Disruption ยุคแห่งการปฏิวัติเปลี่ยนผ่านของสังคมโลก

ภาพเศรษฐกิจตอนนี้ต้องบอกว่ากำลังโกลาหล เพราะธุรกิจต่างๆ กำลังรบกับศึกนอก ศึกใน และศึกที่คู่ต่อสู้มาแบบไม่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบของการเมือง เทคโนโลยี และสังคม ที่กำลังตีกรอบกติกาใหม่และกำลังก้าวผ่านยุคอุตสาหกรรมไปสู่ยุคดิจิตัลอย่างเต็มรูปแบบ เราคงต้องรีบเรียนรู้และเฝ้าจับตาอย่างจริงจังเพื่อจะ surf คลื่นตัวใหม่นี้ไปด้วยกัน ไม่ตกเทรน
ล่าสุดในหลายวงการถูกผลกระทบจากเทคโนโลยี เช่น 
วงการบันเทิง รายการทีวี หนัง เพลง
คนฟังเพลงฟรีๆ จาก YouTube หรือสื่อเป็นเพลงๆ จาก iTune ซื้อหนังออนไลน์ในความละเอียดถึง 4K HDR ในราคาที่จับต้องได้ สิ่งที่ออกอากาศในรายการทีวี สามารถตามต่อได้ใน YouTube จนไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจออีกต่อไป และที่สำคัญสามารถเฝ้ามอง feedback ได้ตลอดเวลา ซึ่งสมัยก่อนต้องใช้การทำวิจัยจึงจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ 

การค้าปลีก
E-commerce โตขึ้นเรื่อยๆ แม้ปัจจุบันผู้บริโภคยังไม่กล้าซื้อของที่มีราคาแพงๆ แต่วันหนึ่งจะกล้าซื้อมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนห้างสรรพสินค้าต้องปรับตัวเน้นการให้ประสบการณ์ใหม่ๆ มากกว่าการเน้นขายสินค้า มีการใช้ Big Data เพื่อวิเคราะห์หาพฤติกรรมผู้บริโภค

การศึกษา
ปัจจุบันเริ่มมีการศึกษาแบบออนไลน์ที่ทำโดยมหาวิทยาชั้นนำของโลก (MOOC - Massive Open Online Course) กระทบการศึกษาในระดับภูมิภาคและประเทศไทยอย่างแน่นอน, พฤติกรรมการศึกษาที่ไม่ชอบฟังอะไรนานๆ (จริงๆ ถ้าใครทนอ่านถึงตรงนี้ได้ผมถือว่าเก่งมากๆ เลยนะครับ)

จะมีอีกหลายวงการที่จะถูกกระทบซึ่งเราอาจจะมองภาพออกบ้างไม่ออกบ้าง เช่น การเงิน Bitcoin, การบริหารทรัพยากรบุคคล, วงการรถยนต์, Infrasturcture ที่รองรับรถยนต์หรือเครื่องบินแบบ AV (Automated Vehicles)
AI ที่ติดตั้งในระบบขับเคลื่อนเองจะลดอุบัติเหตุทางท้องถนนได้อย่างมากในอนาคต
ผมคิดว่าความยากลำบากบางอย่างของสังคมไทยอาจจะมีปัจจัยที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงนั้นยากกว่าประเทศอื่น เพราะคนไทยตระหนักรับรู้การเปลี่ยนแปลงได้ช้ามากเพราะอาจเป็นปัญหาด้านภาษา การไม่ชอบอ่านไม่ชอบเรียนรู้อะไรใหม่ๆ แต่ชอบ entertain ไปวันๆ (50 อันดับของการเข้า YouTube ของคนไทยเป็นเรื่องบันเทิงทั้งหมด เช่น เพลง หนัง เกมส์), การเมืองไทยและระบบอุปถัมภ์ก็เป็นอุปสรรคใหญ่มาก, คุณภาพการศึกษาในระบบที่ด้อยคุณภาพลงเรื่อยๆ และคนไทยเริ่มไม่อยากเรียนสูงๆ เพราะไม่ชอบวิธีการสอน ระยะเวลาที่ต้องเข้าไปสู่ระบบการศึกษา และปริญญาที่ไม่ได้การันตีความมั่นคงในอนาคตของเขา

เป็นอะไรที่ยากถ้าจะต้องบอกว่าแล้วธุรกิจจะต้องปรับตัวอย่างไร แต่ผมคาดเดาเท่าที่เข้าใจตอนนี้คือ

1. ผู้บริหารที่มีหน้าที่ตัดสินใจ ต้องปรับตัวเองก่อน หากไม่เคยสนใจเทคโนโลยีเลย ต้องเริ่มทำอะไรเองให้เป็นและใช้ให้คล่อง เช่น สื่อโซเชี่ยลมีเดียหลักๆ, เฟสบุ๊ค, Instagram, ไลน์, การไลฟ์ และสังเกตกระบวนความคิดของเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ออกมา พยายามตีโจทย์ประยุกต์ให้มากที่สุดกับการทำงานของตัวเอง

2. ออกนอกกรอบความคิดเดิมๆ เพราะโมเดลการทำงานแบบเดิมๆ อาจจะใช่หรือไม่ใช่คำตอบในยุคที่กำลังจะมาก็ได้

3. ลงทุนแบบลองผิดลองถูกในโมเดลของอนาคต อย่าเสียดายเงิน ถือว่าเป็นค่าวิชาสำหรับการเรียนรู้อะไรใหม่ๆ

4. พยายามทำความเข้าใจอย่างน้อยในเรื่องเหล่านี้ AI, Blockchain, Bitcoin, และ Big Data ให้มากที่สุด

5. ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานหรือแม้แต่โมเดลธุรกิจเท่าที่จะเข้าใจและเรียนรู้ผลดีผลเสียจากการเปลี่ยนแปลงในแต่ละครั้ง
Disruption เป็นเรื่องใกล้ตัวมากและจะไม่ช้า ทุกวงการกำลัง Disrupting ตัวเอง หรือไม่ก็ถูก Disrupted ถ้าเราตระหนักรับรู้ก่อนจะเป็นผลดีต่อองค์กรของเราเองอย่างแน่นอน ส่วนจะทำได้หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องจับตาดูกันต่อไปครับ

ความคิดเห็น