เนื้อหาคำอธิษฐานที่มักใช้กันแต่ดูให้ลึกๆ อาจสร้างความงุนงงในศาสนศาสตร์ได้
1. "พี่น้องที่รัก ให้เรามาอธิษฐานเผื่ออาหารด้วยกัน"
อธิษฐานเผื่ออาหาร? อาหารไม่มีชีวิตจะอธิษฐานเผื่ออาหารเพื่ออะไรเอ่ย เสนอให้พูดว่า "ให้เราอธิษฐานขอบคุณพระเจ้าสำหรับอาหารด้วยกัน" ความหมายน่าจะตรงกว่า
2. "ขอพระเจ้าชำระอาหารให้บริสุทธิ์"
เรื่องนี้พอจะมีศาสนศาสตร์อยู่บ้างเรื่องการชำระจากมลทิน แต่กรณีที่ใช้เกี่ยวกับอาหารเป็นการชำระสัตว์มลทินให้สะอาดสามารถรับประทานได้ (กิจการฯ 10:15) เป็นการพูดครั้งเดียวเหมือนประกาศว่าสะอาด แต่บริบทของการอธิษฐานเหมือนกับต้องชำระเรื่อยๆ อันนี้ไม่ถูกซะทีเดียวครับ และอาจมีปัญหากับเจ้าบ้านหรือผู้จัดเตรียมอาหารก็ได้ เสนอให้อธิษฐาน "ขอบคุณพระเจ้าสำหรับอาหารและผู้จัดเตรียม" น่าจะเหมาะสมกว่า
3. "พี่น้องที่รัก ให้เรามาอธิษฐานเผื่อทรัพย์ด้วยกัน"
อันนี้เหมือนข้ออาหาร ทรัพย์ไม่มีชีวิต เราควรพูดว่า "พี่น้องที่รัก ให้เราอธิษฐานขอบคุณพระเจ้าสำหรับทรัพย์ที่เราร่วมใจกันถวายด้วยกัน"
4. "ข้าแต่พระเจ้าขอให้ทรัพย์นี้แปรเปลี่ยนเป็นจิตวิญญาณมากมายให้มารู้จักพระเจ้า"
อาจจะอธิษฐานเพลินไปหน่อยครับ เพราะทรัพย์จะแปรเปลี่ยนเป็นจิตวิญญาณไม่ได้ครับ ควรอธิษฐานว่า "ขอให้ทรัพย์นี้มีส่วนช่วยให้คนมากมายได้มารู้จักพระเจ้า" ควรอธิษฐานอวยพรและขอบคุณผู้ถวายด้วยนะครับ
5. ในพิธีมหาสนิท "ขนมปังนี้เล็งถึงพระกายของพระเยซูคริสต์ที่ทรงแตกหักเพื่อเรา"
พระคัมภีร์บอกเราว่ากระดูกของพระองค์ไม่หักแม้แต่ซี่เดียว (ยอห์น 19:36) ควรพูดว่า "ขนมปังเล็งถึงพระกายของพระเยซูที่มอบไว้แก่เรา" หรือ "ที่ทรงสละพระชนม์ชีพเพื่อเรา" ก็พอ
(ผมเคยเขียนเรื่องนี้แล้ว พี่น้องสามารถอ่านได้ที่ https://kanok-leelahakriengkrai.blogspot.com/2016/11/blog-post_18.html)
6. "ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ชีวิตของเราบริสุทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ"
พระคัมภีร์บอกชัดเจนว่าผู้เชื่อย่อมรับการชำระให้บริสุทธิ์แล้วโดยพระคุณ (โรม 4:24, โรม 6:22) เราควรอธิษฐานว่า "ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงเหมือนอย่างพระองค์มากขึ้นเรื่อยๆ" น่าจะตรงพระคัมภีร์มากกว่าครับ
7. เรื่องนี้อาจเป็นที่ถกเถียงในเชิงศาสนศาสตร์นะครับ อาจมีบางคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เช่น
