หนังสือ Health, Wealth & Happiness กล่าวถึงที่มาของแนวคิดข่าวประเสริฐแห่งความรุ่งเรือง (Prosperity Gospel) และถ้อยคำแห่งความเชื่อ (Word of Faith) เป็นหนังสือที่ให้ความเข้าใจอย่างเป็นระบบ ทำให้เราเข้าใจถึงการพัฒนาแนวคิดของการพยายามบิดเบือนข่าวประเสริฐจากศตวรรษที่ 18 จนมาถึงปัจจุบัน
ข่าวประเสริฐแห่งความเจริญรุ่งเรือง (Prosperity Gospel) แม้จะเรียกว่าตัวว่าเป็นข่าวประเสริฐ (Gospel) แต่เนื้อหากลับเป็นการรับอิทธิพลโดยตรงจากปรัชญาแนวคิดใหม่ (New Thought) โดยการใช้วิธีสารภาพความเชื่อ (Faith Confession) หรือเรียกว่าถ้อยคำแห่งความเชื่อ (Word of Faith) ในเรื่องที่ต้องการซึ่งไม่พ้นเรื่องที่เป็นปัญหาประจำวันคือความป่วยไข้ ความสุข ความปรารถนาจะประสบความสำเร็จ และความมั่งคั่งร่ำรวย ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับง่ายและเป็นความต้องการส่วนตัวทั้งสิ้น
วิธีการได้รับพระพรนั้นเพียงแต่พูดออกมาทุกวันๆ แล้วให้รอรับจากพระเจ้าในสิ่งนั้นได้เลย ยิ่งเชื่อมากก็จะยิ่งได้รับมาก ยิ่งพูดแง่บวกกับสิ่งนั้นมากก็ยิ่งเป็นจริงมาก ส่วนเรื่องข้อสำคัญของข่าวประเสริฐคือเรื่องของพระเยซูคริสต์และพระราชกิจของพระองค์ เป็นสิ่งที่นักเทศน์ข่าวประเสริฐแห่งความเจริญรุ่งเรืองไม่ให้ความสำคัญแต่อย่างใด และยังถูกมองเป็นเรื่องแง่ลบ ไม่ต้องพูดถึงเพราะจะทำให้ผู้ฟังไม่สบายใจ
การพูดของคริสเตียน การกล่าวห้าม กล่าวอนุญาต ไม่ได้หมายถึงการพูดอะไรก็ได้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งนั้น แต่เป็นการสารภาพถ้อยคำแห่งความเชื่อตามพระประสงค์ของพระเจ้าเพื่อให้ได้มาซึ่งชีวิตและการดำเนินตามทางพระเจ้า ซึ่งไม่ใช่การเน้นในเรื่องสุขภาพหรือความมั่งคั่งส่วนบุคคลแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามนักเทศน์ข่าวประเสริฐแห่งความรุ่งเรืองกลับเลือกที่จะตีความพระคัมภีร์โดยให้น้ำหนักของ "การสารภาพความเชื่ออะไรก็ได้ แล้วจะได้สิ่งนั้น" มาเป็นแกนหลักของการเทศนา
![]() |
โจเอล ออสทีน ไม่ยอมเปิดโบสถ์ให้เป็นที่พักพิงของผู้ประสบภัยจากเฮฮริเคนฮาร์วีย์ จนแรงกดดันจากโซเชียลทำให้เขาต้องเปิดรับผู้ประสบภัย |
โจเอล ออสทีน (Joel Osteen) นักเทศน์แนวพระกิตติคุณแห่งความรุ่งเรือง กล่าวว่า
“ทุกๆ เช้า ให้เอาความคิดแง่ลบออกไปจากชีวิตโดยพูดกับตัวเองทุกวัน เราอาจมีความกังวลมากมายว่า วันนี้จะจ่ายค่าใช้จ่ายที่เข้ามามากมายได้อย่างไร อย่ากังวล ให้พระเจ้าควบคุม พระเจ้าจะประทานคำตอบแก่เรา ชีวิตเราสั้นเกินกว่าที่จะเอาความคิดแย่ๆ เข้ามาในชีวิต”
ประโยคดังกล่าวอาจจะยอมรับได้หากแต่เขาไม่ได้ให้น้ำหนักในเรื่องความบาป การกลับใจใหม่ หรือการเปลี่ยนแปลงชีวิตตามพระคริสต์ ออสตินให้เหตุผลที่เขาเลือกที่จะไม่พูดถึงการกลับใจใหม่จากบาป หรือนรกบึงไฟ เพราะคนเราฟังอะไรแง่ลบมาเยอะแล้วตลอดสัปดาห์ อยากให้เขาได้มีความรู้สึกดีๆ กับพระเจ้าในการมาคริสตจักรจะดีกว่า
