือผู้ซื้อได้มากกว่า ถ้าผู้บริโภครู้สึกว่าแบรนด์ได้มากกว่าเงินที่เขาซื้อแบรนด์ เขาก็ไปหาทางเลือกอื่น เพราะเขาคิดว่าได้ไม่คุ้มเสีย สำหรับสินค้าเสื้อผ้า ลูกค้ามองว่าแบบสวยไหม แบรนด์ได้ไหม คุณภาพผ้าและการตัดเย็บเป็นอย่างไร ราคาประมาณนี้คุ้มไหม
3. แบรนด์ให้น้ำหนักกับราคาสินค้าได้มากน้อยแค่ไหน
เรื่องแบรนด์สำหรับสินค้าแฟชั่นสำคัญพอๆ กับคุณภาพและรูปแบบ ถ้ารวมๆ แล้ว ผู้บริโภคยังรู้สึกว่าเงินที่จะจ่ายให้กับแบรนด์ยังแพงอยู่ แบรนด์นั้นก็ขายยากแล้ว เพราะเขารู้สึกว่าแพง ไม่จำเป็นต้องเสียเงินขนาดนี้เพื่อสินค้าธรรมดาๆ แต่ถ้าแบรนด์ดี คุณภาพดี รูปแบบดี ชั่งแล้วมากกว่าความคุ้มค่าของเงินในกระเป๋า เขาก็ยอมจ่าย หมายถึงราคาของผ้า คุณภาพการตัดเย็บ และรูปแบบ เป็นราคาพื้นฐาน แล้วในใจเขาบวกให้ความเป็นแบรนด์แค่ไหน นั่นเป็นราคาที่สินค้าคุณจะขายได้
ลองประยุกต์ดูกับผลิตภัณฑ์ของเราเองนะครับ ไม่แน่เราอาจเจออะไรดีๆ ที่สามารถสร้างที่ยืนในตลาดของเราอย่างยั่งยืนก็ได้
ยุคนี้ถ้าสินค้าหรือแบรนด์ไม่เปลี่ยนแปลงให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค แบรนด์จะไม่มีอนาคตแน่นอน
![]() |
ผู้บริโภคในปัจจุบันแวดล้อมด้วยแบรนด์มากมายจนบางทีคิดไม่ออกแล้วว่าเขาใช้แบรนด์อะไร |
1. ผู้บริโภครู้ว่าจะซื้อไปเพื่อทำอะไรหรือด้วยวัตถุประสงค์อะไรกับสินค้านั้นๆ
เป็นหลักของ Job-to-be-done คือสินค้าซื้อแล้วตัวสินค้าหรือบริการใช้ทำอะไร เช่น ซื้อเสื้อเหลืองไปใส่เพราะที่ทำงานเขาอยากให้ใส่ ซื้อเสื้อยืดสีพื้นเนื้อผ้าดีๆ เพื่อความสบายคล่องตัว ซื้อแบรนด์ที่ราคาไม่แพงแต่ยังมีอารมณ์แฟชั่น มีความเท่ห์อยู่
2. ใครได้ใครเสีย
แบรนด์ได้มากกว่าหรือผู้ซื้อได้มากกว่า ถ้าผู้บริโภครู้สึกว่าแบรนด์ได้มากกว่าเงินที่เขาซื้อแบรนด์ เขาก็ไปหาทางเลือกอื่น เพราะเขาคิดว่าได้ไม่คุ้มเสีย สำหรับสินค้าเสื้อผ้า ลูกค้ามองว่าแบบสวยไหม แบรนด์ได้ไหม คุณภาพผ้าและการตัดเย็บเป็นอย่างไร ราคาประมาณนี้คุ้มไหม
3. แบรนด์ให้น้ำหนักกับราคาสินค้าได้มากน้อยแค่ไหน
เรื่องแบรนด์สำหรับสินค้าแฟชั่นสำคัญพอๆ กับคุณภาพและรูปแบบ ถ้ารวมๆ แล้ว ผู้บริโภคยังรู้สึกว่าเงินที่จะจ่ายให้กับแบรนด์ยังแพงอยู่ แบรนด์นั้นก็ขายยากแล้ว เพราะเขารู้สึกว่าแพง ไม่จำเป็นต้องเสียเงินขนาดนี้เพื่อสินค้าธรรมดาๆ แต่ถ้าแบรนด์ดี คุณภาพดี รูปแบบดี ชั่งแล้วมากกว่าความคุ้มค่าของเงินในกระเป๋า เขาก็ยอมจ่าย หมายถึงราคาของผ้า คุณภาพการตัดเย็บ และรูปแบบ เป็นราคาพื้นฐาน แล้วในใจเขาบวกให้ความเป็นแบรนด์แค่ไหน นั่นเป็นราคาที่สินค้าคุณจะขายได้
ลองประยุกต์ดูกับผลิตภัณฑ์ของเราเองนะครับ ไม่แน่เราอาจเจออะไรดีๆ ที่สามารถสร้างที่ยืนในตลาดของเราอย่างยั่งยืนก็ได้
ความคิดเห็น