โดย กนก ลีฬหเกรียงไกร
เซาโลเกิดในโลกของยิว อยู่ในเผ่าเบนยามิน เรียนพระคัมภีร์กับอาจารย์กามาลิเอล มีความเคร่งครัดในธรรมบัญญัติและก้าวหน้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน มีความกระตืนรือร้นถึงขนาดข่มเหงคริสเตียน เหตุการณ์การฆ่าสเทเฟน เซาโลเห็นด้วย เพราะสเทเฟนรวมทั้งคริสเตียนถือว่าพระเยซูเป็นพระเมสสิยาห์ และถือว่าชุมชนของตนเป็นชุมชนแห่งพระเมสสิยาห์ (People of the Messiah) ซึ่งในสายตาของเซาโลในตอนนั้นถือว่าเป็นกลุ่มสอนผิด ดูหมิ่นพระเจ้า และเป็นภัยคุกคามต่อลัทธิยูดาย
เซาโลเกิดที่เมืองทาร์ซัสซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใต้อาณานิคมของอาณาจักรโรมัน เซาโลจึงมีสัณชาติโรมันโดยกำเนิด เซาโลอยู่ในการศึกษาภายใต้อิทธิพลของปรัชญาโปรโต-นอสติก (Proto-gnostic) ที่เน้นปรัชญาทวินิยม (Dualism) เน้นความจริงในสรรพสิ่งจะคู่กันไปในเรื่องของรูปธรรมและจิตวิญญาณ (Flesh and Spirit) โดยมีมุมมองเรื่องแห่งกำเนิดชีวิตและวิญญาณบนสวรรค์ และการไถ่ (Redumption) ทางมนุษย์ที่มีเทวสภาพและเป็นอยู่ก่อนแล้ว (Pre-existence devine man) ฉะนั้นก่อนเซาโลจะเปลี่ยนเป็นคริสเตียน เขาเข้าใจความจริงเรื่องความรอดจากอิทธิพลแนวคิดของกรีกและยิว ซึ่งจะมีผลอย่างชัดเจนเมื่อเขาได้รับประสบการณ์ระหว่างเดินทางไปยังเมืองดามัสกัส (Ladd: 1993, 400-401)
ในโลกคริสเตียนของเซาโลถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากฟาริสีที่เคร่งธรรมบัญญัติกลายมาเป็นนักศาสนศาสตร์คริสเตียนคนแรกของโลก เซาโลได้ตระหนักในความจริงจากลัทธิยูดายและได้เติมเต็มอย่างบริบูรณ์โดยพระเยซูคริสต์ ในความคิดของเซาโล ศาสนาคริสต์ถือเป็นลัทธิยูดายที่แท้จริงและสมบูรณ์ (Ladd: 1993, 406) มุมมองศาสนศาสตร์ตามแนวทางของลัทธิยูดายได้เปลี่ยนใหม่ทั้งหมด เช่น อาณาจักรของพระเจ้าถูกเน้นให้เป็นอาณาจักรของพระคริสต์ เซาโลถือว่าการเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซูคริสต์เป็นเหตุการณ์เริ่มต้นของยุคที่จะมาภายภาคหน้า (Eschatological event) ซึ่งจะมีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น เช่น การเสด็จมาของพระเยซูในฐานะผู้พิพากษาในวันสุดท้าย การฟื้นคืนชีพของผู้เชื่อในสง่าราศี การฟื้นคืนชีพของผู้ที่ไม่เชื่อเพื่อพบกับการพิพากษาครั้งสุดท้ายในนรกบึงไฟ ความชื่นชมยินดีของผู้ที่ได้รับความรอดอย่างสมบูรณ์ ความหวังใหม่คือโลกใหม่ เยรูซาเล็มใหม่ น้ำองุ่นใหม่ งานเลี้ยงของพระเมษโปดก ชื่อใหม่ของผู้ที่ได้รับการไถ่ เพลงบทใหม่ และสิ่งใหม่ๆ ทั้งหมดซึ่งกำลังจะมาพร้อมกับสิ่งเก่าๆ ที่กำลังจะล่วงเลยไป (วว.21:5; อสย.43:19)
ประเด็นการกลับใจใหม่ของเซาโล (Saul’s conversion) บนถนนระหว่างทางไปยังเมืองดามัสกัสเป็นสิ่งที่ต้องกลับมาทบทวน
แท้จริงการใช้คำว่ากลับใจใหม่ (Conversion) อาจจะให้มุมมองที่ไม่ครบถ้วนเสียทีเดียว เพราะเซาโลไม่ได้กลับใจจากการไม่เชื่อมาเป็นผู้เชื่อ ไม่ได้กลับจากการเป็นคนบาปเป็นผู้ชอบธรรม หรือไม่ได้กลับใจจากผู้ที่ไม่มีศาสนามาเป็นผู้มีศาสนา หรือแม้แต่เปลี่ยนจากศาสนาหนึ่งมานับถืออีกศาสนา ในความคิดของเซาโล การยอมรับพระเยซูเป็นพระเมสสิยาห์ถือเป็นการเติมเต็มความเชื่อตามแนวทางของลัทธิยูดายให้สมบูรณ์ (Ladd: 1993, 406) ในมุมของการกลับใจใหม่ เซาโลกลับใจใหม่จากความเข้าใจเรื่องความชอบธรรมอันหนึ่งมาเป็นอีกอันหนึ่งคือ กล่าวคือแต่เดิมเคยตระหนักว่าความชอบธรรมมาโดย “พึ่งพาธรรมบัญญัติและการประพฤติ” (Justification by works) มาเป็นการถือว่าความชอบธรรมนั้นมาโดย “ความเชื่อ” ในพระเยซูคริสต์ (Justification by faith) (รม.9:30)
สำหรับคนต่างชาติ (The Gentile) ที่มากลับใจเป็นคริสเตียน คำว่ากลับใจใหม่จะเป็นคำที่เหมาะสม เพราะคนต่างชาติเดินอยู่บนเส้นทางที่ต่างจากเซาโลและชาวยิวแต่ดั้งเดิม เขาไม่รู้จักพระคริสต์ ไม่ได้เป็นพลเมืองอิสราเอล ไม่มีธรรมบัญญัติ เป็นคนนอกพันธสัญญาทั้งหลายในพระคัมภีร์เดิม อยู่ในโลกอย่างไม่มีความหวังและปราศจากพระเจ้า (อฟ.2:12) แต่เมื่อได้รับรู้และเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้า ทรงไถ่บาปเรา และทรงเป็นขึ้นจากความตาย และได้วางใจในพระเยซู ความเชื่อนั้นจึงทรงถือว่าเราชอบธรรมโดยการชำระโดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ พ้นจากพระพิโรธของพระเจ้า กลับคืนดีกับพระองค์ และสามารถมีความหวังที่จะมีส่วนร่วมในพระสิริของพระเจ้า (รม.4:24-25; รม.5:9-11)
อ้างอิง: Ladd, Eldon Ladd. A Theology of the New Testament. 1993.
