ศาสนศาสตร์เกี่ยวกับนางมารีย์ (Mariology)

โดย กนก ลีฬหเกรียงไกร

นางมารีย์ในบันทึกพระคัมภีร์

ชื่อมารีย์ (Μαρία) เป็นภาษากรีก, ในภาษาฮีบรู (מִרְיָם) อ่านว่า "มาเรียม", ภาษาอาราเมค “มาเรีย”, ภาษาอาราบิค “มิเรียม” ส่วนมุสลิมจะเรียกว่า "มัรยัม"

นางมารีย์ปรากฏในพระคัมภีร์ในพระกิตติคุณทั้ง 4 เล่ม และตอนต้นของพระธรรมกิจการของอัครทูต นางมารีย์มีบทบาทมากในช่วงต้นของพระกิตติคุณเท่านั้น แม้ชื่อของนางไม่ได้ปรากฏในพระคัมภีร์ใหม่ในเวลาต่อมา แต่เรามั่นใจว่านางมารีย์ยังคงมีบทบาทในฐานะผู้เชื่อที่ติดตามพระคริสต์อย่างดีเยี่ยมตลอดยุคคริสตจักรสมัยแรกอย่างแน่นอน

สิ่งที่น่าสนใจคือการยกระดับความสำคัญของนางมารีย์จนกระทั่งกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญทางความเชื่อของชาวคริสต์นิกายคาทอลิกและออร์ทอด๊อกซ์นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร และคริสเตียนโปรเตสแตนท์ควรเข้าใจเรื่องนี้ในลักษณะไหน
นางมารีย์กับทูตสวรรค์กาเบียลผู้ส่งสารจากพระเจ้า
เรื่องราวของมารีย์ปรากฏครั้งแรกในการสนทนากับทูตสวรรค์กาเบรียลที่นำข่าวการประสูติของพระเยซูคริสต์มาถึงมารีย์ โดยจะใช้ครรภ์ของนางมารีย์ (ลูกา 1:34) นางมารีย์ปรากฏอีกครั้งขณะที่พระเยซูถูกตรึงอยู่บนกางเขน (ยอห์น 19:25-27) หลังจากเหตุการณ์ที่กางเขนมีประวัติศาสตร์บันทึกว่ายอห์นศิษย์ของพระเยซูได้ดูแลนางมารีย์อยู่ที่เมืองเอเฟซัสจนกระทั่งมารีย์แก่ชราและสิ้นชีวิตที่นั่น และมารีย์ (ไม่ได้เอ่ยชื่อ) ในฐานะมารดาของพระเยซูรวมตัวอยู่กับบรรดาสาวกเพื่ออธิษฐานรอคอยการเสด็จมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วย (กิจการของอัครทูต 1:14)

คำพูดของนางมารีย์ปรากฏเพียง 4 ครั้งในพระคัมภีร์เท่านั้น คือเมื่อนางมารีย์พูดกับทูตสวรรค์กาเบียล (ลูกา 1:34; 38) พูดกับนางเอลีซาเบธและร้องบทเพลงสรรเสริญพระเจ้า (ลูกา 1:46-55) เมื่อตามหาพระเยซูคริสต์ในพระวิหาร (ลูกา 2:4) และในงานเลี้ยงที่หมู่บ้านคานาที่พระเยซูทรงทำการอัศจรรย์ครั้งแรกเปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นเหล้าองุ่น (ยอห์น 2:3)

