ข่าวประเสริฐของพระเจ้า เรื่องราวการไถ่บาปและการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นพระเจ้า เป็นพระเมสสิยาห์ที่ยิวรอคอย เป็นพระคริสต์สำหรับชาวยิวและบรรดาประชาชาติ ข่าวประเสริฐนี้เป็นหัวใจในการประกาศของเปาโลจากยิวไปยังบรรดาประชาชาติจนสุดปลายแผ่นดินโลกทุกยุคทุกสมัยจนมาถึงเราทุกคนในปัจจุบัน
แท้จริงพระคัมภีร์เดิมได้เปิดเผยแผนการของพระเจ้าที่จะทรงอวยพรอิสราเอลและบรรดาประชาชาติในวาระสุดท้าย และแผนการล้ำลึกนี้ได้สำเร็จแล้วโดยพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร พระวรกายของพระคริสต์ที่ประกอบไปด้วยผู้เชื่อทั้งชาวยิวและคนต่างชาติเป็นหนึ่งเดียวกัน (โรม 1:26-27; โรม 16:25-27; 1 โครินธ์ 2:6-10; เอเฟซัส 3:4-7)
ข่าวประเสริฐเรื่องราวของพระเจ้านี้จึงเป็นเรื่องราวที่เน้นสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต เพื่ออนาคต โดยที่อดีต (Salvation history) หมายถึงเหตุการณ์พระเยซูทรงไถ่บาปเรา ทรงถูกตรึงบนกางเขน และทรงฟื้นจากความตายในวันที่สาม และอนาคต (Eschatological) หมายถึงชีวิตนิรันดร์ที่เราได้รับเมื่อเราเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ และเติบโตขึ้นจนถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์ (Maturity in Christ) ซึ่งเป็นสิ่งที่เปาโลเน้นหนักในการสอนและเทศนา
การทำงานพันธกิจของเปาโลไม่แตกต่างจากอัครทูตของพระเยซูคริสต์ทั้ง 12 คน แม้เปาโลจะไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากคณะอัครทูต 12 คนก็ตาม (แต่อัครทูตได้รับรองเปาโล) การรับใช้พระเจ้าของเปาโลเป็นงานเดียวกันกับอัครทูตของพระเยซูคริสต์ ความจริงเปาโลทำตามพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์ได้อย่างสมบูรณ์คือการประกาศออกไปจากเยรูซาเล็ม ยูเดีย สะมาเรีย จนสุดปลายแผ่นดินโลก โดยการเทศนาสั่งสอนท้าทายให้กลับใจจากบาปและประกาศการให้อภัยของพระเจ้า
เป้าหมายในการทำงานพันธกิจของเปาโลคือการประกาศกับยิวและต่างชาติว่าสามารถเป็นหนึ่งเดียวกันได้โดยการเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ ซึ่งจะทำให้ทั้งยิวและต่างชาติสามารถเป็นประชากรของพระเจ้าในยุคสุดท้ายร่วมกัน การประกาศกับคนต่างชาติ (รวมถึงปัจจุบัน) คนต่างชาติจำเป็นต้องได้ยินและเข้าใจเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นพระเมสิยาห์ ในทางกลับกันชาวยิวหรือผู้ที่เปลี่ยนเป็นถือศาสนายูดาย (God-fearer) เข้าใจพื้นภูมินี้อยู่แล้ว คือเข้าใจว่าวันหนึ่งจะมีผู้หนึ่งที่จะมาช่วยอิสราเอลให้รอดและปกครองโลกนี้ อย่างไรก็ตามความเชื่อ (Believe) โดยทั่วๆ ไปว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าไม่ได้ทำให้ใครเป็นคริสเตียนหรือมาถึงซึ่งความรอดได้ แต่ความเชื่อที่มีผลคือความเชื่อที่ยืนยัน (affirm) ว่าไม่มีผู้ใด ไม่มีนามใดใต้ฟ้านี้จะเป็นผู้ช่วยกู้ให้รอดจากบาป ผู้ที่วางใจในพระนามพระเยซูคริสต์เท่านั้นจึงจะมีความชอบธรรมเป็นที่ยอมรับของพระเจ้าได้โดยพระโลหิตของพระองค์ ซึ่งนั่นคือความเชื่อแบบศรัทธา (faith) ที่เปาโลประกาศและคาดหวังการตอบสนองของทั้งยิวและต่างชาติในทุกที่ที่เปาโลไป
Peterson (Bolt and Thompson: 2000, 185) ให้ข้อคิดที่สำคัญว่าเป้าหมายหลักของการทำงานพันธกิจคือการนำทั้งส่วนตัวและคริสตจักรไปถึงซึ่งความไพบูลย์ของพระเยซูคริสต์ (Maturity in Christ) ซึ่งเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับเราทุกคนในพระคริสต์ Perterson ยังตั้งข้อสังเกตว่าการประกาศข่าวประเสริฐของพระคริสต์จากพระธรรม โรม 15:19-20 โดยเฉพาะในข้อ 19
