ในบรรดาทัศนะการกำเนิดสิ่งมีชีวิตในโลก คริสเตียนเราจะคุ้นเคยกับเรื่องราวที่บอกว่า "พระเจ้าทรงสร้างโลกและสรรพสิ่งที่มีชีวิตทั้งหมด" แล้วก็ปฏิเสธ "ทฤษฏีวิวัฒนาการของชาร์ล ดาร์วิน" จากนั้นก็ผ่านไปศึกษาเรื่องอื่นต่อ
แต่ใจเราอาจจะมีคำถามค้างๆ เช่น ฟอสซิลไดโนเสาร์ที่พบมากมาย มายังไง? โครงกระดูกมนุษย์โครมันยอง หรือมนุษย์ปักกิ่งทำไมเก่าแก่มาก? ทำไมคนมีหลายผิวสีจัง? ทำไมสุนัขและแมวมันมีหลายสายพันธุ์แต่ก็เป็นสุนัขและที่มีอุปนิสัยคล้ายๆ กัน? หรือเราจะละเลยมองผ่านๆ ไป แต่เชื่อไหมว่าสำหรับผมเอง ผมมักจะวกกลับมาถามตัวเองทุกทีว่าทำไม? สำหรับพี่น้องที่ไม่สงสัยก็ดี แต่สำหรับคนที่อยากรู้อยากเห็นลองมาฟังคำตอบแบบหลากหลายดูครับ
เรื่องฟอสซิลไดโนเสาร์ หรือมนุษย์ดึกดำบรรพ์ น่าจะตอบได้ด้วยคำว่า yowm
ปฐมกาล 2:4 ลำดับเรื่องการเนรมิตสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินมีดังนี้ ในวันที่พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างแผ่นดิน และฟ้าสวรรค์(ภาษาฮีบรู "yowm" ยม หมายถึงวัน)
อันนี้ตอบง่ายเพราะคำนี้ไม่ได้แปลว่าวันแบบ 24 ชั่วโมงเท่านั้น ยังแปลได้ว่าเป็นช่วงเวลา หรือยุคก็ได้ ฉะนั้นระหว่างนั้นอาจะเกิดไดโนเสาร์ หรือสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์มากมาย หรือการได้มาซึ่งน้ำมันซึ่งเกิดจากฟอสซิลที่ทับถมเป็นล้านๆ ปี
"คำถามจริงๆ สำหรับเราคือ เรารู้จักทฤษฎีการทรงสร้างจากนักศาสนศาสตร์มากกว่า 1 ทฤษฏีไหม?" ผมขอเสนอสัก 5 ทฤษฏีก็แล้วกันครับ
1. ทฤษฎีวิวัฒนาการตามธรรมชาติ (Naturalistic Evolution) - สรรพสิ่งมาจากการรวมตัวของ "อะตอม" แล้ววิวัฒนาการขึ้นมาเป็นสรรพสิ่ง
2. ทฤษฎีวิวัฒนาการแบบเทวูเบกขา (Deistic Evolution) - พระเจ้าทรงสร้างโลกและสรรพสิ่ง แล้วถอยออกไปให้การวิวัฒนาการทำงานต่อจนเป็นแบบที่เห็นในปัจจุบัน
3. ทฤษฎีการทรงสร้างอย่างฉับพลัน (Fiat Creation) - พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งทุกๆ อย่างทั้งหมด แล้วสิ่งต่างๆ สูญพันธุ์หายไปตามกาลเวลา
4. ทฤษฎีวิวัฒนาการโดยพระเจ้า (Theistic Evolution) - พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งจากผงคลีดิน แล้วควบคุมให้เกิดการวิวัฒนาการจนเป็นทุกสิ่ง
5. ทฤษฎีการทรงสร้างแบบก้าวคืบ (Progressive Creationism) - พระเจ้าสร้างต้นแบบของสารพัดสิ่ง แล้วควบคุมการวิวัฒนาการภายในชนิด (Microevlolution) โดยไม่ข้ามประเภท
ก่อนจะมึนไปกว่านี้ ลองถามตัวเองดูว่าเราชอบทฤษฎีไหน?