นางมารีย์ในมุมมองของนักศาสนศาสตร์สมัยต่างๆ

ค.ศ.325 สภาสังคายนาแห่งไนเซียครั้งที่หนึ่ง (The First Council of Nicaea) โดยจักรพรรดิคอนสแตนตินทรงเรียกประชุมบรรดามุขนายก (bishop) ทั่วจักรวรรดิโรมันมาประชุมกันที่เมืองไนเซีย (ปัจจุบันคือเมืองอิซนิค-Iznik ประเทศตรุกี) การสังคายนานี้ไม่ได้เป็นการสังคายนาพระคัมภีร์ เพราะพระคัมภีร์ถูกต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลง จึงไม่ต้องตัดหรือแก้ไข แต่เป็นการสังคายนา "หลักข้อเชื่อ" คือผู้เชื่อแต่ละคนจากทั่วสารทิศมาพูดคุยกัยว่าแต่ละคนเชื่ออะไร แล้วสรุปเป็นหลักข้อเชื่อเหมือนกันตามหลักพระคัมภีร์ ประกาศเป็น “หลักข้อเชื่อคริสตจักร” หรือ Apostles’ Creed ซึ่งปัจจุบันผู้เชื่อทุกคนทั้งคาทอลิก ออร์ธอดอกซ์ และโปรเตสแตนท์ ต่างยอมรับไม่เปลี่ยนแปลง เนื้อความส่วนหนึ่งกล่าวถึงนางมารีย์ไว้ดังนี้ “ข้าพเจ้าเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ พระบุตรองค์เดียวของพระบิดา ทรงปฏิสนธิ์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงกำเนิดจากมารีย์สาวพรหมจารี” มีการสอนอย่างกว้างขวางว่านางมารีย์เป็นพรหมจารีบริสุทธิ์ (Ever-Virgin Mary) โดยนักศาสนศาสตร์หลายท่านเช่น Irenaeus, Clement of Alexandria และอื่นๆ อย่างไรก็ตามความสำคัญของนางมารีย์ในขณะนั้นยังถือว่าไม่โดดเด่นมากนัก
(อ่านเกี่ยวกับสภาสังคายนาแห่งไนเซียครั้งที่หนึ่ง (The First Council of Nicaea) ได้ที่ http://kanok-leelahakriengkrai.blogspot.com/2016/02/first-council-of-nicaea.html)
ภาพ Madonna ในปี ค.ศ.621
จนกระทั่งปี ค.ศ.431 ที่สภาสังคายนาแห่งเอเฟซัส (The Council of Ephesus) มีการเสนอแนวคิดในการยกระดับนางมารีย์ในฐานะ Theotokos ภาษากรีกหมายถึงผู้ให้กำเนิดพระเจ้า (God-bearer) และในฐานะ Meter Theou มารดาของพระเจ้า (Mother of God) หรือในภาษาละติน Mater Dei (มาแตร์ เดอี) อย่างไรก็ตามนักศาสนศาสตร์ชื่อเนสทอเรียส (Nestorius) ผู้ดำรงตำแหน่งอัครมุขนายกแห่งเมืองคอนสแตนติโนเปิล (Archbishop of Constantinople) ได้คัดค้านคำนี้ และเสนอคำว่า Christotokos (bearer of Christ) หมายถึงผู้ให้กำเนิดพระเยซูคริสต์ เนื่องจากอาจทำให้เข้าใจผิดได้ว่าเป็นผู้ให้กำเนิดพระเจ้าเพราะพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่แล้วไม่ต้องมีใครให้กำเนิดพระองค์ แต่ข้อเสนอถูกคัดค้านเพราะไปขัดแย้งกับหลักข้อเชื่อของไนเซียที่ยืนยันความเป็นพระเจ้าของพระเยซูคริสต์ในฐานะตรีเอกานุภาพ ผลของการประชุมสภาสังคายนาแห่งเอเฟซัสทำให้เกิดการอนุญาตให้มีรูปวาดและรูปปั้นของนางมารีย์พร้อมกับกุมารเยซูได้ (เรียกรูปในลักษณะนั้นว่า Madonna หรือแปลว่า My Lady) จากนั้นเป็นต้นมานางมารีย์จึงมีฐานะเพิ่มเติมอีก เช่น
  • ปราศจากบาปแห่งบรรพบุรุษ (Mary Immaculate ค.ศ.1854 โดย Pope Pius IX)
  • แม่พระแห่งชัยชนะ (Blessed Virgin Mother of Victory ค.ศ.1950 โดย Pope Pius V)
  • ราชินี (Queen ค.ศ.1946 โดย Pope Pius XII)
  • มารีย์ขึ้นสวรรค์ทั้งร่างกาย (Assumption ปี ค.ศ.1950 โดย Pope Pius XII)
  • ราชินีแห่งสวรรค์ (To the Queen of Heaven ค.ศ.1954 โดย Pope Pius XII) เป็นต้น
(อ่านเพิ่มเติม "เรื่องเล่าจากตำนานมารีย์ มารดาพระเยซูคริสต์" http://kanok-leelahakriengkrai.blogspot.com/2017/09/blog-post_29.html)