"ขอพระเจ้าเจิมเราอย่างมากมาย" หากเรามีพระวิญญาณในชีวิต การเจิมย่อมอยู่กับเราอยู่แล้วด้วยเช่นกัน และการเจิมในพระวิญญาณมีระดับเดียวคือระดับพระคริสต์ ความตระหนักในการเจิมจึงน่าจะสำคัญมากกว่าขอการเจิม (1 โครินธ์ 6:19)
8. การอธิษฐานเผื่อคนเจ็บป่วย "ขอสั่งในนามพระเยซูให้โรคจงหายเดี๋ยวนี้"
การหายโรคเป็นเอกสิทธิ์ของพระเจ้า น่าจะอธิษฐานวิงวอนขอพระเจ้าทรงเมตตาให้เขาหายโรคดีกว่า
(อ่าน "9 ข้อสังเกตเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บและการหายโรค" ได้ที่ https://kanok-leelahakriengkrai.blogspot.com/2016/12/9.html)
1. "พี่น้องที่รัก ให้เรามาอธิษฐานเผื่ออาหารด้วยกัน"
อธิษฐานเผื่ออาหาร? อาหารไม่มีชีวิตจะอธิษฐานเผื่ออาหารเพื่ออะไรเอ่ย เสนอให้พูดว่า "ให้เราอธิษฐานขอบคุณพระเจ้าสำหรับอาหารด้วยกัน" ความหมายน่าจะตรงกว่า
2. "ขอพระเจ้าชำระอาหารให้บริสุทธิ์"
เรื่องนี้พอจะมีศาสนศาสตร์อยู่บ้างเรื่องการชำระจากมลทิน แต่กรณีที่ใช้เกี่ยวกับอาหารเป็นการชำระสัตว์มลทินให้สะอาดสามารถรับประทานได้ (กิจการฯ 10:15) เป็นการพูดครั้งเดียวเหมือนประกาศว่าสะอาด แต่บริบทของการอธิษฐานเหมือนกับต้องชำระเรื่อยๆ อันนี้ไม่ถูกซะทีเดียวครับ และอาจมีปัญหากับเจ้าบ้านหรือผู้จัดเตรียมอาหารก็ได้ เสนอให้อธิษฐาน "ขอบคุณพระเจ้าสำหรับอาหารและผู้จัดเตรียม" น่าจะเหมาะสมกว่า
3. "พี่น้องที่รัก ให้เรามาอธิษฐานเผื่อทรัพย์ด้วยกัน"
อันนี้เหมือนข้ออาหาร ทรัพย์ไม่มีชีวิต เราควรพูดว่า "พี่น้องที่รัก ให้เราอธิษฐานขอบคุณพระเจ้าสำหรับทรัพย์ที่เราร่วมใจกันถวายด้วยกัน"
4. "ข้าแต่พระเจ้าขอให้ทรัพย์นี้แปรเปลี่ยนเป็นจิตวิญญาณมากมายให้มารู้จักพระเจ้า"
อาจจะอธิษฐานเพลินไปหน่อยครับ เพราะทรัพย์จะแปรเปลี่ยนเป็นจิตวิญญาณไม่ได้ครับ ควรอธิษฐานว่า "ขอให้ทรัพย์นี้มีส่วนช่วยให้คนมากมายได้มารู้จักพระเจ้า" ควรอธิษฐานอวยพรและขอบคุณผู้ถวายด้วยนะครับ
5. ในพิธีมหาสนิท "ขนมปังนี้เล็งถึงพระกายของพระเยซูคริสต์ที่ทรงแตกหักเพื่อเรา"
พระคัมภีร์บอกเราว่ากระดูกของพระองค์ไม่หักแม้แต่ซี่เดียว (ยอห์น 19:36) ควรพูดว่า "ขนมปังเล็งถึงพระกายของพระเยซูที่มอบไว้แก่เรา" หรือ "ที่ทรงสละพระชนม์ชีพเพื่อเรา" ก็พอ
(ผมเคยเขียนเรื่องนี้แล้ว พี่น้องสามารถอ่านได้ที่ https://kanok-leelahakriengkrai.blogspot.com/2016/11/blog-post_18.html)
6. "ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ชีวิตของเราบริสุทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ"
