โดย กนก ลีฬหเกรียงไกร
คงได้ยินบ่อยที่มีพี่น้องพูดว่า พระเจ้าทรงนำแบบนั้นแบบนี้ พระเจ้าพูดด้วยว่าให้ทำแบบนี้ไม่ต้องทำแบบนั้น "ทำไมเราไม่ได้ยินเสียงพระเจ้าบ้าง?"
เสียงของพระเจ้าเป็นการสื่อสารของพระเจ้าเพื่อนำทิศนำทาง ย้ำเตือนในพระสัญญา ปลอบประโลมหนุนน้ำใจ ให้ความเข้าใจบางเรื่องอย่างชัดเจน
พระเจ้ายังทรงพระชนม์ ทรงเฝ้าดูเราอยู่ ทรงสื่อสารกับเราทางใดทางหนึ่งทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน เราพบจากพระคัมภีร์ว่าพระองค์ทรงสื่อสารกับเราในหลายวิธี เช่น ตรัสกับเราโดยตรง (กิจการฯ 9:5; 23:11) ใช้ทูตสวรค์เพื่อสื่อสารบางอย่าง (กิจการฯ 10:3; 12:7-8) ผ่านผู้รับใช้พระเจ้า ผ่านการเทศนาสั่งสอน (1 โครินธ์ 2:4) ผ่านการใช้ชีวิตในคริสตจักร (กิจการฯ 11:18; 1 โครินธ์ 14:39-40; กิจการฯ 11:28; กิจการฯ 21:10) เป็นต้น
ประเด็นที่น่าคิดคือแล้วทำไมเราถึงไม่ค่อยได้ยินเสียงพระเจ้า น่าจะมีสาเหตุ 2 ประการ
1. เสียงภายนอก "ดังเกินไป"
ความจดจ่อแสวงหาไม่มากพอ ใจไม่นิ่ง ชีวิตวุ่นวายทำอะไรมากมายไปหมด
อย่าให้ชีวิตเราอยู่นอกน้ำพระทัยพระเจ้าจนสงบเงียบเชียบเกินไป เพราะถ้าแยกตัวออกจากคริสตจักร ไม่มีส่วนในการรับใช้ ไม่ได้ใช้ความเชื่อในการดำเนินชีวิต ไม่ตระหนักในความรัก ความอดทน หรือการใช้ชีวิตในชุมชนของพระเจ้า เราจะไม่มีทางเข้าใจเสียงของพระเจ้าได้
คงได้ยินบ่อยที่มีพี่น้องพูดว่า พระเจ้าทรงนำแบบนั้นแบบนี้ พระเจ้าพูดด้วยว่าให้ทำแบบนี้ไม่ต้องทำแบบนั้น "ทำไมเราไม่ได้ยินเสียงพระเจ้าบ้าง?"
เสียงของพระเจ้าเป็นการสื่อสารของพระเจ้าเพื่อนำทิศนำทาง ย้ำเตือนในพระสัญญา ปลอบประโลมหนุนน้ำใจ ให้ความเข้าใจบางเรื่องอย่างชัดเจน
พระเจ้ายังทรงพระชนม์ ทรงเฝ้าดูเราอยู่ ทรงสื่อสารกับเราทางใดทางหนึ่งทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน เราพบจากพระคัมภีร์ว่าพระองค์ทรงสื่อสารกับเราในหลายวิธี เช่น ตรัสกับเราโดยตรง (กิจการฯ 9:5; 23:11) ใช้ทูตสวรค์เพื่อสื่อสารบางอย่าง (กิจการฯ 10:3; 12:7-8) ผ่านผู้รับใช้พระเจ้า ผ่านการเทศนาสั่งสอน (1 โครินธ์ 2:4) ผ่านการใช้ชีวิตในคริสตจักร (กิจการฯ 11:18; 1 โครินธ์ 14:39-40; กิจการฯ 11:28; กิจการฯ 21:10) เป็นต้น
ประเด็นที่น่าคิดคือแล้วทำไมเราถึงไม่ค่อยได้ยินเสียงพระเจ้า น่าจะมีสาเหตุ 2 ประการ
1. เสียงภายนอก "ดังเกินไป"
ความจดจ่อแสวงหาไม่มากพอ ใจไม่นิ่ง ชีวิตวุ่นวายทำอะไรมากมายไปหมด
ลูกา 10:40-42 แต่มารธาวุ่นวายอย่างมากกับการปรนนิบัติ จึงมาทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ไม่สนพระทัยหรือที่น้องสาวของข้าพระองค์ปล่อยให้ข้าพระองค์ปรนนิบัติอยู่คนเดียว? ขอพระองค์สั่งน้องให้มาช่วยข้าพระองค์ด้วย” แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบนางว่า “มารธา มารธาเอ๋ย เธอกระวนกระวายและร้อนใจหลายอย่างเหลือเกิน สิ่งที่จำเป็นนั้นมีเพียงสิ่งเดียว และมารีย์ก็เลือกเอาส่วนที่ดีนั้น ใครจะชิงเอาไปจากเธอไม่ได้”