คริสเตียนนิกายโปรเตสแตนท์มองเกี่ยวกับนางมารีย์อย่างไร

1. โปรเตสแตนท์ไม่ต่อต้านนางมารีย์
เราประทับใจในความรักพระเจ้าและการยอมจำนนของนางมารีย์ต่อน้ำพระทัยของพระเจ้าซึ่งนับว่าแปลกประหลาดมหัศจรรย์สำหรับความคิดของมนุษย์ แต่ทุกสิ่งเป็นไปได้ในพระเจ้า

2. ความเชื่อของคริสเตียนอยู่บนฐานของพระวจนะเป็นสำคัญ
ในความคิดและความรู้สึกของมนุษย์ เรารักพระเยซูคริสต์และประทับใจในทุกคนที่เกี่ยวข้องกับพระองค์ทั้งอัครทูตต่างๆ รวมทั้งนางมารีย์และโยเซฟ แต่ความรักประทับใจไม่สามารถพัฒนาขึ้นแทนที่หรือเสมอเหมือนความรักที่เรามีต่อพระเยซูคริสต์ได้ ผู้เชื่อจึงต้องปรับท่าทีจิตใจความรู้สึกให้สอดคล้องกับพระคัมภีร์มากกว่ารับเอาความรู้สึกต่างๆ ที่ส่งผ่านวัฒนธรรมความเชื่อต่อๆ กันมา

3. นางมารีย์ในฐานะผู้รับใช้พระเจ้าที่ยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างถึงที่สุด
มารีย์ไม่ต่อรองพระประสงค์พระเจ้าแม้ไม่เข้าใจ และแม้จะยากที่สุดในความเป็นผู้หญิง (ลูกา 1:38) ในเนื้อหาของบทเพลงของมารีย์ สะท้อนให้เห็นว่ามารีย์เข้าใจเนื้อหาของน้ำพระทัยพระเจ้าที่ทรงประสงค์จะประทานพระผู้ช่วยให้รอดเพื่อไถ่อิสราเอล (ลูกา 1:46-55)
The Descent from the Cross ปี ค.ศ.1435
นางมารีย์สนับสนุนพระเยซูให้กระทำตามพระประสงค์พระเจ้าโดยไม่ขัดขืนแม้ท้ายสุดในความรู้สึกของความเป็นแม่จะพบว่าพระเยซูคริสต์ต้องดำเนินไปสู่กางเขนก็ตาม

4. นางมารีย์ในฐานะผู้ใคร่ครวญพยายามเข้าใจน้ำพระทัยพระเจ้า
เมื่อทูตสวรรค์กาเบียลแจ้งว่าพระเยซูจะมากำเนิดในครรภ์ของมารีย์ซึ่งเป็นพรหมจรรย์ นางมารีย์ไม่เข้าใจแต่รำพึงในใจและยอมรับน้ำพระทัย (ลูกา 1:29) นางมารีย์เมื่อเห็นผู้เลี้ยงแกะมาเฝ้าพระกุมารเยซูก็เก็บสิ่งเหล่านี้ใคร่ครวญอยู่ในใจ (ลูกา 2:19) ครั้งนางมารีย์และโยเซฟตามหาพระเยซูที่หลงไปในงานเทศกาลปัสกา เมื่อพบแล้วพระเยซูกลับถามว่า “ท่านตามหาเราทำไม พ่อกับแม่ไม่รู้หรือว่าลูกต้องอยู่ในพระนิเวศของพระบิดา” ทั้งคู่ไม่เข้าใจคำของพระเยซูแต่ก็ไม่ได้ต่อว่าหรือคัดค้านแต่อย่างใด (ลูกา 2:48-50)

