โดย กนก ลีฬหเกรียงไกร
เวลาพูดถึงชีวิตแต่งงาน หลายคู่ก็ไม่อยากจะอ่านต่อแล้ว เพราะบางทีมันไม่เหมือนตอนจีบกันใหม่ๆ (ซึ่งเราก็ไม่ควรเอาไปเทียบ) ผมอยากเริ่มต้นด้วยการให้กำลังใจทุกคู่แต่งงานว่า ชีวิตคู่เอาจริงๆ ก็พอจะกำหนดบ้างได้ว่าจะให้ออกมาแบบไหน แม้อาจจะมีทั้งสุขหรือทุกข์เคล้ากันไปแต่ก็ถือว่าถ้าเราควบคุมความคิดและสติของเราได้ ทุกอย่างก็จะสามารถตั้งต้นใหม่ได้เสมอ
ประสบการณ์ 21 ปีในการใช้ชีวิตคู่ พอมีอะไรดีๆ มาแชร์ได้บ้าง หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
1. การพูดคุยและรับฟัง เป็นสิ่งสำคัญมาก
ยิ่งเราอายุมากขึ้น ประสบการณ์ และสถานภาพสังคมเปลี่ยนไป คู่ชีวิตที่สามารถคุยกันแนะนำกันได้นี่ถือเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดเลย การพูดในที่นี้ผมหมายถึงการสื่อสารที่ออกมาจากใจ ใจเป็นสิ่งสำคัญมาก และการใช้เวลาคุยกันทุกเรื่อง ต่อเนื่องนานๆ จะเป็นอะไรที่ดีมาก
ผมมักเป็นฝ่ายเริ่มคุย ขอให้ฟังในความคิดใหม่ๆ สิ่งที่อ่านมา ซึ่งบางทีก็กลัวจะเบื่อเหมือนกันเพราะภรรยาอาจไม่อยากฟังในเรื่องที่เราสนใจก็ได้ บางทีก็รีบๆ เล่าให้จบ ถามบ่อยๆ ว่าเบื่อหรือยัง บางเวลาที่เจออะไรเครียดๆ ผมก็มักจะเล่าให้ภรรยาฟัง กลับกันเวลาภรรยาจะพูดก็ถือเป็นสิ่งมีค่าที่สุด รับฟังอย่างตั้งใจ
2. ชีวิตคู่ต้องมีแซวบ้าง หัวเราะบ้าง
ตอนอยู่บ้านไม่ต้องวางตัวอะไรมาก เล่นเฮฮากับลูกๆ แซวภรรยาบ้างพอสนุกๆ ผมถือว่าดีครับ เป็นสีสันของชีวิตเลยหล่ะ
3. บทจะตึงเครียดต้องมีสติ
จำไว้ว่าคนเราเวลาฉุนเฉียวสามารถทำลายจิตใจของคนใกล้ตัวได้ และพอเราหายแล้ว เขาอาจจะแย่ไปเลยก็ได้ สำหรับผมเวลาเครียดๆ จะเงียบ ภรรยาจะสังเกตได้ทันที สติต้องมี การควบคุมอารมณ์ต้องมาครับ จัดการกับความเครียดอย่างเต็มที่ ส่วนใหญ่ผมมักจะเครียดเมื่อมีงานเยอะ วิธีที่ดีคือทำงานให้เสร็จให้มากที่สุดความเครียดจะลดลงเอง
การลดความเครียดอาจทำได้หลายวิธี เช่น หาอะไรอร่อยๆ ทาน, ออกกำลังกาย, เดินเล่นนอกบ้านสักหน่อย, ดูหนังฟังเพลง, สิ่งที่ไม่ควรทำคือเล่นเกมส์ หรืออยู่กับมือถือไปเรื่อยๆ อันนี้จะยิ่งเครียดครับ มือถือ วางๆ หน่อยก็ได้ คนตรงหน้าต้องสำคัญกว่าคนบนโลกโซเชียลเสมอครับ
4. อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาล
ต้องเอาชนะวัฒนธรรมส่วนตัวกันสักหน่อย บางคนชอบเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ทำตัวใหญ่โตในครอบครัว จะได้อะไรต้องได้ จะซื้ออะไรซื้อ ไม่สนใจสามีหรือภรรยาว่าอยากได้ของอะไร อยากไปเที่ยวที่ไหน อยากสะสมเงินเท่าไร ฯลฯ ทางที่ดีลด ego ลงสักหน่อย ถามอีกฝ่ายว่าเขาคิดยังไงกับการใช้ชีวิต หรือการวางแผนอนาคต
5. พระเจ้าคือไฟนอลเสมอ
ผมถือว่าชีวิตคู่ของผมมีพระคุณพิเศษคือที่สุดของชีวิตคู่ของเรา ยังไงๆ เราก็ยำเกรงพระเจ้า เพราะชีวิตคู่เริ่มต้นด้วยการกล่าวพันธสัญญาต่อพระเจ้าและแก่กันและกันว่าจะสัตย์ซื่อ จะร่วมทุกข์ร่วมสุขต่อกันจนวันตาย ฉะนั้นระหว่างทางมีอะไรที่ขัดแย้งเห็นต่าง หรือจะตัดสินใจอะไรสักอย่าง ผมสามารถพูดได้อย่างสบายๆ เลยว่า เราจะคุยกันว่าหลักคิดในพระคัมภีร์ว่าอย่างไร แล้วให้พระเจ้าทรงนำ อธิษฐานด้วยกัน พระเจ้าที่เราทั้งคู่เชื่อและยำเกรงจะเป็นไฟนอลเสมอ ชีวิตคู่ที่เดินมาได้ยาวนานขนาดนี้เป็นเพราะเรายำเกรงพระเจ้า
ประมาณนี้ครับ เอาสัก 5 ข้อพอก่อน ไม่ใช่วิทยานิพนธ์ สุดท้ายต้องพูดกันตรงๆ ว่าชีวิตคู่เป็นประสบการณ์ร่วมที่สามารถสำเร็จหรือล้มเหลว สมหวังหรือผิดหวัง อยู่ทนหรือทนอยู่ เราสามารถ reset ใหม่ได้ตลอดเวลา และหากเรามีพระเจ้า พระองค์จะช่วยให้เรามีกำลังใจอย่างมากที่จะประคับประคองครอบครัวให้กลับมาตั้งมั่นคงได้เสมอครับ
เวลาพูดถึงชีวิตแต่งงาน หลายคู่ก็ไม่อยากจะอ่านต่อแล้ว เพราะบางทีมันไม่เหมือนตอนจีบกันใหม่ๆ (ซึ่งเราก็ไม่ควรเอาไปเทียบ) ผมอยากเริ่มต้นด้วยการให้กำลังใจทุกคู่แต่งงานว่า ชีวิตคู่เอาจริงๆ ก็พอจะกำหนดบ้างได้ว่าจะให้ออกมาแบบไหน แม้อาจจะมีทั้งสุขหรือทุกข์เคล้ากันไปแต่ก็ถือว่าถ้าเราควบคุมความคิดและสติของเราได้ ทุกอย่างก็จะสามารถตั้งต้นใหม่ได้เสมอ
ประสบการณ์ 21 ปีในการใช้ชีวิตคู่ พอมีอะไรดีๆ มาแชร์ได้บ้าง หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
1. การพูดคุยและรับฟัง เป็นสิ่งสำคัญมาก
ยิ่งเราอายุมากขึ้น ประสบการณ์ และสถานภาพสังคมเปลี่ยนไป คู่ชีวิตที่สามารถคุยกันแนะนำกันได้นี่ถือเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดเลย การพูดในที่นี้ผมหมายถึงการสื่อสารที่ออกมาจากใจ ใจเป็นสิ่งสำคัญมาก และการใช้เวลาคุยกันทุกเรื่อง ต่อเนื่องนานๆ จะเป็นอะไรที่ดีมาก
ผมมักเป็นฝ่ายเริ่มคุย ขอให้ฟังในความคิดใหม่ๆ สิ่งที่อ่านมา ซึ่งบางทีก็กลัวจะเบื่อเหมือนกันเพราะภรรยาอาจไม่อยากฟังในเรื่องที่เราสนใจก็ได้ บางทีก็รีบๆ เล่าให้จบ ถามบ่อยๆ ว่าเบื่อหรือยัง บางเวลาที่เจออะไรเครียดๆ ผมก็มักจะเล่าให้ภรรยาฟัง กลับกันเวลาภรรยาจะพูดก็ถือเป็นสิ่งมีค่าที่สุด รับฟังอย่างตั้งใจ