การไปสู่เป้าหมายความไพบูลย์ของพระคริสต์นี้เกิดจากรูปแบบของการประกาศ การตักเตือน การสอนโดยมีพระเยซูคริสต์เป็นศูนย์กลาง ในพระธรรมเอเฟซัส 5:27
Peterson (Bolt and Thompson: 2000, 193) ยังให้ทัศนะอีกว่า ความไพบูลย์ของพระคริสต์ไม่ใช่ภาพของการไม่มีบาป (sinless) แต่เป็นการปราศจากตำหนิ (blamless) ความมั่นคง (stedfastness) การเกิดผลบริบูรณ์ (fruitfulness) และการขอบพระคุณ (thanksfulness) ความหวังใจของผู้เชื่อจึงมาจากชีวิตที่อยู่ในพระคริสต์และการเติบโตฝ่ายวิญญาณในพระองค์
การไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ในทัศนะของเปาโลถูกอธิบายใน 2 ระดับที่แตกแตกต่างกัน คือ ระดับที่ 1 ในปัจจุบัน ความไพบูลย์ของพระคริสต์เกิดขึ้นโดยการบังเกิดใหม่ในพระคริสต์และอยู่ในผู้เชื่อทุกคนในเวลานี้ ระดับที่ 2 ในอนาคต ความไพบูลย์ของพระคริสต์เป็นเป้าหมายที่ขับเคลื่อนเราเพื่อไปพบกับพระเยซูคริสต์ในที่สุด เป็นประสบการณ์แห่งความบริบูรณ์ในพระคริสต์ที่เราทุกคนจะรับร่วมกันอย่างเต็มที่ในวันสุดท้าย
วิธีที่จะบรรลุถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์ เปาโลได้ใช้การประกาศ การตักเตือนสติ และการสั่งสอน เพื่อพระวรกายของพระคริสต์คือคริสตจักรของพระองค์จะเติบโตขึ้น เสริมสร้างตนเองขึ้นด้วยความรัก (เอเฟซัส 4:16) และไปสู่เป้าหมายสุดท้ายด้วยกันในพระคริสต์ การสร้างชีวิตในคริสตจักรก็เช่นกัน แม้ว่าพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์มักจะเป็นนิมิตเป้าหมายของคริสตจักรเสมอ แต่สิ่งที่คริสตจักรจะละเลยไม่ได้เลย และเป็นสิ่งที่เปาโลให้น้ำหนักมากกว่าคือการสร้างชีวิตของผู้เชื่อเพื่อไปสู่การบรรลุถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์ เพื่อเราทุกคนจะถูกเสนอต่อพระพักตร์พระเจ้าในความบริสุทธิ์ปราศจากตำหนิ เต็มไปด้วยความรัก และเติบโตฝ่ายวิญญาณไปด้วยกันทั้งพระวรกาย
สรุป: ข้อคิดเกี่ยวกับการไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์
1. การบรรลุถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์ เป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในการทำพันธกิจเสมอ การทำตามพระมหาบัญชาจึงต้องลงรากฐานให้ลึกในการสร้างความคาดหวังเรื่องนี้ในชีวิตผู้เชื่อ
2. สภาพของความไพบูลย์ของพระคริสต์ไม่ใช่ภาพของการไม่มีบาป (sinless) แต่เป็นการปราศจากตำหนิ (blamless) ความมั่นคง (stedfastness) การเกิดผลบริบูรณ์ (fruitfulness) และการขอบพระคุณ (thanksfulness) การเติบโตฝ่ายวิญญาณไม่ได้หมายถึงการอยู่ในสภาพไร้บาป เพราะเราเป็นผู้ชอบธรรมแล้วในสายพระเนตรพระเจ้าโดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ ส่วนที่เหลือเป็นประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงในฝ่ายวิญญาณจนถึงสง่าราศีในพระองค์ (Transformation and glorification)
3. วิธีที่จะบรรลุถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์ เปาโลได้ใช้โมเดลเดียวกันทุกคริสตจักรคือการประกาศ การตักเตือนสติ และการสั่งสอน (proclaiming-warning-teaching model)
4. การไปถึงความไพบูลย์ในพระคริสต์เป็นภาพของทั้งพระวรกายไม่ใช่คนๆ เดียว มุมมองของเราจึงต้องเสริมสร้างกันและกันในพระวรกายคือคริสตจักรมากกว่าการคิดว่าเราคนเดียวสามารถเติบโตไปได้ด้วยตัวเราคนเดียว
อ้างอิง: Peter Bolt and Mark Thompson. The Gospel to the Nations, 2000.
