โดย กนก ลีฬหเกรียงไกร
1 โครินธ์ 1:12 ข้าพเจ้าหมายความว่า พวกท่านต่างก็กล่าวว่า “ข้าพเจ้าเป็นศิษย์เปาโล” หรือ “ข้าพเจ้าเป็นศิษย์อปอลโล” หรือ “ข้าพเจ้าเป็นศิษย์เคฟาส” หรือ “ข้าพเจ้าเป็นศิษย์พระคริสต์”
เปาโลได้เขียนถึงคริสเตียนชาวโครินธ์ที่ถือว่าตัวเองเป็นปราชญ์นักคิด ผู้รู้ และตามบริบทเขากำลังท้าทายสิทธิอำนาจความเป็นอัครทูตของเปาโล โดยอ้างตนว่าเป็นศิษย์คนอื่นที่มีชื่อเสียงเช่นกัน เช่น อปอลโล เคฟาส หรือเปโตร และศิษย์พระเยซู
1 โครินธ์ 1:18 "เพราะว่าคนทั้งหลายที่กำลังจะพินาศก็เห็นว่าเรื่องกางเขนเป็นเรื่องโง่ แต่เราที่กำลังจะรอดเห็นว่าเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า"
1 โครินธ์ 1:22-23 "พวกยิวขอหมายสำคัญ และพวกกรีกเสาะหาปัญญา แต่เราประกาศเรื่องพระคริสต์ทรงถูกตรึงที่กางเขนนั้น อันเป็นสิ่งที่พวกยิวสะดุด และพวกต่างชาติถือว่าเป็นเรื่องโง่"
จะแสวงหาด้วยวิธีที่ให้ได้ตามที่คาดหวัง ซึ่งจริงๆ เราต้องถามว่าพระประสงค์ของพระเจ้าคืออะไรมากกว่าแล้วแสวงหาจนพบ และพบด้วยวิธีที่เราเปิดใจ
1 โครินธ์ 1:28-29 "พระเจ้าได้ทรงเลือกพวกที่โลกถือว่าต่ำต้อยและดูหมิ่น และเห็นว่าไม่สำคัญ เพื่อทำลายสิ่งซึ่งโลกเห็นว่าสำคัญเพื่อไม่ให้มนุษย์สักคนหนึ่งโอ้อวดเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้"
เปาโลตอบผู้รู้ชาวโครินธ์โดยชี้ให้เห็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ "ทั้งหมดที่เขาเชื่อนั้น เขาเชื่อตัวเองมากกว่า" แล้วเอาชื่ออาจารย์ที่เขาสอนตามที่ตัวเองอยากได้ยินนั้นมาอ้างเพื่อข่มขู่เปาโล คือ self-center นั่นเอง อาจารย์ที่ตัวเองคิดว่าตัวเองชอบคำสอนเขาก็เอา คนไหนสอนอะไรแล้วไม่ชอบ ก็ไม่เอา
เคสแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในอดีตครับ ปัจจุบันก็เยอะ ต่างคนก็มักจะอ้างว่าตัวเองเป็นศิษย์ใคร อยู่คริสตจักรไหน สังกัดอะไร จบโรงเรียนพระคริสต์ธรรมที่ไหน หลักสูตรอะไร
เราน่าจะถามใหม่ว่าเหตุผลที่เราปฏิเสธคำสอนบางเรื่องเพราะเราไม่เห็นด้วย หรือค้นพระคัมภีร์จริงๆ ว่าพระเจ้าไม่เห็นด้วย เหตุผลที่เราไม่เห็นด้วยกับนโยบายบางอย่างของคริสตจักร จริงๆ เพราะนโยบายนั้นๆ สร้างความไม่พอใจให้เรา หรือพระคัมภีร์ไม่ได้สนับสนุนนโยบายนั้น เหตุผลที่เราปฏิเสธผู้นำบางคน เพราะเขาไม่ตามใจเรา หรือเพราะพระเจ้าไม่ตามใจเรา เป็นอะไรที่น่าคิดนะครับ
อ้างอิง
