โดย กนก ลีฬหเกรียงไกร
การมีพระวจนะพระเจ้าเป็นกรอบในการปฏิบัติเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทำให้เรารู้เส้นทางที่พระเจ้าทรงคาดหวังให้เราเดิน เราควรรู้พระคัมภีร์มากที่สุด ดำเนินชีวิตตามพระวจนะ และเชื่อฟังพระคัมภีร์ อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้หมายถึงเป็นการกระทำเหมือนเดินออกมาจากกรอบของกฎหนึ่งที่เป็นธรรมบัญญัติ (ชีวิตเก่า) เพื่อเข้ามาอยู่ในกรอบของอีกกฎหนึ่งซึ่งดำเนินชีวิตเสมือนอยู่ใต้ธรรมบัญญัติอีกอันหนึ่ง (ชีวิตคริสเตียน)ตัวอย่างที่น่าสนใจคือเรื่อง "วันสะบาโต" พระเยซูทรงตรัสอย่างชัดเจนว่าบุตรมนุษย์ทรงเป็นใหญ่เหนือวันสะบาโต พระเยซูทรงอธิบายว่ากฎแห่งวันสะบาโตมีความหมายมากกว่ากฎเกณฑ์ (ซึ่งประกอบไปด้วยข้อห้ามมากมาย) และแท้จริงวันสะบาโตมีไว้เพื่อให้เกิดชีวิต ไม่ใช่ถือกฎจนถึงขั้นไม่สนใจความเป็นจริงของชีวิต ละเลยความรักความเมตตา การช่วยเหลือกัน หรือการแสดงออกถึงความรักระหว่างพี่น้อง เป็นต้น
การพยายามรักษากฎเกณฑ์หรือธรรมบัญญัติโดยปราศจากชีวิต และแสดงออกต่อผู้อื่นด้วยการขาดความรักความเมตตาเป็นสิ่งที่พระเจ้าและพระเยซูทรงตำหนิอย่างรุนแรงมากเรื่องที่เราควรตระหนักคือ อย่าให้กรอบแห่งความจริงในพระวจนะที่เราเรียนรู้ หรือที่เราเรียกว่า “ศาสนศาสตร์” มาครอบการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงเปิดเผยความจริงใหม่ เราต้องนำความเป็นจริงที่พระวิญญาณฯ ทรงนำ มาสร้างเป็นศาสนศาสตร์ใหม่มากกว่า โดยต้องเข้าใจว่าในพระเยซู พระองค์จะนำทุกสิ่งให้ถึงซึ่งความสมบูรณ์
ยอห์น 10:10 ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลัก ฆ่า และทำลาย เรามาเพื่อพวกเขาจะได้ชีวิตและจะได้อย่างครบบริบูรณ์เช่นในกรณีของการทำงานรับใช้ในยุคคริสตจักรสมัยแรก พระเยซูสั่งให้ออกไปประกาศจนกระทั่งสุดปลายแผ่นดินโลก หมายถึงให้สาวกของพระเยซูออกไปทำงานกับคนต่างชาติด้วย แต่ศาสนศาสตร์ของยิวไม่ได้สนับสนุนความเข้าใจแบบนั้น
เปโตรจึงได้รับการสำแดงจากพระวิญญาณฯ ให้รับประทานสัตว์มลทินได้ หมายถึง ให้ยอมรับคนต่างชาติให้สามารถเชื่อในพระเยซูได้ และเป็นการประกาศว่าสัตว์มลทินในธรรมบัญญัติสามารถรับประทานได้ (ตอนนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในเรื่องสุขภาพ จริงๆ แม้จะเป็นสัตว์สะอาดแต่เราทานมากๆ ก็ไม่ดีต่อสุขภาพเหมือนกัน) อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ถูกบันทึกเป็นพระคัมภีร์ จึงง่ายที่คริสเตียนปัจจุบันจะยอมรับ แต่อย่าลืมว่าขณะที่พระวิญญาณฯ เปิดเผยความจริงในเรื่องนี้แก่เปโตร เขาในฐานะชาวยิวก็มีกรอบธรรมบัญญัติในเรื่องอาหารนี้อยู่แล้ว
ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าให้อยู่นอกกรอบพระคัมภีร์ตลอดเวลาซึ่งอันตรายเกินไป ง่ายต่อการทำตามเนื้อหนัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้ถือกรอบ ยึดในกฎระเบียบ ดำเนินชีวิตแบบอยู่ใต้ธรรมบัญญัติจนขาดเสรีภาพตามการทรงนำของพระวิญญาณฯ
กาลาเทีย 5:6 เพราะว่าในพระเยซูคริสต์นั้น การเข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัตไม่เกิดประโยชน์อันใด แต่ความเชื่อซึ่งแสดงออกเป็นการกระทำด้วยความรักนั้นสำคัญ
กาลาเทีย 5:13 พี่น้องทั้งหลาย เพราะว่าท่านถูกเรียกให้มีเสรีภาพ ขอแต่เพียงอย่าถือโอกาสใช้เสรีภาพเพื่อทำตามเนื้อหนัง แต่จงรับใช้กันและกันด้วยความรักเถิด
ความคิดเห็น