แท้จริงพระคัมภีร์เดิมได้เปิดเผยแผนการของพระเจ้าที่จะทรงอวยพรอิสราเอลและบรรดาประชาชาติในวาระสุดท้าย และแผนการล้ำลึกนี้ได้สำเร็จแล้วโดยพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร พระวรกายของพระคริสต์ที่ประกอบไปด้วยผู้เชื่อทั้งชาวยิวและคนต่างชาติเป็นหนึ่งเดียวกัน (โรม 1:26-27; โรม 16:25-27; 1 โครินธ์ 2:6-10; เอเฟซัส 3:4-7)
ข่าวประเสริฐเรื่องราวของพระเจ้านี้จึงเป็นเรื่องราวที่เน้นสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต เพื่ออนาคต โดยที่อดีต (Salvation history) หมายถึงเหตุการณ์พระเยซูทรงไถ่บาปเรา ทรงถูกตรึงบนกางเขน และทรงฟื้นจากความตายในวันที่สาม และอนาคต (Eschatological) หมายถึงชีวิตนิรันดร์ที่เราได้รับเมื่อเราเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ และเติบโตขึ้นจนถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์ (Maturity in Christ) ซึ่งเป็นสิ่งที่เปาโลเน้นหนักในการสอนและเทศนา
การทำงานพันธกิจของเปาโลไม่แตกต่างจากอัครทูตของพระเยซูคริสต์ทั้ง 12 คน แม้เปาโลจะไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากคณะอัครทูต 12 คนก็ตาม (แต่อัครทูตได้รับรองเปาโล) การรับใช้พระเจ้าของเปาโลเป็นงานเดียวกันกับอัครทูตของพระเยซูคริสต์ ความจริงเปาโลทำตามพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์ได้อย่างสมบูรณ์คือการประกาศออกไปจากเยรูซาเล็ม ยูเดีย สะมาเรีย จนสุดปลายแผ่นดินโลก โดยการเทศนาสั่งสอนท้าทายให้กลับใจจากบาปและประกาศการให้อภัยของพระเจ้า
เป้าหมายในการทำงานพันธกิจของเปาโลคือการประกาศกับยิวและต่างชาติว่าสามารถเป็นหนึ่งเดียวกันได้โดยการเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ ซึ่งจะทำให้ทั้งยิวและต่างชาติสามารถเป็นประชากรของพระเจ้าในยุคสุดท้ายร่วมกัน การประกาศกับคนต่างชาติ (รวมถึงปัจจุบัน) คนต่างชาติจำเป็นต้องได้ยินและเข้าใจเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นพระเมสิยาห์ ในทางกลับกันชาวยิวหรือผู้ที่เปลี่ยนเป็นถือศาสนายูดาย (God-fearer) เข้าใจพื้นภูมินี้อยู่แล้ว คือเข้าใจว่าวันหนึ่งจะมีผู้หนึ่งที่จะมาช่วยอิสราเอลให้รอดและปกครองโลกนี้ อย่างไรก็ตามความเชื่อ (Believe) โดยทั่วๆ ไปว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าไม่ได้ทำให้ใครเป็นคริสเตียนหรือมาถึงซึ่งความรอดได้ แต่ความเชื่อที่มีผลคือความเชื่อที่ยืนยัน (affirm) ว่าไม่มีผู้ใด ไม่มีนามใดใต้ฟ้านี้จะเป็นผู้ช่วยกู้ให้รอดจากบาป ผู้ที่วางใจในพระนามพระเยซูคริสต์เท่านั้นจึงจะมีความชอบธรรมเป็นที่ยอมรับของพระเจ้าได้โดยพระโลหิตของพระองค์ ซึ่งนั่นคือความเชื่อแบบศรัทธา (faith) ที่เปาโลประกาศและคาดหวังการตอบสนองของทั้งยิวและต่างชาติในทุกที่ที่เปาโลไป