D. A. Carson, the Cross and Christian Ministry. Leadership lessons from 1 Corinthians
![]() |
อัครทูตเปาโลที่เมืองโครินธ์ |
เปาโลได้เขียนถึงคริสเตียนชาวโครินธ์ที่ถือว่าตัวเองเป็นปราชญ์นักคิด ผู้รู้ และตามบริบทเขากำลังท้าทายสิทธิอำนาจความเป็นอัครทูตของเปาโล โดยอ้างตนว่าเป็นศิษย์คนอื่นที่มีชื่อเสียงเช่นกัน เช่น อปอลโล เคฟาส หรือเปโตร และศิษย์พระเยซู
1 โครินธ์ 1:18 "เพราะว่าคนทั้งหลายที่กำลังจะพินาศก็เห็นว่าเรื่องกางเขนเป็นเรื่องโง่ แต่เราที่กำลังจะรอดเห็นว่าเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า"
1 โครินธ์ 1:22-23 "พวกยิวขอหมายสำคัญ และพวกกรีกเสาะหาปัญญา แต่เราประกาศเรื่องพระคริสต์ทรงถูกตรึงที่กางเขนนั้น อันเป็นสิ่งที่พวกยิวสะดุด และพวกต่างชาติถือว่าเป็นเรื่องโง่"
จะแสวงหาด้วยวิธีที่ให้ได้ตามที่คาดหวัง ซึ่งจริงๆ เราต้องถามว่าพระประสงค์ของพระเจ้าคืออะไรมากกว่าแล้วแสวงหาจนพบ และพบด้วยวิธีที่เราเปิดใจ
1 โครินธ์ 1:28-29 "พระเจ้าได้ทรงเลือกพวกที่โลกถือว่าต่ำต้อยและดูหมิ่น และเห็นว่าไม่สำคัญ เพื่อทำลายสิ่งซึ่งโลกเห็นว่าสำคัญเพื่อไม่ให้มนุษย์สักคนหนึ่งโอ้อวดเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้"
เปาโลตอบผู้รู้ชาวโครินธ์โดยชี้ให้เห็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ "ทั้งหมดที่เขาเชื่อนั้น เขาเชื่อตัวเองมากกว่า" แล้วเอาชื่ออาจารย์ที่เขาสอนตามที่ตัวเองอยากได้ยินนั้นมาอ้างเพื่อข่มขู่เปาโล คือ self-center นั่นเอง อาจารย์ที่ตัวเองคิดว่าตัวเองชอบคำสอนเขาก็เอา คนไหนสอนอะไรแล้วไม่ชอบ ก็ไม่เอา
เคสแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในอดีตครับ ปัจจุบันก็เยอะ ต่างคนก็มักจะอ้างว่าตัวเองเป็นศิษย์ใคร อยู่คริสตจักรไหน สังกัดอะไร จบโรงเรียนพระคริสต์ธรรมที่ไหน หลักสูตรอะไร
เราน่าจะถามใหม่ว่าเหตุผลที่เราปฏิเสธคำสอนบางเรื่องเพราะเราไม่เห็นด้วย หรือค้นพระคัมภีร์จริงๆ ว่าพระเจ้าไม่เห็นด้วย เหตุผลที่เราไม่เห็นด้วยกับนโยบายบางอย่างของคริสตจักร จริงๆ เพราะนโยบายนั้นๆ สร้างความไม่พอใจให้เรา หรือพระคัมภีร์ไม่ได้สนับสนุนนโยบายนั้น เหตุผลที่เราปฏิเสธผู้นำบางคน เพราะเขาไม่ตามใจเรา หรือเพราะพระเจ้าไม่ตามใจเรา เป็นอะไรที่น่าคิดนะครับ
อ้างอิง
D. A. Carson, the Cross and Christian Ministry. Leadership lessons from 1 Corinthians
ความคิดเห็น