2. ชีวิตคู่ต้องมีแซวบ้าง หัวเราะบ้าง
ตอนอยู่บ้านไม่ต้องวางตัวอะไรมาก เล่นเฮฮากับลูกๆ แซวภรรยาบ้างพอสนุกๆ ผมถือว่าดีครับ เป็นสีสันของชีวิตเลยหล่ะ
3. บทจะตึงเครียดต้องมีสติ
จำไว้ว่าคนเราเวลาฉุนเฉียวสามารถทำลายจิตใจของคนใกล้ตัวได้ และพอเราหายแล้ว เขาอาจจะแย่ไปเลยก็ได้ สำหรับผมเวลาเครียดๆ จะเงียบ ภรรยาจะสังเกตได้ทันที สติต้องมี การควบคุมอารมณ์ต้องมาครับ จัดการกับความเครียดอย่างเต็มที่ ส่วนใหญ่ผมมักจะเครียดเมื่อมีงานเยอะ วิธีที่ดีคือทำงานให้เสร็จให้มากที่สุดความเครียดจะลดลงเอง
การลดความเครียดอาจทำได้หลายวิธี เช่น หาอะไรอร่อยๆ ทาน, ออกกำลังกาย, เดินเล่นนอกบ้านสักหน่อย, ดูหนังฟังเพลง, สิ่งที่ไม่ควรทำคือเล่นเกมส์ หรืออยู่กับมือถือไปเรื่อยๆ อันนี้จะยิ่งเครียดครับ มือถือ วางๆ หน่อยก็ได้ คนตรงหน้าต้องสำคัญกว่าคนบนโลกโซเชียลเสมอครับ
4. อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาล
ต้องเอาชนะวัฒนธรรมส่วนตัวกันสักหน่อย บางคนชอบเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ทำตัวใหญ่โตในครอบครัว จะได้อะไรต้องได้ จะซื้ออะไรซื้อ ไม่สนใจสามีหรือภรรยาว่าอยากได้ของอะไร อยากไปเที่ยวที่ไหน อยากสะสมเงินเท่าไร ฯลฯ ทางที่ดีลด ego ลงสักหน่อย ถามอีกฝ่ายว่าเขาคิดยังไงกับการใช้ชีวิต หรือการวางแผนอนาคต
5. พระเจ้าคือไฟนอลเสมอ
ผมถือว่าชีวิตคู่ของผมมีพระคุณพิเศษคือที่สุดของชีวิตคู่ของเรา ยังไงๆ เราก็ยำเกรงพระเจ้า เพราะชีวิตคู่เริ่มต้นด้วยการกล่าวพันธสัญญาต่อพระเจ้าและแก่กันและกันว่าจะสัตย์ซื่อ จะร่วมทุกข์ร่วมสุขต่อกันจนวันตาย ฉะนั้นระหว่างทางมีอะไรที่ขัดแย้งเห็นต่าง หรือจะตัดสินใจอะไรสักอย่าง ผมสามารถพูดได้อย่างสบายๆ เลยว่า เราจะคุยกันว่าหลักคิดในพระคัมภีร์ว่าอย่างไร แล้วให้พระเจ้าทรงนำ อธิษฐานด้วยกัน พระเจ้าที่เราทั้งคู่เชื่อและยำเกรงจะเป็นไฟนอลเสมอ ชีวิตคู่ที่เดินมาได้ยาวนานขนาดนี้เป็นเพราะเรายำเกรงพระเจ้า
ประมาณนี้ครับ เอาสัก 5 ข้อพอก่อน ไม่ใช่วิทยานิพนธ์ สุดท้ายต้องพูดกันตรงๆ ว่าชีวิตคู่เป็นประสบการณ์ร่วมที่สามารถสำเร็จหรือล้มเหลว สมหวังหรือผิดหวัง อยู่ทนหรือทนอยู่ เราสามารถ reset ใหม่ได้ตลอดเวลา และหากเรามีพระเจ้า พระองค์จะช่วยให้เรามีกำลังใจอย่างมากที่จะประคับประคองครอบครัวให้กลับมาตั้งมั่นคงได้เสมอครับ
ความคิดเห็น