มาวิจารณ์ 5 ทฤษฎีที่กล่าวไว้ข้างต้นกัน
1. ทฤษฎีวิวัฒนาการตามธรรมชาติ (Naturalistic Evolution)
สรรพสิ่งมาจากการรวมตัวของ "อะตอม" แล้ววิวัฒนาการขึ้นมาเป็นสรรพสิ่ง
ทฤษฎีนี้เอาใจทฤษฎีวิวัฒนาการของชาร์ล ดาร์วินกันเต็มๆ ขอบอกว่านักศาสนศาสตร์สาย liberal เขายังเชื่อทฤษฎีนี้อยู่นะครับ คริสเตียนไทยบางคนก็มีคนเชื่อแบบนี้ เอาเป็นว่าไม่ใช่เลยครับแนวคิดนี้ ไม่ make sense
![]() |
Charles Darwin and His Theory "The Origin of Life" |
2. ทฤษฎีวิวัฒนาการแบบเทวูเบกขา (Deistic Evolution)
พระเจ้าทรงสร้างโลกและสรรพสิ่ง แล้วถอยออกไปให้การวิวัฒนาการทำงานต่อจนเป็นแบบที่เห็นในปัจจุบัน
ทฤษฎีนี้เหมือนทฤษฎีที่ 1 แต่แอบใส่พระเจ้าไว้ข้างบนหน่อยหนึ่ง จากนั้นก็ให้ทฤษฎีวิวัฒนาของโลกนำต่อ ซึ่งก็เหมือนจะเอาใจวิทยาศาสตร์ไปหน่อย
![]() |
Deistic Evolution |
3. ทฤษฎีการทรงสร้างอย่างฉับพลัน (Fiat Creation)
พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งทุกๆ อย่างทั้งหมด แล้วสิ่งต่างๆ สูญพันธุ์หายไปตามกาลเวลา
ทฤษฎีนี้ตอบเรื่องสายพันธุ์ไม่ได้ เช่น ทำไมคนเรามีหลายสีผิวหลายโครงสร้าง และแต่ละโครงสร้างก็ชัดในตัวมันเอง เช่น ชาวตะวันตกผิวขาว ทำไมก็ยังเป็นผิวขาวอยู่ไม่เปลี่ยนเป็นผิวดำ ผิวเหลืองบาง และทำไมอาดัมเอวา คู่เดียวผลิตลูกออกมาหลายโครงสร้างได้อย่างไร
อาจจะมีบางคนแย้งด้วยทัศนะที่สืบทอดกันมา คือ เชมเป็นคนผิวเหลือง (Mongoloid), ฮามเป็นคนผิวดำ (Negroid), ยาเฟท เป็นคนผิวขาว (Caucasoid) แต่นั่นเป็นการมองจากสายพันธุ์ที่เห็นในปัจจุบัน เป็นการมองแบบอัตวิสัยเกินไป เพราะนั่นจะไปสู่คำถามว่า ตกลงพี่น้อง 3 คนรูปร่างหน้าตาผิวพรรณโครงสร้างร่างกายต่างกันขนาดนั้นเลยหรอ
![]() |
โทนสีผิวของคนพื้นเมืองในโลกครับ หลายสีกันเลยทีเดียว |
4. ทฤษฎีวิวัฒนาการโดยพระเจ้า (Theistic Evolution)
พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งจากผงคลีดิน แล้วควบคุมให้เกิดการวิวัฒนาการจนเป็นทุกสิ่ง
ทฤษฎีนี้ make sense ครับ สามารถตอบทั้งทฤษฎีวิวัฒนาการของโลกและทัศนะตามพระคัมภีร์ได้อย่างราบรื่น ปัญหาของทฤษฎีนี้มีเรื่องเดียวคือการตีความคำว่าผงคลีว่าเป็นสิ่งที่มีชีวิตอยู่แล้ว (กึ่งๆ จะเป็นอะตอมหรือ DNA) แต่ความเป็นจริงชีวิตเริ่มมีตอนพระเจ้าปั้นเสร็จ (มีชีวิตเหมือนสรรพสัตว์) และระบายลมหายใจของพระองค์เข้าไป (มีชีวิตเหมือนพระฉายพระเจ้า)
5. ทฤษฎีการทรงสร้างแบบก้าวคืบ (Progressive Creationism)
พระเจ้าสร้างต้นแบบของสารพัดสิ่ง แล้วควบคุมการวิวัฒนาการภายในชนิด (Microevlolution) โดยไม่ข้ามประเภท
![]() |
สายพันธุ์สุนัขทั่วโลก |
ทฤษฎีนี้มองการทรงสร้างโดยพระเจ้าทรงเป็นผู้เริ่มต้นสิ่งมีชีวิต “ต้นแบบ” ตามประเภทต่างๆ (ภาษาฮีบรู "miyn" มิน หมายถึงชนิด) แล้วทรงควบคุมดัดแปลงซึ่งเป็นการวิวัฒนาการโดยพระเจ้าในสิ่งมีชีวิตประเภทนั้นๆ (Microevolution) ก่อให้เกิดความหลากหลายในภายหลัง โดยไม่มีการข้ามประเภท (Macroevolution) ซึ่งจะสามารถให้ทัศนะที่เชื่อมโยงระหว่างทฤษฏีการทรงสร้างของพระเจ้า และทฤษฎีวิวัฒนาการของโลกได้ดี
ผมคิดว่า "ทฤษฎีการทรงสร้างแบบก้าวคืบ (Progressive Creationism)" make sense ที่สุดครับ ใครเห็นเป็นอย่างอื่นสามารถให้เหตุผลโต้แย้งได้ตามสบายครับ
ฝากพี่น้องคริสเตียนไว้หน่อยหนึ่งครับ เราอาจจะไม่ต้องรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจมากเกินไปหากทัศนะการทรงสร้างของพระเจ้าตามหลักการพระคัมภีร์ไม่สามารถตอบแนวคิดทฤษฏีวิวัฒนาการของโลกได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เพราะการค้นคว้าและหลักฐานย่อมนำมาซึ่งความเข้าใจใหม่ ซึ่งสามารถให้ความเข้าใจที่กระจ่างขึ้นในทั้ง 2 ฝ่าย คือทั้งโลกและแม้แต่คริสเตียนเอง
สิ่งหนึ่งที่อาจจะช่วยให้ผู้ที่ยังไม่เข้าใจให้เข้าใจพระเจ้าได้มากขึ้นคือการทรงสร้างนั้น (1) เป็นมาโดยพระเจ้าผู้ทรงสื่อสารบุคลิกภาพของพระองค์ (2) สำแดงพระสิริของพระองค์ และ (3) เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เราทุกคน
อ้างอิง:
- อิริคสัน, มิลลาร์ด เจ. ศาสนศาสตร์คริสเตียน เล่ม 1. กรุงเทพมหานคร: พระคริสตธรรมกรุงเทพ, 2009.
- จอห์น เดวิส. เพิ่มความรู้. กรุงเทพมหานคร: กนกบรรณสาร, 1992.
ความคิดเห็น