ประเด็นนี้ยังถูกขยายความเป็นแนวคิดพระคุณเหลือล้นหรือ Hyper-Grace Theology คือเน้นการให้อภัยของพระคริสต์และรับพระคุณแห่งการให้อภัยได้ทุกเรื่อง ไม่ต้องสารภาพหรือเปลี่ยนแปลงชีวิต เพราะพระคุณพระเจ้าจะเป็นผู้เปลี่ยนแปลงเราเอง ซึ่งโจเซฟ ปริ๊นส์ (Jespeh Prince) และกลุ่มตื่นขึ้นในพระคุณพระเจ้า (Awakening in Hyper-Grace) เน้นเรื่องนี้มาก
จอยซ์ ไมเออร์ (Joyce Meyer) นักเทศน์ที่เน้นถ้อยคำแห่งความเชื่อแนะนำผู้ฟังให้พูดว่า
“วันนี้ บางสิ่งบางอย่างที่ดีจะต้องเข้ามาในชีวิต ใช่ วันนี้สิ่งดีบางอย่างจะผ่านเข้ามาในชีวิต อย่าไปคาดหวังสิ่งไม่ดี พระเจ้าจะประทานสิ่งดีๆ ให้แก่เราอย่างแน่นอนที่นี่ แก่เรา ในโลกนี้ จงเชื่อ”
ประโยคนี้อาจจะฟังดูดี แต่แกนของคำเทศนาของจอยซ์ ไมเออร์ กลับวนเวียนอยู่ที่การพูดสิ่งดีๆ แล้วจะได้สิ่งนั้นๆ จากพระเจ้า ไม่ได้ให้น้ำหนักข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์อย่างที่ควรจะเป็น
มีตัวอย่างที่ผิดอีกมากมายจากนักเทศน์ปัจจุบันหลายคนที่มีชื่อเสียงในโลกซึ่งสามารถเข้าถึงคนจำนวนมากด้วยสื่อใหม่ๆ ทางทีวี วิทยุ อินเตอร์เน็ต และส่วนใหญ่มีบุคลิกที่น่าดึงดูด เป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ (Motivational Speaker) นักเขียน ผลิตหนังสือและรายการโทรทัศน์ เช่น เคนเน็ธ เฮกิ้น จูเนียร์ (Kenneth Hagin Jr.) เคนเน็ธ โคปแลนด์ (Kenneth Copeland) เฟร็ดเดอริก ไพรส์ (Frederick Price) โรเบิร์ต ทิลตัน (Robert Tilton) ชาร์ลส์ เคปป์ส์ (Charles Capps) เจอร์รี่ เซอเวลล์ (Jerry Savelle) เบ็นนี่ ฮินน์ (Benny Hinn) เครฟโล่ ดอลล่าร์ (Creflo Dollar) โจเอล ออสทีน (Joel Osteen) จอยซ์ ไมเออร์ (Joyce Meyer) ที. ดี. เจ็คส์ (T. D. Jakes) โจเซฟ ปริ๊นส์ (Joseph Prince) เป็นต้น
ข่าวประเสริฐแห่งความเจริญรุ่งเรืองจึงเป็นเหมือนการสอนมุมมองชีวิตแง่บวก สร้างแรงบันดาลใจ ฟังแล้วสบายใจ แต่กลับใช้พระคัมภีร์อย่างฉาบฉวยและเอ่ยพระนามพระเจ้าในมุมของผู้ประทานพระพรมากกว่าพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมเจ้านาย
ข่าวประเสริฐของพระคริสต์ที่แท้จริงจะไม่สามารถตัดเรื่องกางเขนทิ้งไปได้เลย เพราะปราศจากการไถ่บาป ข่าวประเสริฐไม่สามารถเป็นข่าวประเสริฐได้อีกต่อไป ข่าวประเสริฐแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่เน้นเรื่องถ้อยคำแห่งความเชื่อในเรื่องสุขภาพ และความมั่งคั่ง โดยปราศจากการสอนในเรื่องความบาป การไถ่บาปโดยพระเยซูคริสต์ที่กางเขน การกลับใจใหม่ จึงถือเป็นข่าวประเสริฐแท้ไม่ได้
สเปอร์เจียน (Spurgeon, 1988: 17) กล่าวไว้ว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นหัวใจของการประกาศข่าวประเสริฐ โดยการไถ่ของพระองค์ การยอมสละพระชนม์เพื่อเป็นค่าไถ่เราทั้งหลายจากบาป ผู้ใดเทศนาข่าวประเสริฐที่ผิดแผกไปจากความจริงนี้ ข่าวประเสริฐของเขาย่อมผิดพลาด เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำคัญวิญญาณจิตของมนุษย์คือการช่วยกู้ของพระเจ้าผ่านทางพระเยซูคริสต์ จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้