Peterson (Bolt and Thompson: 2000, 185) ให้ข้อคิดที่สำคัญว่าเป้าหมายหลักของการทำงานพันธกิจคือการนำทั้งส่วนตัวและคริสตจักรไปถึงซึ่งความไพบูลย์ของพระเยซูคริสต์ (Maturity in Christ) ซึ่งเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับเราทุกคนในพระคริสต์ Perterson ยังตั้งข้อสังเกตว่าการประกาศข่าวประเสริฐของพระคริสต์จากพระธรรม โรม 15:19-20 โดยเฉพาะในข้อ 19
โรม 15:19 คือด้วยอิทธิฤทธิ์แห่งหมายสำคัญและการอัศจรรย์ ในฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณของพระเจ้า จนข้าพเจ้าได้ประกาศข่าวประเสริฐของพระคริสต์อย่างถ้วนถี่ ตั้งแต่กรุงเยรูซาเล็มอ้อมไปยังเมืองอิลลีริคุมคำว่า “ประกาศข่าวประเสริฐของพระคริสต์อย่างถ้วนถี่” ความหมายตามภาษากรีก peleromouemenon to euangelion ไม่ได้หมายถึงการประกาศเชิงปริมาณหรือเชิงภูมิศาสตร์ แต่หมายถึงการเติมบางอย่างเพื่อให้ถึงซึ่งความสมบูรณ์ (pleroo กรีก) และคำว่า euangelion มีความหมายครอบคลุมเรื่องการงานของข่าวประเสริฐที่กล่าวไว้ใน พระธรรมโรม 1:16-17
โรม 1:16-17 “ข้าพเจ้าไม่มีความละอายในเรื่องข่าวประเสริฐ เพราะว่าข่าวประเสริฐนั้นเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความรอด พวกยิวก่อน แล้วพวกกรีกด้วย เพราะว่าในข่าวประเสริฐนั้น ความชอบธรรมซึ่งเกิดมาจากพระเจ้าก็ได้สำแดงออกโดยความเชื่อ และเพื่อความเชื่อ ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า ‘คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ’”ฉะนั้นการประกาศข่าวประเสริฐจึงเป็นเรื่องของการสร้างชีวิตของผู้เชื่อให้เกิดความมั่นคงในทางพระเจ้าซึ่งหมายถึงสร้างเขาให้เติบโตขึ้นจนบรรลุถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์ (Maturity in Christ) มากกว่าการประกาศที่เน้นเป้าหมายในการขยายขอบเขต (Bolt and Thompson: 2000, 188-189)
เอเฟซัส 5:27 “เพื่อพระองค์จะได้คริสตจักรที่มีศักดิ์ศรี ไม่มีด่างพร้อย ริ้วรอย หรือมลทินใดๆ เลย แต่บริสุทธิ์ปราศจากตำหนิ”คำว่า “เพื่อพระองค์จะได้” ในภาษากรีก “ได้” ใช้คำว่า “parastesai” หมายถึงการถูกเสนอหรือเบิกตัวในชั้นศาลเพื่อปรากฏต่อหน้าผู้พิพากษาในวาระสุดท้าย และเมื่อเราปรากฏต่อหน้าพระเจ้า ผู้ที่รับการอภัยจะถูกประกาศว่าบริสุทธิ์ปราศจากตำหนิ (เอเฟซัส 1:4; เอเฟซัส 5:27; ฟิลิปปี 2:15; ยูดา 24)
Peterson (Bolt and Thompson: 2000, 193) ยังให้ทัศนะอีกว่า ความไพบูลย์ของพระคริสต์ไม่ใช่ภาพของการไม่มีบาป (sinless) แต่เป็นการปราศจากตำหนิ (blamless) ความมั่นคง (stedfastness) การเกิดผลบริบูรณ์ (fruitfulness) และการขอบพระคุณ (thanksfulness) ความหวังใจของผู้เชื่อจึงมาจากชีวิตที่อยู่ในพระคริสต์และการเติบโตฝ่ายวิญญาณในพระองค์
การไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ในทัศนะของเปาโลถูกอธิบายใน 2 ระดับที่แตกแตกต่างกัน คือ ระดับที่ 1 ในปัจจุบัน ความไพบูลย์ของพระคริสต์เกิดขึ้นโดยการบังเกิดใหม่ในพระคริสต์และอยู่ในผู้เชื่อทุกคนในเวลานี้ ระดับที่ 2 ในอนาคต ความไพบูลย์ของพระคริสต์เป็นเป้าหมายที่ขับเคลื่อนเราเพื่อไปพบกับพระเยซูคริสต์ในที่สุด เป็นประสบการณ์แห่งความบริบูรณ์ในพระคริสต์ที่เราทุกคนจะรับร่วมกันอย่างเต็มที่ในวันสุดท้าย
วิธีที่จะบรรลุถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์ เปาโลได้ใช้การประกาศ การตักเตือนสติ และการสั่งสอน เพื่อพระวรกายของพระคริสต์คือคริสตจักรของพระองค์จะเติบโตขึ้น เสริมสร้างตนเองขึ้นด้วยความรัก (เอเฟซัส 4:16) และไปสู่เป้าหมายสุดท้ายด้วยกันในพระคริสต์ การสร้างชีวิตในคริสตจักรก็เช่นกัน แม้ว่าพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์มักจะเป็นนิมิตเป้าหมายของคริสตจักรเสมอ แต่สิ่งที่คริสตจักรจะละเลยไม่ได้เลย และเป็นสิ่งที่เปาโลให้น้ำหนักมากกว่าคือการสร้างชีวิตของผู้เชื่อเพื่อไปสู่การบรรลุถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์ เพื่อเราทุกคนจะถูกเสนอต่อพระพักตร์พระเจ้าในความบริสุทธิ์ปราศจากตำหนิ เต็มไปด้วยความรัก และเติบโตฝ่ายวิญญาณไปด้วยกันทั้งพระวรกาย
สรุป: ข้อคิดเกี่ยวกับการไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์
1. การบรรลุถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์ เป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในการทำพันธกิจเสมอ การทำตามพระมหาบัญชาจึงต้องลงรากฐานให้ลึกในการสร้างความคาดหวังเรื่องนี้ในชีวิตผู้เชื่อ
2. สภาพของความไพบูลย์ของพระคริสต์ไม่ใช่ภาพของการไม่มีบาป (sinless) แต่เป็นการปราศจากตำหนิ (blamless) ความมั่นคง (stedfastness) การเกิดผลบริบูรณ์ (fruitfulness) และการขอบพระคุณ (thanksfulness) การเติบโตฝ่ายวิญญาณไม่ได้หมายถึงการอยู่ในสภาพไร้บาป เพราะเราเป็นผู้ชอบธรรมแล้วในสายพระเนตรพระเจ้าโดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ ส่วนที่เหลือเป็นประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงในฝ่ายวิญญาณจนถึงสง่าราศีในพระองค์ (Transformation and glorification)
3. วิธีที่จะบรรลุถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์ เปาโลได้ใช้โมเดลเดียวกันทุกคริสตจักรคือการประกาศ การตักเตือนสติ และการสั่งสอน (proclaiming-warning-teaching model)
4. การไปถึงความไพบูลย์ในพระคริสต์เป็นภาพของทั้งพระวรกายไม่ใช่คนๆ เดียว มุมมองของเราจึงต้องเสริมสร้างกันและกันในพระวรกายคือคริสตจักรมากกว่าการคิดว่าเราคนเดียวสามารถเติบโตไปได้ด้วยตัวเราคนเดียว
อ้างอิง: Peter Bolt and Mark Thompson. The Gospel to the Nations, 2000.
ความคิดเห็น