พระเยซูทรงฟื้นพระชนม์ในวันที่ 3 นับยังไง?

โดย กนก ลีฬหเกรียงไกร
ต้องบอกก่อนว่า สมัยนั้น ยิวนับ "วัน" คือเห็นดวงอาทิตย์ขึ้น และนับ "คืน" เมื่อเห็นว่าดวงอาทิตย์ตก ไม่ได้นับแบบ 24 ชั่วโมงแบบปัจจุบัน ขอให้เราลองพิจารณาดูทีละวันครับ

วันศุกร์ - พระเยซูถูกตรึง 9 โมง สิ้นพระชนม์บ่าย 3 และถูกฝังในอุโมงค์นับเป็นวันที่ 1 (แม้จะเหลือเพียง 3 ชั่วโมงจะค่ำ ยิวก็เรียกว่าวัน)
วันเสาร์ (สะบาโตของยิว) - พระศพพระเยซูอยู่ในอุโมงค์ ตลอดวันและคืน นับเป็นวันที่ 2
วันอาทิตย์ - เช้าตรู่ (ดวงอาทิตย์เพิ่งขึ้น) พระเยซูฟื้นพระชนม์ นับเป็นวันที่ 3 (แม้จะมีแสงอาทิตย์แว๊ปเดียวแล้วทรงฟื้นคืนพระชนม์ ก็นับเป็น 1 วันรวมกับที่พระองค์สิ้นพระชนม์ เป็น 3 วัน)

เราควรจะพูดว่าพระเยซูทรงฟื้นพระชนม์ในวันที่ 3 (on the third day) ไม่ใช่พระองค์อยู่ในอุโมงค์ 3 วัน 3 คืน เพราะพระคัมภีร์ไม่ได้พูดเรื่อง 3 วัน 3 คืน ยกเว้นตอนที่พระเยซูกล่าวถึงเรื่องโยนาห์ในท้องปลา 3 วัน 3 คืน นอกนั้นทั้งการพยากรณ์ของพระองค์และจดหมายฝากก็พูดว่า ในวันที่ 3
มัทธิว 16:21 ตั้งแต่เวลานั้นมา พระเยซูทรงเริ่มเผยแก่บรรดาสาวกของพระองค์ว่า พระองค์จะต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม และจะต้องทรงทนทุกข์ทรมานหลายประการจากพวกผู้ใหญ่ พวกหัวหน้าปุโรหิต และพวกธรรมาจารย์ และทรงถูกประหารชีวิต แต่ "ในวันที่สาม" พระองค์จะทรงเป็นขึ้นมาใหม่
และตอนอื่นๆ อีกมากมายที่ใช้คำว่า "ในวันที่สาม" เช่น มัทธิว 17:23, ลูกา 9:22, ลูกา 18:33, ลูกา 24:7, ลูกา 24:46, กิจการของอัครทูต 10:39-40, 1 โครินธ์ 15:4

ฉะนั้นเพื่อให้ไม่ต้องมาไล่วันแบบนี้และรอบคอบในการพูด เราควรพูดว่า พระเยซูทรงฟื้นพระชนม์ในวันที่ 3 (on the third day) ไม่ใช่พระองค์อยู่ในอุโมงค์ 3 วัน 3 คืน ซึ่งแม้ไม่ผิด 100% ที่จะพูดแบบนั้น แต่อาจจะต้องอธิบายกันเยอะ และข้อพระคัมภีร์สนับสนุนอาจไม่ค่อยชัด ต้องใช้วัฒนธรรมการนับวันของยิวมาประกอบ และการใช้สำนวนโวหารแบบยิวมาสนับสนุน

ความคิดเห็น