แม็กอาเธอร์ (MacArthur, 2009: 39) กล่าวอย่างชัดเจนว่า พระเยซูทรงมายังโลกไม่ใช่เพื่อสอนเรื่องการพิพากษาในวาระสุดท้ายหรือยุคพันปีที่จะมาถึงในอนาคต แต่การมาของพระองค์เพื่อตามหาและช่วยกู้ผู้ที่หลงหายคือมนุษย์คนบาปทั้งหลายในโลก (ลูกา 19:10) พระองค์มาเพื่อเรียกให้คนบาปกลับใจใหม่ (มัทธิว 9:13) พระองค์มาเพื่อโลกจะได้รับการช่วยกู้ให้รอดจากบาปโดยทางพระองค์ (ยอห์น 3:17) นี่คือพระกิตติคุณแท้ซึ่งเป็นพระกิตติคุณแห่งการช่วยกู้ของพระเยซูคริสต์ และนี่ควรเป็นพระกิตติคุณเดียวกันกับที่นักเทศน์ทุกคนต้องเทศนาออกไป
บริดจ์ส์ (Bridges, 2003:14) สรุปไว้ว่า แรงจูงใจในการติดตามพระเยซูของเราควรได้มาจากความซาบซึ้งใจในสิ่งที่พระเยซูได้ทรงกระทำเพื่อเรา คือทรงยอมตายเพื่อเรา ไถ่เราออกจากบาป พระโลหิตของพระองค์ทำให้เราชอบธรรม ฉะนั้นข่าวประเสริฐจะต้องเตือนใจเราเสมอตลอดชีวิตให้เราตระหนักถึงพระคุณของพระเจ้า และอย่าลืมว่าพระเจ้ายอมรับเราไม่ใช่เพราะเราทำอะไรเพื่อพระเจ้า แต่ทรงยอมรับเราบนพื้นฐานของ “การยอมรับของพระคริสต์” ในเรา ฉะนั้นให้เราดำเนินชีวิตกับพระองค์ไม่ใช่ด้วยความรู้สึกฟ้องผิด แต่ด้วยความซาบซึ้งในพระคุณพระเจ้า
แม้คริสตจักรไทยอาจไม่ได้ประกาศตัวชัดในเรื่องความเชื่อเรื่องถ้อยคำแห่งความเชื่อ (Word of Faith) หรือข่าวประเสริฐแห่งความเจริญรุ่งเรือง (Prosperity Gospel) แนวคิดบางอย่างของข่าวประเสริฐแห่งความเจริญรุ่งเรืองอาจเข้ามาผสมในระบบความคิดของคริสตจักรไทยซึ่งหากรับมาจนกระทั่งส่งผลกระทบต่อศาสนศาสตร์หลักของพระคัมภีร์ที่คริสตจักรควรยึดถือ และย่อมไม่เกิดผลดีต่อการเจริญเติบโตฝ่ายวิญญาณของสมาชิกอย่างแน่นอน
อ้างอิง
- Bridges, Jerry. Gospel-Driven Sanctification, Modern Reformation Magazine 12 no.3, May/June 2003.
- Jones, W. David and Russell S. Woodbridge. Health, Wealth & Happiness. MI: Kregel Publications, 2011.
- MacArthur, F. John. The Gospel According to Jesus: What is Authentic Faith?. MI: Zondervan, 2008.
ความคิดเห็น
ขอพระเจ้าอวยพรครับ
นักศาสนศาสตร์สายพื้นฐานหลายคนไม่เห็นด้วยกับ จอยซ์ ไมเออร์ ครับ เช่น แม็ค อาร์เธอร์, จอห์น ไปเปอร์, เดวิด โจนส์ เป็นต้น เช่นกัน การที่เขาเห็นต่างจากคุณ ไม่ได้หมายถึงเขาดูถูก ว่ากล่าว มาดร้ายใคร เขาเพียงชี้ว่าพระกิตติคุณอันไหนถูกต้อง อันไหนควรระวังเพราะเน้นไม่ครบถ้วน และแม้ จอยซ์ ไมเออร์ จะมีการกล่าวถึงพระกิตติคุณ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาก็เน้นเรื่องที่บทความนี้พูดถึงเยอะเหมือนกันคือการตอบสนองความต้องการพื้นฐานของมนุษย์คือสุขภาพและความมั่งคั่งครับ
ขอบคุณครับ
ที่ตอบคำถามและแก้ต่างได้ชัดเจนครับ