สิ่งที่มารีย์แสดงออกเมื่อพบกับความประหลาดใจมากมายในน้ำพระทัยพระเจ้าคือรำพึงอย่างเงียบๆ และอธิษฐาน พยายามปรับความคิดใคร่ครวญถึงพระประสงค์ของพระเจ้าโดยไม่บ่นต่อว่าพระเจ้าแต่อย่างใด คริสเตียนควรรักษาท่าทีแบบนางมารีย์เมื่อพบกับสถานการณ์ที่ไม่เข้าใจ แทนที่จะบ่นต่อว่าแต่กลับอธิษฐานเพื่อปรับความคิดของเราให้เข้าใจน้ำพระทัยพระเจ้ามากกว่า

5. นางมารีย์เป็นแบบอย่างชีวิตแห่งความเชื่อในการติดตามพระเจ้า
มารีย์เฝ้าติดตามพระเยซูอย่างเงียบๆ แต่สัตย์ซื่อ พระคัมภีร์บันทึกถึงนางมารีย์ (ทั้งที่ปรากฏชื่อและไม่ปรากฏชื่อ) เช่น ติดตามพระเยซูไปในขณะที่พระเยซูกำลังสอนท่ามกลางผู้คน, อยู่กับพระเยซูคริสต์ในวาระสุดท้ายของพระองค์ที่กางเขน, อยู่ร่วมกับสาวกเพื่ออธิษฐานรอคอยการเสด็จมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นต้น (กิจการของอัครทูต 1:1)

มารีย์ไม่ได้แสดงตัวให้โดดเด่นในฐานะมารดาของพระเยซู ซึ่งต่างจากสาวกในตอนนั้นที่พยายามแสวงหาตำแหน่งสำคัญๆ จากพระองค์ (ลูกา 22:24, มัทธิว 20:20-22, มาระโก 10:35-27)

นางมารีย์ในมุมมองของศาสนจักรโรมันคาทอลิกในปัจจุบัน

ปี ค.ศ.1962–1965 สภาสังคายนาวาติกันที่ 2 (Council of Vatican II) ได้นำเสนอศาสนศาสตร์การรับใช้ที่มีพระเจ้าและพระเยซูคริสต์เป็นศูนย์กลาง (Theocentric and Christocentric) และการขับเคลื่อนงานของพระเจ้าโดยการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ (Pneumatocentric) ข้อเสนอนี้ทำให้บทบาทของพระแม่มารีย์ในศาสนจักรไม่ได้ถูกเน้นอีกต่อไป คริสตชนในศาสนจักรโรมันคาทอลิกหลายคนประกาศไม่ยอมรับผลของการประชุมสภาสังคายนาวาติกันที่ 2 นี้ และไม่ถือว่าเป็นการประชุมสภาสังคายนาที่ทำอย่างถูกต้องด้วยซ้ำไป
สภาสังคายนาวาติกันที่ 2
อย่างไรก็ตามผลของการประชุมก็ถูกรับรองโดยพระสันตะปาปาและอัครมุขนายกทั่วโลก แม้ผลของการประชุมสภาสังคายนาในครั้งนั้นอาจจะยังไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนเพราะประเพณีที่ฝังรากมาอย่างยาวนาน แต่การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่นี้ทำให้ศาสนจักรโรมันคาทอลิกในศตวรรษที่ 21 น่าจับตามองในฐานะองค์กรคริสตชนที่ใหญ่ที่สุดที่กำลังหันกลับมาเน้นน้ำพระทัยหลักของพระเจ้าอีกครั้ง

อ้างอิง

  • Michael G. Lawler. A Theology of Ministry. Sheed & Ward, 1990.
  • Jean-Pierre Isbouts. Who's Who in the Bible: Unforgettable People and Timeless Stories from Genesis to Revelation. National Geographic, 2013.
  • The Road to Nicaea, Heroes of the Fourth Century, icene and Post-Nicene Fathers, Second Series
  • The doctrine of Immaculate Conception. The Catholic Encyclopedia.
  • First Council of Nicaea (Wikipedia)
  • Development of Mariology (Wikipedia)


ความคิดเห็น