![]() |
พระเยซู ความลำบากใจครั้งใหญ่ของยิว |
แลด (Ladd: 1993, 403) ให้ข้อคิดที่ทำให้เซาโลต้องข่มเหงคริสเตียนในเหตุการณ์การตายของสเทเฟน “ถ้าสิ่งที่สเทเฟนพูดนั้นถูกคือพระเยซูทรงเป็นพระเมสสิยาห์ และคริสเตียนเป็นชุมชนแห่งพระเมสสิยาห์ นั่นจะหมายความว่าความเชื่อตามหลักของยิวนั้นถือว่าผิดทันที”อย่างไรก็ตามการศึกษาของเซาโลในคณะฟาริสีส่งผลต่อคำสอนหลายเรื่องที่ทำให้เกิดความเข้าใจที่ครบถ้วนในศาสนศาสตร์คริสเตียนเช่น เรื่องความชอบธรรมโดยความเชื่อและวางใจในพระเยซู (Justification) การบาปและเครื่องบูชาไถ่บาป (Atonement) คำสอนในมุมประยุกต์ของพระเยซูในการดำเนินชีวิต (Sermon on the mountain) และเรื่องวันสุดท้าย (Eschatology) เป็นต้น
เซาโลเกิดที่เมืองทาร์ซัสซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใต้อาณานิคมของอาณาจักรโรมัน เซาโลจึงมีสัณชาติโรมันโดยกำเนิด เซาโลอยู่ในการศึกษาภายใต้อิทธิพลของปรัชญาโปรโต-นอสติก (Proto-gnostic) ที่เน้นปรัชญาทวินิยม (Dualism) เน้นความจริงในสรรพสิ่งจะคู่กันไปในเรื่องของรูปธรรมและจิตวิญญาณ (Flesh and Spirit) โดยมีมุมมองเรื่องแห่งกำเนิดชีวิตและวิญญาณบนสวรรค์ และการไถ่ (Redumption) ทางมนุษย์ที่มีเทวสภาพและเป็นอยู่ก่อนแล้ว (Pre-existence devine man) ฉะนั้นก่อนเซาโลจะเปลี่ยนเป็นคริสเตียน เขาเข้าใจความจริงเรื่องความรอดจากอิทธิพลแนวคิดของกรีกและยิว ซึ่งจะมีผลอย่างชัดเจนเมื่อเขาได้รับประสบการณ์ระหว่างเดินทางไปยังเมืองดามัสกัส (Ladd: 1993, 400-401)
![]() |
A Theology of the New Testament, George E. Ladd |
![]() |
พระเยซูคริสต์ทรงปรากฏแก่เซาโลระหว่างทางไปยังเมืองดามัสกัสเพื่อจับคริสเตียน |
สำหรับคนต่างชาติ (The Gentile) ที่มากลับใจเป็นคริสเตียน คำว่ากลับใจใหม่จะเป็นคำที่เหมาะสม เพราะคนต่างชาติเดินอยู่บนเส้นทางที่ต่างจากเซาโลและชาวยิวแต่ดั้งเดิม เขาไม่รู้จักพระคริสต์ ไม่ได้เป็นพลเมืองอิสราเอล ไม่มีธรรมบัญญัติ เป็นคนนอกพันธสัญญาทั้งหลายในพระคัมภีร์เดิม อยู่ในโลกอย่างไม่มีความหวังและปราศจากพระเจ้า (อฟ.2:12) แต่เมื่อได้รับรู้และเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้า ทรงไถ่บาปเรา และทรงเป็นขึ้นจากความตาย และได้วางใจในพระเยซู ความเชื่อนั้นจึงทรงถือว่าเราชอบธรรมโดยการชำระโดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ พ้นจากพระพิโรธของพระเจ้า กลับคืนดีกับพระองค์ และสามารถมีความหวังที่จะมีส่วนร่วมในพระสิริของพระเจ้า (รม.4:24-25; รม.5:9-11)
อ้างอิง: Ladd, Eldon Ladd. A Theology of the New Testament. 1993.
ความคิดเห็น