เราแสวงหาการรับรองจากพระเจ้าหรือจากมนุษย์?

โดย กนก ลีฬหเกรียงไกร
พระเยซูทรงรับบัพติศมาจากยอห์น ผู้ให้บัพติศมา
มัทธิว 3:16-17
เมื่อ​พระ​องค์​ทรง​รับ​บัพ​ติศ​มา​แล้ว​ก็​เสด็จ​ขึ้น​จาก​น้ำ และ​ใน​ทันใด​นั้น​ฟ้า​ก็​แหวก​ออก และ​พระ​องค์​ทรง​เห็น​พระ​วิญ​ญาณ​ของ​พระ​เจ้า​เสด็จ​ลง​มา​ดุจ​นก​พิราบ​สถิต​บน​พระ​องค์ และ​นี่แน่ะ มี​พระ​สุร​เสียง​ตรัส​จาก​ฟ้า​สวรรค์​ว่า “ท่าน​ผู้​นี้​เป็น​บุตร​ที่​รัก​ของ​เรา เรา​ชอบ​ใจ​ท่าน​มาก”

เหตุการณ์การรับบัพติศมาในน้ำของพระเยซูคริสต์มีสิ่งที่น่าเรียนรู้คือการรับรองของพระบิดาที่มีต่อพระเยซูอย่างชัดเจนมากอย่างน้อย 3 เรื่อง ได้แก่
1. รับรองว่าทรงมีอัตลักษณ์พิเศษ (Need for Identity) "เป็นบุตรที่รักของเรา" พระบิดาทรงรับรองพระเยซูว่าไม่ใช่แค่คนธรรมดาผู้เปี่ยมไปด้วยศรัทธาอีกคนที่มารับบัพติศมาจากยอห์น แต่เป็น Beloved Son

2. รับรองว่าทรงรัก (Security Need) "เป็นบุตรที่รักของเรา" ฺ(Beloved) และสิ่งที่พระเยซูกระทำนั้น "เราชอบใจท่านมาก" (I am well pleased) พระบิดาชื่นชมและรับรองสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำ

3. รับรองว่าทรงมีความสำคัญ (Need for Significance) "พระ​วิญ​ญาณ​ของ​พระ​เจ้า​เสด็จ​ลง​มา​" พระบิดาทรงรับรองการเป็นพระเมสสิยาห์ (พระคริสต์) โดยรับรองการเจิมอย่างเต็มล้น

การรับรองของพระบิดาที่มีในพระเยซูเป็นการรับรองแบบเดียวกับที่ผู้รับใช้ทุกคนปรารถนาจะได้รับเช่นเดียวกันใช่หรือไม่?
แต่หากเราไม่ได้แสวงหาการรับรองจากพระเจ้า "เราจะแสวงหาการรับรองจากมนุษย์โดยไม่รู้ตัวหรือให้งานรับใช้กลายเป็นแหล่งแห่งความมั่นใจในชีวิตของเราแทนพระเจ้าก็ได้"
ซึ่งนั่นอันตรายมากในการรับใช้แบบยาวๆ

ตาของเราต้องเปิด เราต้องตระหนักว่าพระเยซูทรงอยู่กับเราเสมอในการรับใช้ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ในเราทรงเป็นผู้รับรองให้เกิดความมั่นใจ ให้สิ่งที่ขับเคลื่อนเราในการรับใช้ไม่ใช่ ego ของเรา หรือการพยายามพิสูจน์ตัวว่าทำได้ แต่เป็นความปรารถนาจะถวายเกียรติพระเจ้า วันนี้และตลอดไป

อ้างอิง: Ajith Fernando, Jesus Driven Ministry

ความคิดเห็น