พระคัมภีร์บอกชัดเจนว่าผู้เชื่อย่อมรับการชำระให้บริสุทธิ์แล้วโดยพระคุณ (โรม 4:24, โรม 6:22) เราควรอธิษฐานว่า "ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงเหมือนอย่างพระองค์มากขึ้นเรื่อยๆ" น่าจะตรงพระคัมภีร์มากกว่าครับ
7. เรื่องนี้อาจเป็นที่ถกเถียงในเชิงศาสนศาสตร์นะครับ อาจมีบางคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เช่น
"ขอพระเจ้าเจิมเราอย่างมากมาย" หากเรามีพระวิญญาณในชีวิต การเจิมย่อมอยู่กับเราอยู่แล้วด้วยเช่นกัน และการเจิมในพระวิญญาณมีระดับเดียวคือระดับพระคริสต์ ความตระหนักในการเจิมจึงน่าจะสำคัญมากกว่าขอการเจิม (1 โครินธ์ 6:19)
8. การอธิษฐานเผื่อคนเจ็บป่วย "ขอสั่งในนามพระเยซูให้โรคจงหายเดี๋ยวนี้"
การหายโรคเป็นเอกสิทธิ์ของพระเจ้า น่าจะอธิษฐานวิงวอนขอพระเจ้าทรงเมตตาให้เขาหายโรคดีกว่า
(อ่าน "9 ข้อสังเกตเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บและการหายโรค" ได้ที่ https://kanok-leelahakriengkrai.blogspot.com/2016/12/9.html)
9. "ให้เราลืมคนข้างๆ เพื่อจดจ่อกับพระเจ้าในการนมัสการ"
ประโยคนี้อาจจะได้ยินบ้างจากบรรยากาศร้องเพลงการนมัสการ แต่หากเรากลับมาทบทวนและใคร่ครวญความหมายของการนมัสการ เราจะพบว่าการนมัสการคือการมอบถวายชีวิตนบนอบให้พระเจ้าเข้ามาครอบครอง และผูกพันกับพระคริสต์ผู้เป็นดังศีรษะของพระวรกาย
การลืมคนข้างๆ อาจจะดูไม่สอดคล้องกับความหมายของการนมัสการ เราน่าจะหนุนใจว่า "ให้เราร้องเพลงนมัสการอย่างเป็นเสียงเดียวกัน" หรือ "ให้เรานมัสการอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน"
10. การกล่าวต้อนรับในวันอาทิตย์ "ขอต้อนรับสู่วันสะบาโตของพระเจ้า"
คำนี้อาจจะได้ยินบ่อยๆ ในวันอาทิตย์ แต่หากเราพิจารณามุมมองของประวัติศาสตร์คริสตจักรยุคต้นเราจะพบว่า ประมาณก่อน ค.ศ. 500 คริสเตียนมีมุมมอง 2 อย่างคือวันเสาร์เป็นวันสะบาโต เป็นวันบริสุทธิ์ และวันอาทิตย์เป็นวันประชุมนมัสการ กำลังเสนอความคิดเรื่องสะบาโตของยิว "ถูกแยกออกไป" จากวันประชุมนมัสการวันอาทิตย์ที่อยู่ในวันอาทิตย์ เช่นเดียวกับการถือพิธีเข้าสุหนัตที่อัครทูตพยายามต่อต้าน
ปัจจุบันคริสเตียนถือว่าวันอาทิตย์เป็นวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า เราไม่มีความจำเป็นต้องไปอ้างอิงยืมความหมายวันแห่งความบริสุทธิ์ของพระเจ้าเพื่อเสริมว่าวันอาทิตย์ว่าเป็นวันสะบาโตอีกต่อไป
(อ่าน "การนมัสการวันอาทิตย์ของชาวคริสต์ไม่ใช่วันสะบาโตของยิว" ได้ที่ https://kanok-leelahakriengkrai.blogspot.com/2020/09/blog-post.html)
ปรับปรุง ก.ค.2024
ความคิดเห็น