1 พงศ์กษัตริย์ 19:11-13 และพระองค์ตรัสว่า “จงออกไปเถิด ไปยืนอยู่บนภูเขาเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์” และนี่แน่ะ พระยาห์เวห์กำลังทรงผ่านไป และลมพายุรุนแรงได้พัดพังภูเขา และทำให้หินแตกเป็นเสี่ยงๆ เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ แต่พระยาห์เวห์ไม่ได้สถิตในลมนั้น ภายหลังลมก็เกิดแผ่นดินไหว แต่พระยาห์เวห์ไม่ได้สถิตในแผ่นดินไหวนั้น ภายหลังแผ่นดินไหวก็เกิดไฟ แต่พระยาห์เวห์ไม่ได้สถิตในไฟนั้น ภายหลังไฟก็มีเสียงเบาๆ และเมื่อเอลียาห์ได้ยิน ท่านก็เอาเสื้อคลุมปิดหน้าไว้ ออกไปยืนอยู่ที่ปากถ้ำ และนี่แน่ะ มีเสียงมาถึงท่านว่า “เอลียาห์เอ๋ย เจ้าทำอะไรอยู่ที่นี่?”
กิจการฯ 8:27-28 ฟีลิปก็ลุกไป และนี่แน่ะ มีขันทีชาวเอธิโอปคนหนึ่ง เป็นข้าราชการของพระนางคานดาสีพระราชินีของชาวเอธิโอป และเป็นนายคลังทรัพย์ทั้งหมดของพระราชินีองค์นั้น ท่านมานมัสการที่กรุงเยรูซาเล็ม ขณะนั่งรถม้ากลับไปนั้น ท่านกำลังอ่านหนังสืออิสยาห์ผู้เผยพระวจนะอยู่2. เสียงภายนอก "เงียบเกินไป"
อย่าให้ชีวิตเราอยู่นอกน้ำพระทัยพระเจ้าจนสงบเงียบเชียบเกินไป เพราะถ้าแยกตัวออกจากคริสตจักร ไม่มีส่วนในการรับใช้ ไม่ได้ใช้ความเชื่อในการดำเนินชีวิต ไม่ตระหนักในความรัก ความอดทน หรือการใช้ชีวิตในชุมชนของพระเจ้า เราจะไม่มีทางเข้าใจเสียงของพระเจ้าได้
โรม 12:2 อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม
โรม 12:6 และเราทุกคนมีของประทานต่างกัน ตามพระคุณที่ประทานแก่เรา คือถ้าของประทานเป็นการเผยพระวจนะ ก็จงเผยตามกำลังของความเชื่อโรม 12:11 อย่าอ่อนระอา จงมีจิตใจกระตือรือร้นด้วยพระวิญญาณ จงปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า
1 โครินธ์ 13:13 และบัดนี้ ทั้งสามสิ่งนี้ยังดำรงอยู่ คือความเชื่อ ความหวัง และความรัก แต่ความรักนั้นใหญ่ที่สุดในสามสิ่งนี้ชีวิตคริสเตียนเป็นชีวิตที่ท้าทายเพราะขณะที่เราต้องตระหนักในการทรงนำของพระเจ้า เรายังต้องรับใช้พระองค์ซึ่งเป็นงานที่หนักหน่วงเช่นกัน ความสมดุลจึงเป็นสิ่งที่ต้องตระหนักรับรู้เสมอ ไม่มีใครสมดุลที่สุดทุกเวลา เราต้องปรับใจตัวเอง อะไรที่เอียงไปข้างหนึ่งก็ปรับมันกลับมาอีกข้างหนึ่ง ขอพระเจ้าประทานสติปัญญาแก่เราเสมอเพื่อเราจะไม่ขาดซึ่งการตระหนักในการทรงนำของพระเจ้าตลอดชีวิตของเรา
ยอห์น 15:5 เราเป็นเถาองุ่น พวกท่านเป็นแขนง คนที่ติดสนิทอยู่กับเราและเราติดสนิทอยู่กับเขา คนนั้นจะเกิดผลมาก เพราะว่าถ้าแยกจากเราแล้วพวกท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย
ความคิดเห็น